บทที่ 225 แม่นางเสียวเป่ยกลับมาแล้ว
แม้ว่าถังเสี่ยเป่ยเพิ่งออกจากกวางเหยวียนไม่กี่วันและสภาพจิตใจจะดีขึ้นมาบ้างแล้ว แต่นางก็มิอาจลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนที่จะจากไปได้
เช่นเดียวกับถังตงตงที่ไม่สามารถลืมความเกลียดชังระหว่างตระกูลถังและตระกูลโจวลง
ก่อนที่จะไปเขาเถี่ยกว้าน ถังเสียวเป่ยไม่คาดคิดมาก่อนว่านางจะมีโอกาสแก้แค้น ความคิดเดียวของนางคือพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยถังตงตงพัฒนาโรงงานสิ่งทอช้า ๆ และเอาชนะตระกูลโจว
แต่ตั้งแต่ค้นพบสบู่ ความคิดของถังเสียวเป่ยก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เพราะโรงงานสิ่งทอทำเงินช้าเกินไป ถ้าจะแข่งขันกับตระกูลโจวก็ไม่รู้ว่าต้องรอไปถึงเมื่อใด
หากไม่มีทางอื่นนางก็ยินดีที่จะรอ
แต่ตอนนี้นางมีวิธีหาเงินอย่างรวดเร็วจึงแทบรอไม่ไหวแล้ว!
ถังเสียวเป่ยต้องการใช้สบู่เพื่อหาเงิน จากนั้นก็พัฒนาโรงงานสิ่งทออย่างรวดเร็วเพื่อที่นางจะได้สามารถเอาชนะตระกูลโจวได้ทันกาล!
ดังนั้นการเดินทางกลับมาที่กวางเหยวียนในครั้งนี้ ใจของถังเสียวเป่ยจึงเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คราวนี้ต้องขายสบู่หอมออกไปให้ได้ ไม่สามารถทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวัง!”
ถังเสียวเป่ยกำหมัดของตนแน่น
หลังจากได้รับการฝึกฝนในหอนางโลม นางจึงอ่านผู้คนได้อย่างรวดเร็วมากกว่าเด็กหญิงทั่ว ๆ ไป หลังจากอยู่ที่ซีเหอวานไม่กี่วัน ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าทำไมถังตงตงและชิ่งมู่หลานจึงเลือกที่จะทำงานอยู่กับจินเฟิง
เพราะท่านอาจารย์จินไม่เลือกปฏิบัติต่อสตรี
สิ่งนี้มีค่ามากในต้าคัง
การที่นางถูกหอนางโลมชุบเลี้ยงมาเป็นมลทินที่ไม่สามารถล้างออกได้ทั้งชีวิต
มันเป็นจุดที่ถังเสียวเป่ยรู้สึกว่าด้อยค่าตนเองที่สุด
แต่จินเฟิงไม่เคยดูหมิ่นนางเลย เขามักจะชมเชยนางที่ฉลาดและปฏิบัติต่อนางไม่ต่างจากสตรีคนอื่น ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจินเฟิงลูบหัวนางโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อวันก่อน รอยยิ้มและแววตาของเขาทำให้ถังเสียวเป่ยหน้าแดงและหัวใจของนางก็เต้นแรงเมื่อนึกถึงมัน
นางสัมผัสได้ว่าการที่จินเฟิงลูบหัวนางไม่ใช่การแสดง แต่เขาปฏิบัติต่อนางจากก้นบึ้งของหัวใจราวกับนางเป็นคนที่เขาสามารถไว้ใจได้
นักรบย่อมตายแทนสหายรัก และตอนนี้ถังเสียวเป่ยก็ปรารถนาที่จะตอบแทนท่านอาจารย์จินด้วยชีวิตของนางเช่นกัน
ขณะที่คิดว่าจะทำการตลาดอย่างไร ขบวนรถม้าก็มาถึงเมืองกวางเหยวียนในตอนเย็น
คราวนี้แม้เดินทางมาโดยไม่มีจินเฟิงและชิ่งมู่หลานติดตามมาด้วย แต่ขบวนรถม้าก็สามารถผ่านเข้าเมืองไปได้โดยง่าย
หลังจากเข้าไปในเมืองแล้ว ถังเสียวเป่ยก็ยังเลือกกลับไปพักที่โรงเตี๊ยมจ้าวเจียเมื่อครั้งที่จินเฟิงมา
ตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้ว กว่านางจะเก็บข้าวของเสร็จก็เป็นเวลาที่ยุ่งที่สุดที่หอนางโลมจะรับลูกค้า ซึ่งมันไม่เหมาะที่จะคุยเรื่องการค้าในเวลานี้ ถังเสียวเป่ยจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพักที่โรงเตี๊ยมไปก่อน
เช้าวันรุ่งขึ้นหลิวเถี่ยได้นำขบวนรถม้าไปที่ตรอกฝ่างจือที่เป็นตรอกขายสิ่งทอ ขณะที่ฝั่งของถังเสียวเป่ยก็ได้สวมเสื้อผ้าที่เพิ่งซื้อมาพร้อมเครื่องประดับที่กวานเสี่ยวโหรวมอบให้และขึ้นรถม้าไป
รถม้าที่คุ้มกันโดยทหารผ่านศึกสี่คนและทหารหญิงสี่คน เคลื่อนตัวอย่างสง่าผ่าเผยไปยังตรอกเฟิงเยว่
ณ หอวาโยวสันต์ แม่เล้ากำลังสั่งให้ลูกจ้างทำความสะอาดบริเวณโดยรอบอย่างเกียจคร้าน จากนั้นหญิงรับใช้ก็ได้เข้ามารายงาน
นางโค้งคำนับแม่เล้าแล้วพูดว่า “นายแม่ แม่นางเสียวเป่ยเดินทางมาที่นี่”
“เสียวเป่ยไหน?” แม่เล้าตกตะลึง
“เสียวเป่ยที่เคยอยู่ที่หอของเรา”
“เจ้าหมายถึงถังเสียวเป่ยงั้นหรือ ไหนว่านางเดินทางกลับไปยังจินชวนกับท่านอาจารย์จินแล้วอย่างไรเล่า?”
“นางกลับมาที่นี่อีกครั้ง”
“นางถูกท่านอาจารย์จินขับไล่มาหรือไม่? มันไม่เร็วเกินไปรึ?”
แม่เล้าสะดุ้งและพูดกับหญิงรับใช้ว่า “เหตุใดนางจึงเดินทางกลับมายังหอวาโยวสันต์กันนะ หรือว่านางต้องการกลับมาอาศัยที่นี่ ไปบอกนางว่าหอวาโยวสันต์ของเราไม่ต้องการนางอีกต่อไป ให้นางไปที่อื่น!”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์