บทที่ 200 โชคด้านความรัก
“แม่นางลวี่หลิ่ว ไม่ต้องหรอก”
จินเฟิงคว้ามือเล็ก ๆ ของลวี่หลิ่วเอาไว้
“ท่านอาจารย์วางใจเถิด ข้ารู้ว่าการเขียนบทกวีต้องใช้แรงบันดาลใจ ข้าจะไม่เร่งรัดท่านหรอก”
ตอนนี้เมื่อถูกจินเฟิงจับได้ คนงามจึงปล่อยมือและพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “ข้าแค่หวังว่าท่านอาจารย์จะไปพบข้าที่สถานเริงรมย์หลวงบ้าง”
“ข้าคงต้องขอดูก่อน”
จินเฟิงตอบกลับอย่างสบาย ๆ
“ถ้าเช่นนั้นก็ขอบคุณท่านอาจารย์ล่วงหน้า”
ลวี่หลิ่วยิ้มอย่างอ่อนหวาน จากนั้นนางก็ยกมือเล็ก ๆ ช่วยจัดคอเสื้อให้ชายหนุ่มช้า ๆ
“แม่นางไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้หรอก ในเมื่อข้าสัญญาไว้แล้วย่อมหาเวลาไปที่นั่นให้ได้”
จินเฟิงผลักลวี่หลิ่วไปให้นั่งข้าง ๆ อย่างที่ควรจะเป็น
…
รถม้านี้เคลื่อนตัวช้ามากและใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงหอวาโยวสันต์
“ท่านอาจารย์ หากมีเวลาหวังว่าท่านจะให้เกียรติไปพบลวี่หลิ่ว”
ลวี่หลิ่วเช็ดมุมปากของนางแล้วโปรยยิ้มให้จินเฟิง
“หากข้ามีเวลาข้าก็จะไป”
จินเฟิงโบกมืออย่างไม่เป็นทางการนัก
อย่างไรก็ไปเพื่อยกยอปอปั้นเท่านั้น คงจะดีหากมีเวลาและได้ไปดูสถานเริงรมย์หลวงว่าเป็นอย่างไร
“เช่นนั้นลวี่หลิ่วจะรอ”
ลวี่หลิ่วโบกมือและเดินจากรถม้าไป
เพื่อป้องกันไม่ให้หญิงสาวหลบหนี ประตูหลังของหอนางโลมจึงได้รับการดูแลอย่างเข้มงวด หอวาโยวสันต์ก็ไม่มีข้อยกเว้น เพราะมีบุรุษร่างกายกำยำยืนอยู่ทางซ้ายและขวา โดยแต่ละคนถือดาบยาวอยู่ในมือ
เมื่อเห็นจินเฟิงและเถี่ยฉุยเดินเข้ามา ชายร่างใหญ่คนหนึ่งขยับไปด้านข้างเพื่อกั้นประตูหลังทันที “แขกที่จะมาร่วมสนุกที่นี่ โปรดใช้ประตูหน้า!”
“กลับไปบอกนายแม่ของเจ้าว่าจินเฟิงมา หากนางให้ข้าผ่านเข้าทางประตูหน้า ข้าก็จะผ่านทางประตูหน้า”
จินเฟิงยืดหลังตรงและตอบอย่างเกียจคร้าน
ตอนนี้เขาอยู่บนรถม้าไม่สามารถยืดขาได้ เจ้าตัวรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
“จินเฟิงหรือ? เหตุใดชื่อนี้ถึงฟังดูคุ้นหูนัก?”
ชายร่างใหญ่เกาหัวและพึมพำกับตัวเอง
“เจ้าโง่หรืออย่างไร? นี่คือท่านอาจารย์จินที่เขียนบทกวีให้แม่นางเสียวเป่ยอย่างไรเล่า!”
สหายอีกคนเตะชายร่างใหญ่ออกไป พร้อมกับค้อมตัวลงพูดกับจินเฟิง “ท่านอาจารย์จิน เชิญด้านในเถิด นายแม่ตั้งตาคอยท่านมานานแล้ว!”
จินเฟิงไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับชายที่ประตู เขาเข้าไปในหอวาโยวสันต์พร้อมกับเถี่ยฉุย
“ท่านอาจารย์จินเองหรือ?” ชายร่างใหญ่เกาหัวแล้วพูดว่า “เขาไม่ได้สนิทกับแม่นางเสียวเป่ยของเรารึ? เหตุใดเขาจึงมาที่นี่พร้อมกับลวี่หลิ่วจากสถานเริงรมย์หลวงเล่า?”
“มีสตรีไม่น้อยที่อยากจะเข้าหาท่านอาจารย์จิน การที่เขาอยู่กับลวี่หลิ่วจะแปลกอะไร”
“ข้าอยากมีความสามารถเหมือนท่านอาจารย์บ้างจริง ๆ หากเป็นเช่นนั้นข้าคงจะสามารถหลับนอนกับหญิงสาวในตรอกเฟิงเยว่ได้ อีกทั้งยังได้รับเงินมากมายสำหรับการเขียนบทกวี”
“เจ้าหยุดฝันกลางวันได้แล้ว เจ้าเฝ้ายามอยู่ตรงนี้ ข้าจะไปแจ้งนายแม่!”
ว่าจบเขาก็ถอนหายใจและหันหลังพร้อมวิ่งเข้าไปด้านใน
หอวาโยวสันต์ค่อนข้างใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่จินเฟิงเข้ามาทางประตูหลัง และเขาก็ไม่คุ้นเส้นทางนัก ในขณะที่กำลังหาเส้นทางก็เห็นแม่เล้าและหญิงรับใช้สองสามคนจากระยะไกล
“ท่านอาจารย์จิน หากท่านจะมาเหตุใดไม่ส่งคนมาแจ้งที่หอวาโยวสันต์ล่วงหน้าเล่า? ข้าจะได้จัดรถม้าไปรับท่าน!”
เมื่อแม่เล้าเห็นจินเฟิง ก็รู้สึกเหมือนกับได้เห็นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง นางยิ้มออกมาอย่างชื่นมื่นจนแทบไม่เห็นดวงตา
“ข้ามาที่นี่เพื่อพูดคุยกับแม่นางเสียวเป่ยเท่านั้นจึงไม่อยากรบกวนเจ้า”
จินเฟิงเอ่ยถาม “คราวนี้ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชาใช่หรือไม่?”
“ท่านอาจารย์พูดเช่นนี้เหมือนเป็นการตบหน้าข้า นับจากนี้ไปหอวาโยวสันต์ก็เปรียบเสมือนบ้านของท่านอาจารย์ ท่านสามารถมาได้ทุกเมื่อที่ต้องการและหากท่านอาจารย์อยากให้หญิงสาวคนใดมาปรนนิบัติก็ขอเพียงเอ่ยปากเท่านั้น”
“เช่นนั้นข้าก็ต้องขอบคุณมาก” จินเฟิงจับมือนางหลวม ๆ และถามว่า “ข้าสามารถพาเสียวเป่ยออกไปตอนนี้ได้หรือไม่?”
“เอาตามที่ท่านอาจารย์สะดวกเลย เชิญท่านอาจารย์ตามสบาย”
แม่เล้ารีบก้าวออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อหลีกทางให้จินเฟิงและไม่ลืมที่จะเอ่ยเตือน “เสียวเป่ย ปรนนิบัติท่านอาจารย์จินให้ดี อย่าละเลยเขา”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์