บทที่ 204 ตกรางวัล
“อย่างไรก็ตาม เสียวเป่ยไม่ได้ต้องการที่จะเป็นฮวาขุยอยู่แล้ว ไม่สำคัญหรอกว่านางจะออกมาเป็นลำดับที่เท่าไร”
ชิ่งมู่หลานพูดด้วยรอยยิ้ม และเสียงกลองก็ดังขึ้นอีกครั้งบนเรือแห่
ชิงหลัวพยักหน้าไปทางด้านหลัง จากนั้นหญิงสาวหลายคนก็สวมผ้าคลุมหน้าขึ้นมาบนเวที โดยที่แต่ละคนล้วนถือเครื่องดนตรีเอาไว้
“ท่านพี่มู่หลาน เหตุใดพวกนางถึงสวมผ้าคลุมหน้าเล่า?”
เมื่อรุ่นเหนียงหยุดถาม เสี่ยวเอ๋อเด็กน้อยขี้สงสัยก็เป็นฝ่ายตั้งคำถามขึ้นอีกครั้ง
“เพราะพวกนางต้องรับผิดชอบต่อการแสดงและไม่สามารถดึงความสนใจมาจากชิงหลัวได้ พวกนางจึงต้องคลุมใบหน้าของตนเองเอาไว้”
หลังจากที่ชิ่งมู่หลานพูดจบ นางก็ไม่ลืมหยิบขนมชิ้นหนึ่งมาจากจานที่เสี่ยวเอ๋อถืออยู่
“ตรงนั้นยังมีขนมอีกมากมาย เหตุใดต้องมาแย่งของข้าด้วย” เสี่ยวเอ๋อเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ
ม่ายหยาถัง*[1] จานนี้อร่อยที่สุดในบรรดาขนมอบทั้งหมด
“ของที่อยู่ในมือเจ้าก็น่าอร่อยดีนี่”
ชิ่งมู่หลานยิ้มและเอื้อมมือไปที่จานอีกครั้ง
เสี่ยวเอ๋อแสดงความไม่พอใจทันที จากนั้นนางก็แอบถุยน้ำลายลงในจานอย่างรวดเร็ว
น้ำลายถูกพ่นออกมาเป็นละอองกระจายไปทั่วจานและมือของชิ่งมู่หลาน
“นี่เจ้า…”
ชิ่งมู่หลานโกรธเสียจนแทบจะลุกขึ้นยืน
เสี่ยวเอ๋อรู้ดีว่านางทำเกินไป เมื่อนางเห็นชิ่งมู่หลานยกฝ่ามือขึ้น เด็กน้อยก็หดคอด้วยความตกใจ และรีบเหยียดแขนยื่นจานไปข้างหน้าอย่างประจบประแจง
“ข้าไม่เอาแล้ว!”
ชิ่งมู่หลานเช็ดมือของนางลงบนเสื้อของเสี่ยวเอ๋อด้วยความโกรธพร้อมกับจ้องมองเด็กแสบแล้วพูดว่า “กวานเสี่ยวเอ๋อ เรื่องระหว่างเราไม่จบง่าย ๆ แน่”
ตั้งแต่สมัยโบราณ สิ่งที่เด็ก ๆ กลัวมากที่สุดคือการที่ผู้ใหญ่เรียกพวกเขาด้วยชื่อจริง มันฟังดูเต็มยศอย่างไรชอบกล
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชิ่งมู่หลานดูเหมือนอยากจะกินคนเช่นนี้ เสี่ยวเอ๋อเห็นแล้วแทบจะน้ำตาไหล นางจึงเม้มปากแล้วขอความช่วยเหลือจากจินเฟิง “พี่เขย…”
“คนอื่นเอาขนมบนโต๊ะมาให้เรากินด้วยกัน ครั้งนี้เจ้าผิดที่ถ่มน้ำลายลงบนขนมนั้น…”
ในชีวิตที่แล้วจินเฟิงเกลียดเด็กซุกซนมากที่สุด ดังนั้นเขาจะไม่ตามใจเสี่ยวเอ๋อ ชายหนุ่มใช้โอกาสนี้สอนบทเรียนให้นาง
“อื้ม…”
เสี่ยวเอ๋อวางจานกลับลงบนโต๊ะแล้วนั่งลงโดยก้มศีรษะ
อีกทั้งนางยังเช็ดมุมหางตาของตนบ้างเป็นครั้งคราว
แต่ในความเป็นจริงไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียวในดวงตาของเด็กเจ้าเล่ห์
