บทที่ 191 งานเลี้ยงน้ำชา
“ข้ามาที่นี่เพื่อพบถังเสียวเป่ย ในเมื่อไม่ได้พบนาง เช่นนั้นก็ช่างเถิด”
จินเฟิงหันหลังและทำท่าจะเดินจากไป ในขณะที่เดินเขาก็พูดกับเถี่ยฉุยว่า “ตอนนั้นนายน้อยหลิวบอกว่ายังมีหญิงสาวจากที่ใดอีกนะ?”
“ยังมีแม่นางเฟยเยวียนจากหอเซียวเซียง และแม่นางลวี่หลิ่วจากสถานเริงรมย์หลวง…”
“เช่นนั้นไปที่สถานเริงรมย์หลวงดูแล้วกัน”
เมื่อได้ยินพวกเขาทั้งสองพูดคุยกัน ผู้ดูแลก็เริ่มวิตกกังวล
หากจินเฟิงไม่ตอบแทนเสี่ยวเอ้อร์ตัวน้อยด้วยเงินจำนวนมาก ผู้ดูแลคงปล่อยให้พวกเขาเดินไปไกลแล้ว
แต่ในเวลานี้ อีกฝ่ายไม่กล้าปล่อยให้จินเฟิงออกไปง่าย ๆ
เพราะเมื่อครู่ที่เถี่ยฉุยให้ค่าตอบแทนแก่เสี่ยวเอ้อร์ เขาเห็นว่าถุงเงินของเถี่ยฉุยน่าจะบรรจุเงินอย่างน้อย เจ็ดสิบแปดสิบตำลึงเงิน
หากถุงเงินของผู้ติดตามมีเงินมากมายขนาดนั้น คนเป็นนายย่อมมีตั๋วเงินมากกว่าอย่างแน่นอน
หากปล่อยลูกค้ารายใหญ่ไปหาคู่แข่ง แล้วแม่เล้ารู้เรื่องเข้า นางจะต้องทุบตีเขาเป็นแน่
“นายท่านทั้งสอง ช้าก่อน!”
ผู้ดูแลวิ่งเหยาะ ๆ ไปหาพวกเขาทั้งคู่
“เจ้าต้องการสิ่งใด?”
ดวงตาของเถี่ยฉุยเบิกกว้าง จากนั้นเขาก็ดึงดาบยาวออกมา
เถี่ยฉุยคือบุรุษผู้โหดเหี้ยมที่สังหารผู้คนในสนามรบ ทันทีที่เขาชักดาบออกมา รัศมีอันดุร้ายก็ปรากฏบนใบหน้าทันที นั่นทำให้ผู้ดูแลรู้สึกเกรงกลัวจนต้องถอยหลังไปหลายก้าว
“นายท่านอย่าเพิ่งเข้าใจข้าผิด!”
ผู้ดูแลโบกมือซ้ำ ๆ “หากนายท่านทั้งสองต้องการพบแม่นางเสียวเป่ย ข้าสามารถจัดการให้ได้!”
“หมายความว่าอย่างไร เจ้าคิดจะคดโกงข้าอีกอย่างนั้นหรือ?”
จินเฟิงจงใจขึ้นเสียง “หากต้องเสียห้าร้อยตำลึงเงินสำหรับชาหนึ่งถ้วย ข้าคงไม่ขอพบแม่นางผู้นี้หรอก!”
การที่เถี่ยฉุยชักดาบออกมาดึงดูดความสนใจจากรอบข้างมาได้ไม่น้อย เมื่อจินเฟิงพูดเรื่องเหล่านี้ทุกคนก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทันที
“หญิงสาวแบบใดกันที่แค่ดื่มน้ำชาเพียงถ้วยเดียวก็ต้องจ่ายห้าร้อยตำลึงเงินแล้ว? มีสตรีเช่นนั้นในหอวาโยวสันต์ด้วยหรือ?”
“ห้าร้อยตำลึงเงิน?! เราสามารถไปเมืองหลวงและเชิญแม่นางจื่อเยียนมาร่วมดื่มชาด้วยยังได้เลยมิใช่หรือ?”
“เจ้าไม่ได้ยินที่นายน้อยผู้นี้กล่าวอย่างนั้นรึ? นางคือแม่นางเสียวเป่ย”
“แม่นางเสียวเป่ยก็ไม่เลว แต่ดื่มชาเพียงถ้วยเดียวก็มิควรแพงขนาดนั้นมิใช่หรือ? หรือนางคิดว่านางเทียบได้กับแม่นางจื่อเยียนกันเล่า?”
“สหายเหลียง นี่ไม่ใช่ปัญหาของแม่นางเสียวเป่ย เห็นได้ชัดว่าผู้ดูแลคนนี้กำลังหลอกลูกค้า!”
“เขาเห็นว่าคนอื่นโง่เขลาหรืออย่างไร?”
“สิ่งที่หอวาโยวสันต์ทำนั้นผิดจรรยาบรรณไปเสียหน่อย”
…
ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างก็เริ่มแสดงความเห็นต่าง ๆ นานา บางคนถึงกับส่งเสียงโห่ไล่
เมื่อเห็นว่าเรื่องราวน่าจะรุนแรงขึ้น ผู้ดูแลก็วิตกกังวลมากและตบหน้าตัวเองถึงสองครั้ง “นายท่าน ข้าผิดไปแล้ว พวกเราสามารถพูดคุยต่อรองกันอีกครั้งได้หรือไม่?!”
“ข้าไม่มีเวลามาต่อรองอะไรหรอก หากเจ้ามีอะไรจะพูดก็ว่ามาเลยดีกว่า!”
“นายท่านอยากพบแม่นางเสียวเป่ยใช่หรือไม่? ข้าจะจัดเตรียมให้”
ผู้ดูแลพยักหน้าและกล่าวว่า “ห้าสิบตำลึงเงินเป็นอย่างไร?”
“ห้าสิบตำลึงเงิน?” จินเฟิงเยาะเย้ย “เมื่อครู่เจ้าไม่ได้บอกข้าว่าห้าร้อยตำลึงเงินหรอกหรือ เหตุใดลดเหลือ ห้าสิบตำลึงเงินอย่างรวดเร็วเช่นนั้นเล่า?”
“เมื่อครู่ข้าถูกกระตุ้นด้วยความโลภ นายท่านใจเย็นลงก่อนได้หรือไม่ อย่าใจร้ายกับข้าเลย”
“ห้าสิบตำลึงก็ห้าสิบตำลึง!”
จินเฟิงโบกมือให้เถี่ยฉุยนำเงินออกมา
แม้ว่าชายหนุ่มจะรู้สึกเสียดาย แต่เขาก็ต้องการพาถังเสียวเป่ยออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นจะได้รีบเดินทางกลับไปจัดการกับแร่ทังสเตน ดังนั้นบัณฑิตหนุ่มจึงยอมจ่ายห้าสิบตำลึงเงิน


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์