บทที่ 201 พิสูจน์ความบริสุทธิ์
จินเฟิงถูกกลุ่มหญิงสาวเล้าโลมอย่างถึงเนื้อถึงตัว แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้อยู่ที่หอวาโยวสันต์ต่อ ชายหนุ่มรีบปลีกตัวออกมาจากหญิงสาวเหล่านั้น
ไม่ใช่ว่าพวกนางไม่งดงาม แต่เขารู้ดีว่าห้วงความงามของสตรีคือสุสานของวีรบุรุษ หอนางโลมนี้จะกัดกร่อนพวกเขาไปเรื่อย ๆ แน่นอนว่ามันสนุกเพียงชั่วยาม ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะมองข้ามมันไปดีกว่า
“ท่านอาจารย์ หญิงสาวเหล่านั้นงดงามมาก และพวกนางก็อยากจะลากท่านเข้าไปดื่มชาด้วยกันในห้อง เหตุใดท่านไม่ไปเล่า?”
พวกเขาเดินมาเกือบจะถึงประตูหลังของโรงเตี๊ยมแล้ว แต่เถี่ยฉุยยังคงรู้สึกเสียดายและมองย้อนกลับไปทางตรอกเฟิงเยว่
“เมื่อครู่ข้าเห็นหญิงสาวสองคนมาพัวพันเจ้าอยู่ หากเจ้ารู้สึกว่าน่าเสียดาย เช่นนั้นหลังจากพาข้าไปส่ง เจ้าค่อยกลับมาที่นี่อีกทีก็แล้วกัน”
จินเฟิงเหลือบมองเถี่ยฉุย “เจ้าเองก็ได้ค่าตอบแทนจากการปราบโจรไปไม่น้อยน่าจะเพียงพอที่จะสำราญเริงใจอยู่ในหอวาโยวสันต์ได้พักหนึ่ง”
“เงินที่ข้าและเหล่าสหายได้รับจากการต่อสู้กับกลุ่มโจรนั้นยังต้องเก็บหอมเอาไว้ให้ลูกชายไปแต่งเมีย”
เถี่ยฉุยรีบปิดถุงเงินของเขาอย่างรวดเร็ว “เมื่อสองวันก่อนข้าไปสืบทราบมาว่า หอวาโยวสันต์เป็นสถานที่ที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก หากต้องใช้เงินไปกับการค้างคืนกับหญิงสาวเหล่านั้น สู้ข้าเอาเงินไปซื้อของกินของใช้ที่เป็นประโยชน์ระยะยาวจะดีกว่า ข้ายังได้ยินมาว่า นางโลมทุกคนต่างก็เป็นสตรีหัวสูง หากบุรุษผู้นั้นเป็นใต้เท้าหรือคุณชายจากตระกูลต่าง ๆ พวกนางจะเกลี้ยกล่อมเพื่อเอาเงินทั้งหมดไป สุดท้ายพวกเขาก็จะไม่เหลืออะไรเลย”
“เจ้ารู้อย่างนั้นก็ดี” หลังจากที่จินเฟิงพูดจบ เขาก็พูดต่อ “เช่นนั้น เจ้าอยากจะกลับไปที่นั่นอีกหรือไม่?”
“ฮ่า ๆ หากข้าติดตามท่านอาจารย์ก็ไม่ต้องใช้เงินเลยมิใช่หรือ…”
เถี่ยฉุยเกาศีรษะแล้วยิ้มออกมาเจื่อน ๆ
“ไปให้พ้น!” จินเฟิงเตะเขา “กลับไปแล้ว เจ้าต้องฝึกระมัดระวังปากของตัวเองให้ดี เวลาออกไปข้างนอกอย่าพูดจาเหลวไหลเชียว”
“ท่านอาจารย์ไม่ต้องกังวล!” เถี่ยฉุยทุบหน้าอกของเขาอย่างมั่นใจ
ยามนี้กวานเสี่ยวโหรว ถังตงตง และชิ่งมู่หลานต่างก็รอข่าวคราวของจินเฟิงที่ลานด้านหน้า เมื่อพวกนางเห็นจินเฟิงกลับมาต่างก็รีบยืดตัวตรงทันที
ถังตงตงกำลังจะเอ่ยปากถาม แต่แล้วนางก็เห็นชิ่งมู่หลานสูดดมบางอย่าง “นี่มันกลิ่นอะไร เหตุใดจึงหอมเช่นนี้?”