“หยุดแสร้งทำเป็นน่าสงสารได้แล้ว” จินเฟิงถามด้วยความโกรธ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าตัวเองทำผิด”
“ข้ารู้แล้วว่าข้าผิด จริง ๆ แล้วเมื่อครู่ข้าไม่ได้คิดจะถ่มน้ำลายด้วยซ้ำ แต่ข้าร้อนรนไปหน่อย”
เสี่ยวเอ๋อจับแขนของจินเฟิงแล้วส่ายศีรษะ “พี่เขย ข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว ครั้งนี้โปรดยกโทษให้เสี่ยวเอ๋อด้วย”
“เอาล่ะ ม่ายหยาถังเปื้อนน้ำลายของเจ้าแล้ว คงไม่มีใครกินต่อ เจ้ารับผิดชอบไปก็แล้วกัน”
จินเฟิงลูบหัวเด็กน้อย
“ข้าขอบคุณพี่เขย!”
เสี่ยวเอ๋อหยิบจานขึ้นมาอีกครั้งและวิ่งไปหาชิ่งมู่หลานด้วยรอยยิ้ม พร้อมกินอย่างเอร็ดอร่อย
“ทั้งสองคนนี่จริง ๆ เลยนะ…”
จินเฟิงอยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ
บนเวที เมื่อการแสดงของชิงหลัวจบลง กลุ่มเจ้าหน้าที่ก็ออกมา กลุ่มละสามคน คนหนึ่งถือถาดที่เต็มไปด้วยดอกไม้ และอีกสองคนถือถังไม้ที่ถูกทำขึ้นพิเศษ
บนถังมีคำว่า ‘ชิงหลัว’ เขียนอยู่ ปากถังมีลักษณะคล้ายกระชังปลาที่สามารถยัดเงินเข้าไปได้ แต่จะไม่สามารถนำเงินออกจากถังได้
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ทางการขนถังนั้นกลับไปก็จะมีคนเข้าประกบให้ลงมาด้านล่างเพื่อทำการนับให้ทุกคนได้เห็นพร้อม ๆ กันทันที
ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเงิน
ผู้ชมที่ต้องการสนับสนุนชิงหลัว สามารถใส่เงินเข้าถังได้ จากนั้นค่อยรับดอกไม้ตามจำนวนเงินที่ใส่เข้าไป
ผู้ชมสามารถเก็บดอกไม้ไว้เป็นของที่ระลึกหรือโยนขึ้นไปบนเวทีก็ได้
ชิ่งมู่หลานพูดถูก เนื่องจากเป็นการแสดงชุดแรก ผู้คนต่างกระตือรือร้นมาก และมีผู้ชมจำนวนไม่น้อยออกมาจ่ายค่าดอกไม้
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่จะซื้อดอกไม้หนึ่งหรือสองดอกเท่านั้น และบางส่วนซื้อเพียงสามหรือห้าดอก อีกทั้งยังมีคนที่รวบรวมเงินหนึ่งตำลึงเพื่อซื้อดอกไม้หนึ่งดอกด้วยกันอีก
“พลังแห่งการคลั่งรักศิลปินนั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน”
เมื่อจินเฟิงเห็นบุรุษหนุ่มสามคนในชุดฉางเผารวบรวมเงินสำหรับซื้อดอกไม้ด้วยกัน เขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงแฟนคลับของเหล่าคนดังในชีวิตที่แล้ว พวกเขาต้องประหยัดเงินเพื่อที่จะซื้อของที่เกี่ยวข้องกับศิลปินคนโปรด
เจ้าหน้าที่ทางการถือถังและเดินไปรอบ ๆ ฝูงชน พอวนกลับมาถังหลายถังก็บรรจุเงินจนเต็มแล้ว
“ทำเงินได้รวดเร็วขนาดนี้เชียวหรือ?”



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์