บทที่ 2 สินค้าขาดทุน
“สินค้าขาดทุนหรือ?”
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องปรากฏขึ้นในหัวของจินเฟิงทันที
ปัญหาประชากรผู้หญิงมากกว่าผู้ชายในราชวงศ์คังเกิดขึ้นหลายปีแล้ว ขนาดมีการจัดขบวนส่งตัวเจ้าสาวก็ยังแก้ไม่ตก
ตามปกติ หญิงสาวที่ถูกเลือกจากขบวนส่งตัวเจ้าสาวประจำปีในรอบแรกจะมีจำนวนน้อย
อย่างเช่นครั้งนี้ จะเห็นได้ว่ามีหญิงสาวมากกว่ายี่สิบคนในขบวน ขณะที่ชายหนุ่ม… หากนับจินเฟิงรวมกับพวกแล้วมีเพียงสี่คนเท่านั้น
เพื่อที่จะกระจายหญิงสาวที่ยังไม่มีคู่ครองและกระตุ้นการเติบโตของประชากรให้ได้มากที่สุด ทางการของราชวงศ์คังจึงสนับสนุนให้ผู้ชายมีอนุภรรยา ตราบใดที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้จะแต่งงานกับหญิงสาวกี่คนก็ไม่ใช่ปัญหา
หลังจากที่จินเฟิงและคนอื่น ๆ เลือกเสร็จ ชายรอบข้างคนใดถูกตาต้องใจหญิงสาวในขบวนก็สามารถเลือกพวกนางมาเป็นอนุภรรยาได้ แน่นอนว่าพวกนางไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ
อย่างไรก็ตาม หากสมาชิกในครอบครัวเพิ่มมากขึ้น ค่าใช้จ่ายย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่ภาษีเพิ่มขึ้นทุกปีอย่างนี้ คงมีไม่กี่ครอบครัวที่ยินดีจะรับอนุภรรยา
ดังนั้น ทุกปีจึงมีสตรีที่อายุถึงเกณฑ์จำนวนมากไม่ได้แต่งงาน แม้จะเข้าร่วมขบวนส่งตัวเจ้าสาวแล้วก็ตาม
แต่ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะมาจากเหตุสุดวิสัย พวกนางก็ยังต้องจ่ายค่าปรับภาษีเพิ่มขึ้นจากเดิมสองส่วน
สตรีเหล่านี้จึงถูกเรียกว่า ‘สินค้าขาดทุน’
ในละแวกนี้ กวานเสี่ยวโหรวเป็นหญิงที่ได้ชื่อว่าสินค้าขาดทุน นางเข้าร่วมขบวนส่งตัวเจ้าสาวถึงสี่ครั้ง ทว่าจนถึงตอนนี้ที่นางอายุสิบแปดก็ยังไม่ได้แต่งงาน
ที่นางยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ใช่เพราะนิสัยไม่ดีหรือเกียจคร้าน แต่เป็นเพราะนางไม่สามารถตากแดดได้ โดยเฉพาะในฤดูร้อน เพียงแค่ออกไปถูกแสงอาทิตย์เพียงไม่กี่นาที ผิวของนางก็จะบวมแดง บางครั้งถึงขนาดเกิดแผลพุพองขึ้น
บุคคลเช่นนี้ถูกเรียกว่าเย่เม่ยหรือภูตราตรี ในสมัยราชวงศ์คังถือเป็นลางร้าย ไม่สามารถพบเจอแสงสว่างและมีชีวิตอยู่ได้ในความมืดเท่านั้น
เดิมทีครอบครัวของกวานเสี่ยวโหรวมีฐานะค่อนข้างดี ในช่วงตรุษจีน นางสามารถซื้อเนื้อสัตว์ชิ้นหรือสองชิ้นเพื่อตอบสนองความอยากของตนได้ ทว่าตั้งแต่นางอายุสิบหก ครอบครัวก็จำเป็นต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้นจากเดิมสองส่วนทุก ๆ ปี ความเป็นอยู่ที่บ้านของนางจึงลำบากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้การมีข้าวกินสักหนึ่งมื้อยังถือว่าเป็นเรื่องยาก
ที่โชคร้ายกว่านั้นคือ เมื่อปีที่แล้วน้องสาวของนางป่วยเป็นโรคประหลาดมักจะตัวสั่น เหงื่อออกบ่อย ๆ และบางครั้งก็เป็นลมล้มลงไป
เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ผู้คนคิดว่านางเป็นสตรีที่นำโชคร้ายมาสู่ครอบครัว
นอกจากชาวไร่ชาวนาที่ขาดความรู้ ใครเล่าจะกล้าแต่งงานกับหญิงเช่นนี้?
