บทที่ 227 เข้าพบจวิ้นโส่ว
ตอนนี้เกือบทุกคนในตัวเมืองรู้เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างจินเฟิงและจวิ้นโส่วแล้ว สิ่งที่ต้าหลิวกังวลมากที่สุดเมื่อเขามาในตัวเมืองครั้งนี้คือเขาอาจถูกจวิ้นโส่วจัดการ
จากมุมมองของต้าหลิวมันสายเกินไปที่จะซ่อนตัวจากจวิ้นโส่ว ใครจะรู้ว่าถังเสียวเป่ยจะอยากไปหาอีกฝ่ายถึงที่
นี่มันเข้าถ้ำเสือมิใช่หรือ?
“แม่นางเสียวเป่ย เจ้าหน้าที่ประจำเทศมณฑล จวิ้นโส่วคงเกลียดเราแล้ว และตอนนี้ท่านอาจารย์ก็ไม่อยู่ที่นี่ มันคงอันตรายเกินไปหากเราไปที่นั่น” ต้าหลิวกล่าวเตือนอย่างเป็นกังวล
“พี่ใหญ่หลิว ข้าคิดว่าหากจวิ้นโส่วต้องการจัดการกับพวกเรา แม้ว่าพวกเราจะหลบซ่อนแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี ถูกหรือไม่?”
ถังเสียวเป่ยแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา
“เอ่อ…” ต้าหลิวสำลักคำพูดของนางไปชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นจึงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ที่เมืองนี้จวิ้นโส่วมีอำนาจสูงสุด หากเขาต้องการจัดการกับเราจริง ๆ ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ที่จะซ่อนตัวที่ไหนเลย”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“ถูกต้องแล้ว?” ถังเสียวเป่ยกล่าวว่า “เนื่องจากเราไม่สามารถซ่อนตัวได้ เราก็ควรไปเยี่ยมเยียนอย่างตรงไปตรงมาเช่นกัน บางทีหลังจากวันนี้ เราอาจจะไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยอีกต่อไป”
“เพราะเหตุใดหรือ?” ต้าหลิวถาม
“จริง ๆ แล้วจวิ้นโส่วยังกลัวท่านอาจารย์อยู่มากและอาจไม่กล้าดำเนินการใด ๆ กับเรา แต่ในอนาคตเราจะเปิดร้านในเมืองนี้ ดังนั้นเราต้องผูกมิตรกับเขาเอาไว้จะเป็นการดีที่สุด”
ถังเสียวเป่ยกล่าวว่า “เหตุผลที่จวิ้นโส่วเกลียดเราก็เพราะท่านอาจารย์ทำให้เขาเสียหน้า และด้วยสถานะของท่านอาจารย์ มันเป็นไปไม่ได้ที่ท่านอาจารย์จะยอมก้มหัวให้จวิ้นโส่วก่อน ไม่เพียงแต่ไม่ยอมก้มหัวเท่านั้น บางทีในอนาคตเขาอาจไม่กลับมาที่กวางเหยวียนแห่งนี้อีก และข้าจะไม่มีวันปล่อยให้ท่านอาจารย์ทำเช่นนั้น แต่ในฐานะนางโลม ข้าเองไม่ต้องคิดมาก ข้าจะไปขอเข้าพบจวิ่นโส่ว ยอมถอยให้เขาหนึ่งก้าว เพื่อให้เขายอมก้าวตามลงมา”
“ที่เจ้าว่าก็มีเหตุผล” ต้าหลิวตระหนักได้และยกนิ้วโป้งขึ้นด้วยความชื่นชม “แม่นางเสียวเป่ย เจ้าช่างมีความคิดที่ละเอียดรอบคอบเสียจริง”
“วันพรุ่งนี้พี่เถี่ยจือก็น่าจะกลับมาจากการไปส่งของแล้ว รบกวนพี่ใหญ่ต้าหลิวบอกพี่เถี่ยจือด้วย ขอให้เขาเตรียมกล่องเปล่าทั้งหมดมัดด้วยเชือกสีแดง ก่อนกลับเราจะแวะที่จวนจวิ้นโส่ว”
ถังเสียวเป่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “กำชับพี่เถี่ยจือด้วยว่าทำให้เอิกเกริกเข้าไว้”
“ที่เถี่ยจือน่าจะมีกล่องอยู่ไม่น้อย เจ้าต้องการบรรจุของมากมายแค่ไหนหรือ?” ต้าหลิวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ข้าต้องการเยอะพอสมควร” ถังเสียวเป่ยคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ลองถามพี่เถี่ยจือดูว่าขายด้ายป่านหมดหรือไม่ หากยังพอมีหลงเหลือก็ให้บรรจุไว้ในกล่องด้วย แต่หากมีไม่เพียงพอก็ไปซื้อมาเพิ่ม แล้วก็ซื้อพวกธัญพืชใส่ลงไปด้วย”
“ส่งด้ายป่านและธัญพืชไปให้จวิ้นโส่วด้วยหรือ?” ต้าหลิวจ้องมอง “เช่นนี้จะดีรึ?”
