บทที่ 206 เย่เม่ย
ถังเสียวเป่ยเป็นคนที่สิบเก้าที่ขึ้นเวที
ในเวลานี้ การแข่งขันวันแรกผ่านไปมากกว่าครึ่งแล้ว และนี่ก็เป็นยามเว่ยแล้ว ผู้ชมจำนวนมากต้องตากแดดเป็นเวลาหลายชั่วยาม บ้างก็หลบอยู่ในที่ร่มเพื่อคลายร้อน
แต่เนื่องจากบทกวีของจินเฟิง เมื่อถังเสียวเป่ยขึ้นบนเวที เหล่าบัณฑิตจึงยังคงเข้ามาแสดงน้ำใจรวมไปถึงคนธรรมดาก็ยังเข้ามาร่วมสนุกด้วย บรรยากาศจึงกลับมาอบอุ่นคึกคักอีกครั้ง
“ท่านอาจารย์ ผู้คุมเข้ามาถามว่าท่านต้องการจะให้รางวัลแม่นางเสียวเป่ยหรือไม่?”
เถี่ยฉุยเดินเข้าไปในกระโจม “จะตอบเขาอย่างไรดี?”
จินเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ตกรางวัลให้นางหนึ่งร้อยตำลึงเงิน”
“ท่านอาจารย์ หากเราไม่ต้องการสนับสนุนให้แม่นางเสียวเป่ยเป็นฮวาขุย แล้วเหตุใดเราต้องตกรางวัลแก่นางด้วยเล่า” ชิ่งมู่หลานถาม
“หากต้องการทำการแสดงก็ต้องเล่นให้ครบมิใช่หรือ ข้าได้เขียนกวีให้กับเสียวเป่ยแล้ว คงไม่สมเหตุสมผลหากข้าไม่ตกรางวัลให้นางในเวลานี้”
จินเฟิงกล่าวอย่างช่วยไม่ได้
ในตอนนั้นเขาเขียนบทกวีถึงถังเสียวเป่ย เพียงเพราะอยากหาเหตุผลที่จะพบกับนางเพียงลำพัง แต่เหมือนว่าความพยายามในครั้งนั้นจะมีผลที่ตามมามากเกินไป
แม้ว่าเขาจะเลือกบทกวีที่คิดว่าเป็นเพลงธรรมดา ๆ แต่ความนิยมของถังเสียวเป่ยก็ยังเพิ่มสูงขึ้น ในเวลาเพียงไม่กี่วัน นางเลื่อนขั้นจากสตรีหน้าใหม่มาเป็นหนึ่งในบุคคลยอดนิยมเพื่อคว้าตำแหน่งฮวาขุยในปีนี้
นี่คือสาเหตุที่นางโลมทุกคนรอคอยที่จะพบกับจินเฟิง
เนื่องจากชายหนุ่มสามารถทำให้ถังเสียวเป่ยมีชื่อเสียงได้ ดังนั้นเขาก็น่าจะสามารถทำให้พวกนางมีชื่อเสียงได้เช่นกัน
เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะเสียใจ จินเฟิงทำได้เพียงแต่ใช้กลอุบายเท่านั้น
“ถูกต้อง ท่านอาจารย์ควรตกรางวัลให้นางจริง ๆ เพื่อให้สถานการณ์ดูไม่น่าสงสัย”
ชิงมู่หลานเองก็เข้าใจได้ในทันที
เถี่ยฉุยออกไปพร้อมกับตั๋วเงินและการแสดงของถังเสียวเป่ยก็สิ้นสุดลง
ทันทีที่การแสดงจบ เจ้าหน้าที่ก็ตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านอาจารย์จินจากจินชวน มอบเงินรางวัลให้ห้าร้อยตำลึงเงิน!”
“หืม เราให้รางวัลไปแค่หนึ่งร้อยตำลึงเงินมิใช่หรือ?”
