บทที่ 209 ไถ่ตัว
หัวใจสำคัญของการเจรจาต่อรองคือบอกให้คนขายรู้ว่าเราต้องการซื้อของจริง ๆ แต่มีงบประมาณไม่เพียงพอ และปล่อยให้เขาเชื่อว่าราคาที่เราให้คือราคาที่สูงที่สุดแล้ว
ในชีวิตที่แล้วเขาเป็นเพียงนักศึกษาฐานะยากจน จินเฟิงจึงมีประสบการณ์มากมายในการเจรจาต่อรอง เขาแสดงสีหน้าออกมาได้ดีทีเดียว
เมื่อเห็นว่าจินเฟิงต้องการยอมแพ้จริง ๆ แม่เล้าก็กังวลเล็กน้อย
นางจึงรีบพูดขึ้นมาว่า “ท่านอาจารย์จิน สองร้อยตำลึงเงินยังน้อยไปจริง ๆ ท่านอาจารย์อาจลองหยิบยืมมาจากสหายดีหรือไม่? ข้าเองก็ลำบากเช่นกัน แต่ข้าให้ได้แค่สามพันตำลึงเงินเท่านั้น!”
แม่เล้ายังจำชิ่งมู่หลานได้
“นายแม่โจว เจ้าก็รู้ว่าข้ามาจากจินชวน และนี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเข้ามาในตัวเมือง ข้าไม่รู้จักผู้ใดเลย ข้าจะหยิบยืมเงินได้จากที่ใด?”
จินเฟิงส่ายศีรษะด้วยความผิดหวัง
“หากท่านอาจารย์จินไร้หนทางจริง ๆ เช่นนั้นก็ลืมมันเสียเถิด เสียวเป่ยเป็นบุตรสาวสุดที่รักของข้า ให้นางอยู่กับข้าต่อไปก็แล้วกัน”
ราคาที่ต้องการระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายนั้นแตกต่างกันมากเกินไป แม่เล้าถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าคงไม่รบกวนท่านอาจารย์แล้ว”
“ข้าจะอยู่ที่กวางเหยวียนอีกสองวัน หากนายแม่โจวเปลี่ยนใจก็มาหาข้าได้ตลอดเวลา”
จินเฟิงไม่รอช้า รีบลุกขึ้นพร้อมส่งแม่เล้าออกไป
“ท่านอาจารย์ ข้าเรียกเงินไปห้าพันตำลึงเงิน แต่ท่านกลับให้ข้าเพียงสองร้อยตำลึงเงิน ช่างโหดร้ายจริง ๆ!”
เถี่ยฉุยมองดูแม่เล้าก่อนที่จะปิดประตูลง จากนั้นเขาก็หันกลับมายกนิ้วให้จินเฟิง
“ในเวลานี้เราไม่สามารถให้ราคาสูงตามที่นางต้องการได้ ไม่เช่นนั้นนางจะรู้สึกว่าราคาที่นางเสนอถูกเกินไปจนขาดทุน อีกอย่างเราก็ไม่สามารถรู้ได้ว่า นางจะมีลูกเล่นอะไรอีกหรือไม่”
จินเฟิงกล่าวว่า “อีกอย่างเงินสองร้อยตำลึงก็มากพอแล้ว ราคานี้สามารถซื้อทาสได้หลายชีวิตเชียวนะ”
“ท่านอาจารย์ ข้ารับใช้จะเปรียบเทียบกับแม่นางเสียวเป่ยได้อย่างไรกัน?”
“แม่นางเสียวเป่ยไม่สามารถแบกหามอะไรได้ นางเทียบไม่ได้กับข้ารับใช้จริง ๆ”
“ท่านอาจารย์ ท่านพูดแบบนี้ ไม่กลัวว่าหัวหน้าโรงงานถังจะไม่พอใจหรือ?”