“ด้ายป่านและธัญพืชมีอะไรแปลกกัน? นั่นคือความพิเศษของเราในซีเหอวาน มันไม่ได้สะท้อนความจริงใจของเราได้ดีที่สุดหรือ?”
ถังเสียวเป่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “จริง ๆ แล้ว มันไม่สำคัญหรอกว่าเราจะให้อะไร ตราบใดที่สามารถกู้หน้าจวิ้นโส่วได้ แม้ว่าเราจะให้กล่องเปล่าก็ยังนับว่าเป็นของขวัญที่ดี เรามาที่นี่เพื่อหาเงิน หากเราส่งเงินไปให้จวิ้นโส่วสองถึงสามกล่อง แล้วพวกเราจะเหลือสิ่งใดเล่า?”
“นั่นก็สมเหตุสมผล ข้าจะให้คนกลับไปแจ้งเถี่ยจือ”
ต้าหลิวตอบตกลงและส่งทหารผ่านศึกกลับไปทันที
พวกถังเสียวเป่ยแวะกินข้าวที่ข้างทาง และเมื่อพวกนางกลับมาที่โรงเตี๊ยม หลิวเถี่ยก็เตรียมทุกอย่างใกล้เสร็จแล้ว
ไม่ช้าถังเสียวเป่ยก็นำขบวนและออกจากโรงเตี๊ยมทันที
รถม้าที่นางนั่งอยู่ด้านหน้าขบวน ตามมาด้วยชายกลุ่มใหญ่ที่ถือกล่องใบโต
ภายใต้คำสั่งของถังเสียวเป่ย หลิวเถี่ยและคนอื่น ๆ แกล้งทำเป็นว่ากล่องนั้นหนักมากแต่ก็ต้องยิ้มสู้เพื่อแบกมันต่อไปอย่างมุ่งมั่น
ทหารผ่านศึกและทหารหญิงเองก็ดูระมัดระวังเช่นกัน พวกเขาต่างก็คว้าดาบยาวออกจากฝักและชี้ไปที่ผู้คนโดยรอบที่เดินผ่านไปมา
ณ จวนจวิ้นโส่ว จวิ้นโส่วเพิ่งกินข้าวเสร็จและกำลังจะงีบหลับ จู่ ๆ ก็มีเจ้าหน้าที่วิ่งเข้ามารายงานเรื่อง
“นายท่าน แม่นางคนหนึ่งนามว่าเสียวเป่ยรออยู่หน้าประตู นางแจ้งว่ามาขอเข้าพบนายท่าน”
ตามกฎของต้าคัง ถังเสียวเป่ยไม่มีคุณสมบัติที่จะขอพบจวิ้นโส่ว นางทำได้เพียงขอพบฮูหยินจวิ้นโส่วเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การมาเยือนจวนจวิ้นโส่วในครั้งนี้เป็นเพียงพิธีการ แม้ว่าบุคคลที่ออกไปต้อนรับถังเสียวเป่ยจะเป็นเพียงคนรับใช้ แต่ตราบใดที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในจวนจวิ้นโส่วก็ถือว่าเป้าหมายของการมาที่นี่สำเร็จ
“ถังเสียวเป่ย นางมาที่นี่ด้วยเหตุอันใด?”
จวิ้นโส่วพูดออกมาด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ข้าได้ส่งเสี่ยวซวงกลับบ้านเกิดของนางไปแล้ว แต่แม่นางผู้นี้ก็ยังไม่ลดละอย่างนั้นหรือ?”
“นายท่านอย่าเพิ่งขุ่นเคืองไป”
ฮูหยินจวิ้นโส่วเอ่ยถาม “ถังเสียวเป่ยไม่ได้กลับไปที่จินชวนพร้อมกับจินเฟิงเมื่อสองสามวันก่อนหรือ? เจ้าได้ยินผิดหรือไม่ เหลาจิ่ว”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์