ขณะที่พูด นางก็ขยับเข้าใกล้จินเฟิงมากขึ้น
พรืด!
เถี่ยฉุยไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้และระเบิดหัวเราะออกมา
เมื่อเห็นจินเฟิงเบิกตาโพลง เขาก็รีบโบกมือเพื่อบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
นางโลมนั้นล้วนแต่ต้องมีกลิ่นกายหอมเย้ายวนและต้องแต่งหน้าแต่งตาเพื่อให้เหล่าพ่อค้าหรือลูกค้าคนโปรดประทับใจ จินเฟิงออกไปพบหญิงสาวเหล่านั้นมา กลิ่นกายของพวกนางจะติดมาที่ร่างกายเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
“เจ้าเป็นหมาหรืออย่างไร?”
จินเฟิงถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยความรู้สึกผิด ทันใดนั้นก็ชี้ไปที่เถี่ยฉุย “เป็นเขาผู้นี้ ตอนที่ข้าพูดคุยกับเสียวเป่ย เขาลักลอบไปคุยกับหญิงรับใช้ของนาง แถมยังใกล้ชิดและเอาเปรียบนางด้วย”
แค่ก ๆ!
เถี่ยฉุยที่กำลังกลั้นเสียงหัวเราะ จู่ ๆ ก็สำลัก
นี่มันเรื่องอะไรกัน เหตุใดเรื่องถึงมาตกอยู่ที่เขาได้?
อย่างไรก็ตาม เขาตระหนักได้ในครู่ถัดมาว่า หน้าที่อย่างหนึ่งของตนเองคือการปกป้องเจ้านาย เขาจึงพูดด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสาว่า “แม่นางมู่หลานไม่ต้องดมหรอก เป็นกลิ่นที่ติดกายข้าเอง”
หลังจากพูดจบ เขาก็จงใจยืดแขนเสื้อของตนเองไปใกล้จมูกของชิ่งมู่หลาน
เนื่องจากมีจังหวะหนึ่งที่เถี่ยฉุยได้ใกล้ชิดกับหญิงสาวที่หอนางโลมจริง จึงมีกลิ่นของพวกนางติดกายมาเช่นเดียวกัน ถึงกลิ่นจะไม่แรงเท่ากับจินเฟิง แต่ชิ่งมู่หลานก็สามารถได้กลิ่นนั้นได้
“ไป ไป ไป!”
ชิ่งมู่หลานเตะเถี่ยฉุยออกไปด้วยความรังเกียจ
เถี่ยฉุยเองก็ไม่ได้สนใจนางมากนัก เขาหันหลังกลับเพื่อจากไป และไม่ลืมที่จะมองจินเฟิงด้วยสายตาว่าเป็นอันรู้กัน
จินเฟิงชี้ไปที่เถี่ยฉุยและแอบตำหนิเขาเล็กน้อย “เถี่ยฉุย ข้าบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่าให้รู้จักยับยั้งชั่งใจ ข้าว่าในจุดนี้เจ้านั้นอ่อนด้อยนัก”
“สิ่งที่ท่านอาจารย์พร่ำสอนข้า ข้าจะนำไปปรับปรุงในอนาคต!”
เถี่ยฉุยพยักหน้าซ้ำ ๆ
ขณะที่ทั้งคู่กำลังทำการแสดง พวกเขาไม่รู้เลยว่ากวานเสี่ยวโหรวและชิ่งมู่หลานรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ในยุคสมัยนี้ การไปหอนางโลมไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร ชิ่งมู่หลานก็แค่ล้อจินเฟิงเล่นเท่านั้น และไม่มีใครถือว่ามันเป็นเรื่องใหญ่

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์