กวานเสี่ยวโหรวรีบหยิบตั๋วเงินที่เหลือออกมานับใหม่อีกครั้งอย่างรวดเร็ว
จินเฟิงเองก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเช่นกัน จากนั้นเขาก็เข้าใจอะไรบางอย่าง
“ไม่จำเป็นต้องนับ ที่เหลืออีกสี่ร้อยตำลึงเงินน่าจะมาจากหอวาโยวสันต์”
ห้าร้อยตำลึงเงินเป็นรางวัลที่ใหญ่ที่สุดในวันนี้ และมันมีผลต่อความรู้สึกจริง ๆ เมื่อรวมกับชื่อเสียงของจินเฟิงแล้ว หลายคนก็เริ่มให้รางวัลแก่ถังเสียวเป่ยตามเขา
ถังเสียวเป่ยยังคงแสดงการร่ายรำ นางค่อนข้างทำได้ดี แสดงให้เห็นส่วนเว้าโค้งที่น่าดึงดูด ทว่าก็ไม่ได้โดดเด่นเป็นพิเศษ เพียงแต่พูดได้ว่าสวยงามสูงกว่าค่าเฉลี่ยเท่านั้น
แต่เมื่อคน ๆ หนึ่งมีอิทธิพลขึ้นมา ไม่ว่าจะทำอะไรก็มักจะดูถูกต้องไปเสียหมด
คนดังบางคนในชีวิตที่แล้วของจินเฟิงไม่สามารถท่องบทของตัวเองในฐานะนักแสดงได้ แต่พวกเขาอาจทำให้แฟน ๆ ตื่นเต้นเป็นลมได้ด้วยการทำตัวน่ารักเล็ก ๆ น้อย ๆ
เช่นเดียวกับถังเสียวเป่ยในเวลานี้ แม้ว่าการร่ายรำของนางจะไม่ได้ยอดเยี่ยม แต่ชื่อเสียงของนางก็อยู่ในจุดสูงสุด เมื่อประกอบกับชื่อเสียงของจินเฟิงแล้ว ในที่สุดนางก็ได้รับเงินสนุบสนุนเกือบสองพันตำลึงเงิน ซึ่งเป็นรองเพียงลวี่หลิ่ว แต่สูงกว่าหญิงสาวที่ออกมาคนแรกอย่างแม่นางชิงหลัวและอีกหลายสิบคนที่ปรากฏตัวไปแล้ว
ขณะที่ผู้ชมกำลังถอนหายใจ จู่ ๆ ก็มีผื่นแดงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของถังเสียวเป่ยที่อยู่บนเวที ผื่นเหล่านั้นสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จากนั้นก็เกิดอาการเดียวกันนี้ขึ้นบนมือและแขนของนาง
“เริ่มแล้ว!”
ดวงตาของจินเฟิงเป็นประกายขึ้นทันที
ถังตงตงเองก็กำหมัดแน่นอย่างประหม่า
จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าจะเกิดอะไรขึ้นในลำดับถัดไป
“ดูสิ ทุกคน มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับแม่นางเสียวเป่ย?”
“เหตุใดนางจึงหน้าแดงขนาดนั้น”
“สวรรค์ นางคงไม่ได้เป็นเย่เม่ยหรอกนะ?!”
“จะเป็นไปได้อย่างไร?”
“เหตุใดจะไม่ได้? ก่อนหน้านี้ในหมู่บ้านของเราก็เคยมีเย่เม่ย และอาการของนางก็เหมือนกับการของแม่นางเสียวเป่ยทุกประการ!”
“หากนางเป็นเย่เม่ย เหตุใดหอวาโยวสันต์จึงไม่เคยสังเกตเห็นมันมาก่อนเล่า?”
“เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้ แต่เย่เม่ยจะแสดงอาการเมื่อโดนแสงแดดเท่านั้น ในเวลาปกติจะไม่สามารถมองเห็นได้ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่เป็นเย่เม่ยนั้นอาการก็จะแตกต่างกันออกไป บางคนต้องโดนแสงแดดเป็นเวลานาน แต่บางคนโดนแสงแดดเพียงครู่เดียวก็แสดงอาการแล้ว”



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์