บทที่ 192 ถังเสียวเป่ย
“นางคือถังเสียวเป่ยใช่หรือไม่?”
เถี่ยฉุยจ้องไปที่หญิงสาวที่เดินออกมาและเอ่ยถาม
“น่าจะใช่ ดวงตาของนางคล้ายกับถังตงตง”
จินเฟิงพยักหน้าและเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาว
การที่นางได้มาอยู่ที่หอวาโยวสันต์แห่งนี้ แน่นอนว่ารูปร่างหน้าตาของนางต้องงดงามไม่เป็นรองผู้ใด
นางสูงประมาณห้าฉื่อ สวมใส่กระโปรงยาวที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับนางโลม ดูเหมือนนางฟ้านางสวรรค์ที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง ๆ
“ข้าขอขอบคุณนายน้อยทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนี้ เสียวเป่ยขอแสดงความเคารพ”
ถังเสียวเป่ยย่อตัวลงเล็กน้อย ในขณะที่มือเล็ก ๆ ของนางยังคงถือผีผาเอาไว้
“แม่นางเสียวเป่ยตามสบายเถิด”
“แม่นางเสียวเป่ยนับวันยิ่งงดงาม ตำแหน่งฮวาขุยในปีนี้ต้องตกเป็นของแม่นางเป็นแน่!”
ลูกค้าประจำสองคนพูดคุยแลกเปลี่ยนการสนทนาอย่างสนิทสนมเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเองคุ้นเคยกับถังเสียวเป่ย
“นายน้อยจางและนายน้อยโจว ได้โปรดอย่ายกยอเสียวเป่ยเลย”
ถังเสียวเป่ยตอบสนองต่อทั้งสองคนอย่างให้เกียรติ จากนั้นก็มองดูคนอื่นด้วยรอยยิ้ม “วันนี้มีนายน้อยหลายท่านที่เหมือนจะเพิ่งเคยมาพบปะกัน”
ความหมายคือ นางหวังว่าคนที่เหลือจะกระตือรือร้นแนะนำตัวเอง
ในปีนี้นางเพิ่งเสร็จสิ้นการฝึกฝนโดยหอวาโยวสันต์ และเริ่มทำการต้อนรับลูกค้าจึงไม่รู้จักใครมากนัก
แม่เล้าขอให้นางรับหน้าที่ดูแลนายน้อยที่มือชื่อในเขตนี้ หากมีผู้มาเยี่ยมเยียน นางจะต้องหาวิธีเอาชนะใจพวกเขา ทำให้พวกเขาอยู่เคียงข้างนางและเตรียมพร้อมสำหรับการคัดเลือกฮวาขุย
นี่เป็นหนึ่งในกฎของหอนางโลมและแขกประจำทุกคนก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี หลังจากถังเสียวเป่ยพูดจบ ชายหนุ่มที่นั่งหลังโต๊ะแรกทางด้านขวาก็ลุกขึ้นยืน
“ข้าอู๋จวิ้นหลิน ยินดีที่ได้มาพบแม่นางเสียวเป่ย”
“ที่แท้ก็นายน้อยอู๋จากอู๋จี้การค้านั่นเอง ยินดีที่ได้พบ!”
ถังเสียวเป่ยย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพ พลางนึกถึงการปรากฏตัวของนายน้อยอู๋ในใจอย่างเงียบ ๆ
นี่คือบุคคลที่แม่เล้าย้ำเตือนนางให้เอาชนะใจ และห้ามทำให้เขาขุ่นเคืองเด็ดขาด
เมื่อเห็นว่าถังเสียวเป่ยจำเขาได้ นายน้อยอู๋ก็นั่งลงอย่างภาคภูมิใจ
“ข้าเฉินกวานเจี๋ย แม่นางเสียวเป่ยช่างงดงามราวกับนางสวรรค์สมคำร่ำลือเสียจริง”
จากนั้นบุรุษคนที่สองก็เอ่ยชื่นชมนางขึ้นมา
“นายน้อยเฉินเอ่ยเกินจริงแล้ว” ถังเสียวเป่ยปิดปากด้วยความเหนียมอาย แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าได้ยินมาตลอดว่าตระกูลเฉินเป็นครอบครัวนักปราชญ์มาหลายชั่วอายุคน นายน้อยเฉินเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่มีความสามารถไม่กี่คนในเมืองนี้ วันนี้ได้พบกันแล้ว นายน้อยช่างดูอ่อนโยนและสง่างามเสียจริง”
ต่างคนต่างยกยอกันไปมา เมื่อนายน้อยเฉินเริ่มเอ่ยชื่นชม ถังเสียวเป่ยก็ต้องเอ่ยชื่นชมตอบ อย่างไรก็ตาม การสนทนาด้วยคำดี ๆ ก็ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายอะไร
และนี่ถือเป็นหนึ่งในทักษะที่นางโลมทุกคนต้องเรียนรู้
ต่อไป ผู้เข้าร่วมทุกคนก็แนะนำตัวเองทีละคน ในไม่ช้าก็ถึงคราวของเถี่ยฉุย
“ข้านามว่าเถี่ยฉุย ข้ามาที่นี่กับท่านอาจารย์”
เถี่ยฉุยแนะนำตัวเองอย่างเรียบง่าย จากนั้นก็นั่งลง
เมื่อได้ยินดังนั้นบรรดานายน้อยต่างก็พากันหันศีรษะไปมอง
แต่แทนที่จะมองเถี่ยฉุย เขากลับมองไปยังจินเฟิงซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เถี่ยฉุยแทน
ท้ายที่สุดแล้วการเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชาของถังเสียวเป่ยต้องใช้เงินสามตำลึงในการเข้างาน คนส่วนใหญ่จึงไม่เต็มใจที่จะพาผู้ติดตามเข้ามาที่นี่ด้วย
“ข้าขอบคุณพี่ใหญ่เถี่ยฉุยที่เข้าร่วม”
ไม่ว่าสถานะของเถี่ยฉุยจะเป็นอย่างไร แต่อีกฝ่ายก็ได้จ่ายเงินเพื่อเข้ามาที่นี่ ดังนั้นถังเสียวเป่ยจึงไม่ได้ปฏิบัติกับเขาต่างออกไป เพียงเพราะเถี่ยฉุยเป็นผู้ติดตาม อีกทั้งนางยังย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อเถี่ยฉุย
จากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นมองจินเฟิง
“ข้านามว่าจินเฟิง มาจากอำเภอจินชวน ข้าได้ยินจากสหายของข้า ‘ถังตงตง’ อีกฝ่ายบอกว่าแม่นางเสียวเป่ยมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม ข้าจึงมาดูถึงที่นี่ด้วยตาตนเอง”
เมื่อถังเสียวเป่ยได้ยินคำว่า ‘ถังตงตง’ ลมหายใจของนางก็หยุดชะงัก ริมฝีปากเริ่มสั่นอย่างห้ามไม่ได้ นางมองไปที่จินเฟิงด้วยท่าทางยากจะเชื่อ



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์