บทที่ 195 มีชื่อเสียงทั่วกวางเหยวียน
“พี่ใหญ่ ท่านอาจารย์มีผลงานชิ้นเอกอื่นอีกหรือไม่?”
นายน้อยโจวดึงเถี่ยฉุยและถามอย่างคาดหวัง
“ข้าบอกไปแล้วมิใช่หรือว่าท่านอาจารย์มีบทกวีมากมายนัก เพียงแต่ข้านั้นเป็นบุรุษไม่รู้หนังสือจึงจำไม่ค่อยได้”
เมื่อเห็นว่าบุรุษเหล่านี้ถูกปราบปรามและเขาก็บรรลุเป้าหมายในการกอบกู้ชื่อเสียงของจินเฟิงสำเร็จแล้ว เถี่ยฉุยจึงก็ไม่พูดอะไรอีก
“หากเจ้าจำทั้งประโยคไม่ได้ก็ไม่เป็นไร หากจำได้เพียงหนึ่งหรือสองประโยคก็พอแล้ว”
นายน้อยโจวรีบส่งสัญญาณให้ผู้ติดตามของเขารินเหล้าให้เถี่ยฉุย
“ข้าจำไม่ได้ ข้าจำไม่ได้แล้ว!”
เถี่ยฉุยผลักถ้วยเหล้าออกไป โดยไม่ได้สนใจนายน้อยเหล่านี้อีกต่อไป
ในศาลา จินเฟิงและถังเสียวเป่ยพูดคุยกันในเรื่องของแผนการจนถึงช่วงเวลาเย็น
หลังจากได้ยินแผนของจินเฟิงความกังวลของถังเสียวเป่ยก็หายไป และนางก็เอ่ยถามเขาด้วยรอยยิ้ม
“ท่านอาจารย์ คืนนี้มีการแสดงที่หอวาโยวสันต์ โดยสาวงามทั้งหมดจะปรากฏตัวอย่างพร้อมเพรียง หากท่านอาจารย์ต้องการรับชม ข้าจะจัดให้สองที่นั่ง”
“ไม่ล่ะ ภรรยาและพี่สาวของเจ้ายังรอข้าอยู่ที่บ้าน”
จินเฟิงยืนขึ้นและพูดว่า “เจ้ามีเวลาก็ลองทบทวนแผนการดูนะ หากมีสิ่งใดที่เจ้าต้องการเพิ่มเติม ครั้งหน้าเจ้าแจ้งข้าได้เลย”
“ตกลง” ถังเสียวเป่ยพยักหน้า “เดี๋ยวข้าไปส่ง”
ผลก็คือทันทีที่พวกเขาทั้งสองออกมาจากศาลา ก็ต้องถูกนายน้อยทั้งหลายห้อมล้อม
“ท่านอาจารย์จิน ข้าชื่นชมท่านจริง ๆ!”
“ท่านอาจารย์จิน บทกวีสาวหนอนไหม*[1] แต่งได้ดีมาก!”
“ไม่ ข้าคิดว่าบทกวี ‘ทุกข์ของชาวนา’ เป็นกวีที่เขียนได้ดีที่สุด ใต้หล้านี้ไม่มีที่ดินใดไร้การเพาะปลูก แต่ยังมีชาวนาอดอยากตาย เพียงแค่ไม่กี่พยางค์ แต่ท่านสามารถแสดงอารมณ์ได้อย่างตรงไปตรงมา!”
“ข้าคิดว่า ‘บทกวีเชิญร่ำสุรา’ เป็นงานเขียนที่ดีที่สุด กล้าหาญ และยิ่งใหญ่!”
“ท่านอาจารย์จิน มีผลงานชิ้นเอกอื่นอีกหรือไม่?”
กลุ่มนายน้อยเข้ามาล้อมรอบจินเฟิงเพื่อพูดคุย
“สาวหนอนไหม? บทกวีเชิญร่ำสุรา ทุกข์ของชาวนา?”
จินเฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล
บทกวีเหล่านี้เขาไปขับมาไม่กี่แห่งเท่านั้น โดยเฉพาะ ‘บทกวีเชิญร่ำสุรา’ บทกวีนี้ปรากฏในต้าคังเป็นครั้งแรกเมื่อวาน พวกเขารู้ได้อย่างไร?
เมื่อวานมีใครได้ยินมันที่โรงเตี๊ยมอีกหรือ?
แล้วมีใครได้ยิน ‘กั๋วจี้เกอ’ บ้างหรือไม่?
ชั่วขณะหนึ่งจินเฟิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย
เขาส่งสัญญาณให้เถี่ยฉุยหยุดบุรุษเหล่านี้ จากนั้นก็ออกไปพร้อมกับถังเสียวเป่ย
“เถี่ยฉุย ตอนที่เราดื่มเมื่อวานนี้ มีคนนอกอยู่ในโรงเตี๊ยมหรือไม่?”
หลังออกมาจากประตูหอวาโยวสันต์ จินเฟิงก็ดึงเถี่ยฉุยไปที่ซอยเล็ก ๆ ทันที
“ท่านอาจารย์ไม่ต้องห่วง เมื่อวานข้าจัดให้สหายของเราเข้ากะ หลังจากที่อาหารถูกนำมาก็ไม่มีผู้ใดเข้ามาใกล้เรือนของเราแล้ว”
เถี่ยฉุยกล่าวอย่างมั่นใจ
เมื่อวานทุกคนดื่มกันเป็นกะ และมีทหารผ่านศึกสี่คนที่ไม่ได้ดื่มเลย
“แล้วพวกเขารู้เรื่อง ‘บทกวีเชิญร่ำสุรา’ ได้อย่างไร?”
จินเฟิงถามด้วยความสับสน
“เอ่อ…”
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์