“ถังเสียวเป่ยไม่ได้เป็นตัวทำเงินให้หอวาโยวสันต์อีกต่อไป เพราะตอนนี้แทบจะไม่มีใครกล้าเลือกนาง แต่ที่แม่เล้าไม่เต็มใจที่จะขายนางออกไปนั้นเป็นเพราะความคาดหวังที่นางมีต่อถังเสียวเป่ยก่อนหน้านี้ค่อนข้างสูง”
จินเฟิงกล่าวว่า “รออีกสองวันเถิด เมื่อแม่เล้าตระหนักได้ว่าการเก็บถังเสียวเป่ยเอาไว้ไม่สามารถสร้างประโยชน์ใด ๆ ให้กับหอวาโยวสันต์ได้ นางก็จะต้องมาหาเราเอง”
“ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น”
เถี่ยฉุยถอนหายใจและนั่งลงข้างหน้าต่าง
เช่นเดียวกับที่จินเฟิงคาดหวัง คืนนั้นแม่เล้าพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแนะนำถังเสียวเป่ยให้กับแขกหลาย ๆ คน ทว่าไม่มีใครเต็มใจที่จะเรียกหานาง
ในเวลาปิดทำการของหอวาโยวสันต์คืนนั้น ใบหน้าของแม่เล้าตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด เหงื่อออกเต็มใบหน้านางอย่างห้ามไม่ได้
และสถานการณ์ก็ยังคงตึงเครียดอย่างต่อเนื่องจนถึงเช้าของอีกวัน
การแข่งขันคัดเลือกฮวาขุยในวันสุดท้ายกำลังจะสิ้นสุดลง และขบวนรถแห่ของหอวาโยวสันต์ก็ออกเดินทางท่ามกลางเสียงก่นด่าและคำสาปแช่ง
จินเฟิงเห็นว่าหญิงรับใช้ของถังเสียวเป่ยเองก็ถูกแม่เล้าเรียกตัวไปเช่นกัน
ประตูเรือนเล็กของถังเสียวเป่ยลงกลอนเอาไว้ โดยมีชายร่างสูงยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้า
“ท่านอาจารย์ แม่เล้ากำลังพยายามป้องกันไม่ให้พวกเราลักพาตัวแม่นางเสียวเป่ยหรือ?”
เถี่ยฉุยเอ่ยถามด้วยความขุ่นเคือง
“ป้องกันแล้วอย่างไร แม่นางเสียวเป่ยก็ไม่ได้เป็นอะไรมิใช่หรือ?”
ยิ่งแม่เล้าประพฤติเช่นนี้ ยิ่งทำให้จินเฟิงรู้สึกสบายใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
สิ่งเดียวที่เขากังวลคือแม่เล้าจะทำร้ายถังเสียวเป่ย
“นางออกจากห้องมาเพียงครั้งเดียวและดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาอะไร” เถี่ยฉุยตอบ
“ดีแล้วล่ะ ตอนที่แม่เล้าไม่อยู่ เจ้าก็พักผ่อนไปก่อนเถิด”
จินเฟิงหยิบตำราที่ร้อยด้วยเส้นด้ายขึ้นมา ก่อนจะอ่านมันอย่างสบายใจ
ตำรานี้เป็นบันไดแห่งความก้าวหน้าของมนุษย์ แม้ว่าเจ้าของร่างเดิมจะเป็นบัณฑิตมาก่อน แต่เขาสามารถเข้าถึงตำราได้น้อยมาก หลังจากมาถึงตัวเมืองนี้ จินเฟิงจึงไปที่ร้านหนังสือและซื้อหนังสือมามากมาย เพื่อเสริมสร้างความรู้ของตนเอง
เมื่อการแข่งขันฮวาขุยดำเนินไปเรื่อย ๆ ผู้เข้าแข่งขันก็เหลือน้อยลงทุกที และในช่วงบ่าย ขบวนรถแห่จากหอวาโยวสันต์ก็กลับมา


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์