‘เย่เม่ยอะไรกัน นางแพ้แสงแดด แค่ทาครีมกันแดดก็พอแล้ว… ความเชื่อในสังคมศักดินาคร่าชีวิตผู้คนได้จริง ๆ!’
จินเฟิงอดเห็นอกเห็นใจผู้หญิงคนนี้ไม่ได้
หัวหน้าหมู่บ้านถือชามเอาไว้ในมือ เดินขนาบข้างมากับหัวหน้านักการ
“กติกาเดิม จับฉลาก เลือกมาคนละหนึ่ง”
ทั้งสี่คนผลัดกันหยิบกระดาษที่ถูกม้วนเอาไว้ขึ้นมา
จินเฟิงเปิดกระดาษออกเป็นคนแรก พบว่ามีแถบสี่เส้นวาดอยู่บนนั้น หมายความว่าเขาจะได้เลือกคนสุดท้าย
จินเฟิงไม่ได้สนใจ อย่างไรก็ตาม หากเขาและคนอื่น ๆ เลือกหญิงสาวคนเดียวกันล่ะ
หัวหน้าหมู่บ้านมองดูกระดาษในมือของพวกเขาทุกคน จากนั้นก็ยิ้มให้หลี่สือโถวชายหลังค่อม “สือโถว เจ้าเป็นคนแรก เลือกเถิด”
ขณะที่หลี่สือโถวกำลังจะเอ่ย กวานเสี่ยวโหรวก็ก้าวออกมาจากแถวทันที
“พี่ใหญ่ ข้าทอผ้าได้ อีกทั้งยังเป็นคนกินน้อย หากท่านให้โอกาสข้า ข้าจะทำงานหนักให้เหมือนโคเหมือนม้าตอบแทนน้ำใจท่าน!”
เพื่อเรียกความสนใจจากหลี่สือโถว นางจงใจพันเสื้อผ้าที่มีรอยปะให้แนบไปกับลำตัวมากขึ้นเพื่ออวดรูปร่างและความสามารถ นางต้องการแสดงให้เห็นว่าตนมีพรวรรค์และเหมาะที่จะเป็นผู้ให้กำเนิดบุตร
“ให้ตายสิ เรือนร่างฟ้าประทาน!”
เมื่อครู่เรือนร่างของนางถูกบดบังโดยเสื้อผ้าหลวม ๆ จินเฟิงไม่คิดเลยว่ารูปร่างของกวานเสี่ยวโหรวจะดีขนาดนี้
ตำแหน่งที่ควรจะตรงก็ตรง ตำแหน่งที่ควรจะเว้าโค้งก็เว้าโค้งอย่างสวยงาม ทุกสัดส่วนล้วนดูประณีต…
ใบหน้านางสวรรค์ รูปร่างนางมาร คุณสมบัติเพียบพร้อม… มาตรฐานของเทพธิดา!
แต่ชาวบ้านไม่เห็นด้วยกับการกระทำของนาง และตราหน้ากวานเสี่ยวโหรวว่าไร้ยางอาย
“ลากตัวนางกลับไป!”
เจ้าหน้าที่ดุเสียงดัง
กวานเสี่ยวโหรวกลับมายืนในแถวอย่างเชื่อฟัง ใบหน้าของนางแดงจัด ทั้งเนื้อตัวก็สั่นเล็กน้อย จากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นมองหลี่สือโถว
หากเป็นไปได้ นางไม่ได้อยากโดนด่าว่าไร้ยางอาย แต่นางไม่มีทางเลือก
ตลอดสองปีที่ผ่านมา นางต้องปั่นด้ายทั้งวันทั้งคืน มิหนำซ้ำยังถูกพี่สะใภ้ทุบตีและดุด่าทุกวัน ส่วนพี่ชายและพ่อแม่ก็ไม่สนใจ
ก่อนที่นางจะออกเดินทางมาที่นี่ พี่สะใภ้ของนางบอกว่า หากครั้งนี้นางยังไม่ได้แต่งงานก็ไม่ต้องกลับไปที่บ้าน แต่ให้ตามคนจากทางการไปที่หอนางโลมแทน

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์