บทที่ 238 เลือดสาด
ตอนที่นางเพิ่งถูกไถ่ตัวออกมา ถังเสียวเป่ยยังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่เสมอ
แต่หลังจากที่จินเฟิงเห็นว่านางมีความคิดเช่นนั้น เขาก็หาเวลาเพื่อให้ทำนางเปลี่ยนแง่มุมในการคิด
รวมไปถึงที่ซีเหอวานก็ไม่มีใครไม่ชอบนาง ดังนั้นถังเสียวเป่ย จึงค่อย ๆ ทบทวนเกี่ยวกับเรื่องนี้
ความคิดในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปของถังเสียวเป่ย ล้วนมีจินเฟิงเป็นผู้คอยชี้นำ
เมื่อใดก็ตามที่มีคนมุ่งเป้ามาที่นาง ถังเสียวเป่ยจะนึกถึงสิ่งที่จินเฟิงพูดเสมอ
‘การถูกนินทาลับหลังเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ไม่มีผู้ใดไม่เคยถูกนินทา ไม่ต้องไปใส่ใจว่าผู้อื่นจะคิดอะไร อย่างไรเสียเราก็ไม่ได้ไปขอข้าวเขากิน พวกเขาก็ทำได้แค่พูดเท่านั้น’
เมื่อนึกถึงถ้อยคำเหล่านี้ ถังเสียวเป่ยก็รู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก
เพราะนางรู้ดีว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จินเฟิงและถังตงตงจะยืนหยัดอยู่ข้างหลังนางอย่างแน่วแน่เพื่อคอยสนับสนุนกันเสมอ
ตอนนางมีความขัดแย้งกับจวิ้นโส่ว จินเฟิงได้พิสูจน์เรื่องนี้แล้วด้วยการลงมือปฏิบัติให้เห็น
หากโจวเต๋ออู้ดุด่าถังเสียวเป่ยคนเดียวนางก็อาจจะอดทนได้
แต่โจวเต๋ออู้ลากจินเฟิงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เรื่องนี้ทำให้ถังเสียวเป่ยทนไม่ได้!
นางตระหนักอยู่เสมอว่าความเมตตาที่ท่านอาจารย์จินมีต่อตนเอง ไม่ใช่แค่การช่วยเหลือนางให้ออกจากหอนางโลมเท่านั้น แต่ยังสอนหลักการใช้ชีวิตให้นาง สอนความรู้รอบตัวต่าง ๆ มอบความอดทนและความไว้วางใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุดให้นาง
ดังนั้นยามนี้จินเฟิงจึงเป็นผู้ที่มีอิทธิพลในใจของถังเสียวเป่ยมากกว่าถังตงตงที่เป็นญาติคนเดียวของนางเสียด้วยซ้ำ
ทุกคืนก่อนเข้านอน คนสุดท้ายในใจของถังเสียวเป่ยก็คือจินเฟิง
คนที่ปรากฏในความฝันบ่อยที่สุดก็คือจินเฟิงเช่นกัน
ดังนั้นหากมีใครก็ตามมาดูถูกเขาแม้แต่นิดเดียว ถังเสียวเป่ยจะไม่อดทน ไม่เว้นแม้กระทั่งโจวเต๋ออู้ที่เอ่ยถึงชื่อของจินเฟิงออกมาและพูดจาหยาบคายต่อเขา
ถังเสียวเป่ยที่ก้าวขึ้นบันไดไปแล้วหันกลับมาทันที
ดวงตาของนางแดงก่ำจากความโกรธ แต่น้ำเสียงของนางยังคงราบเรียบ
“อาหลาน จัดการเขาซะ!”
“รับทราบ!”
อาหลานกวัดแกว่งฝักดาบในมือของนางไปมา แล้วเดินไปหาโจวเต๋ออู้ด้วยสีหน้าเย็นชา
“เจ้าคิดจะทำสิ่งใด?”
โจวเต๋ออู้ตกใจจนถอยออกไปและพูดว่า “บิดาของข้าคือโจวฉางหลิน เขาใหญ่ที่สุดในตัวเมือง…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ อาหลานก็ง้างฝักดาบแล้วฟาดลงอย่างแรง!
เพี๊ยะ!
ด้วยเสียงที่คมชัด ขาซ้ายของโจวเต๋ออู้ผิดรูปทันทีจากแรงที่ฟาดลงมา
ทันใดนั้นเสียงร้องของเขาก็ดังลั่นหอนางโลมเหมือนหมูที่ถูกเชือดไม่มีผิด!
เมื่อผู้ที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในหอวาโยวสันต์ได้ยินเสียงกรีดร้อง พวกเขาก็รีบวิ่งไปพร้อมไม้ในมือ
“ใครกล้ามาสร้างเรื่องวุ่นวายที่หอวาโยวสันต์แห่งนี้กัน”
ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงจุดเกิดเหตุก็เริ่มตะโกนและสบถอย่างไม่พอใจ
แต่เมื่อเห็นดวงตาที่เย็นชาของถังเสียวเป่ย ชายคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหดคอของเขาลง
เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “แม่นางเสียวเป่ยเองหรือ…”
เมื่อมองไปที่โจวเต๋ออู้ที่นอนอยู่บนพื้นอีกครั้ง ผู้ดูแลก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ “ไอหยา นี่คือนายน้อยสามมิใช่หรือ?!”
หากในเวลานี้เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นก็คงไม่มีหน้าอยู่ที่หอวาโยวสันต์นี้ต่อไปอีกแล้ว
ด้านหนึ่งคือถังเสียวเป่ย ส่วนอีกด้านหนึ่งคือบุตรชายคนที่สามแห่งตระกูลโจว เขาเป็นเพียงลูกจ้างตัวเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่สามารถจัดการคนทั้งสองได้ ดังนั้น พวกเขาจึงต้องหาทางประนีประนอมและยุติความขัดแย้งเบื้องหน้าก่อน
หลังจากคิดถึงเรื่องนี้ ชายคนนั้นก็ตะโกนบอกคนของตนเอง “เจ้ามัวทำอะไรอยู่? ไม่เห็นหรือว่านายน้อยสามได้รับบาดเจ็บ รีบมาพาตัวเขาออกไปเร็วเข้า!”
ลูกจ้างทั้งสองรีบวิ่งไปช่วยโจวเต๋ออู้ทันที
แต่เมื่อโจวเต๋ออู้เห็นคนของหอวาโยวสันต์มา เขาก็เริ่มมีท่าทีหยิ่งยโสอีกครั้ง
“ข้าไม่ไป นี่คือวิธีที่หอวาโยวสันต์ปฏิบัติต่อแขกหรือ?!”
โจวเต๋ออู้อดทนต่อความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ขาและตะโกนด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ไปจับตัวถังเสียวเป่ยหญิงกากีมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
ผู้ดูแลความเรียบร้อยเกาศีรษะอย่างทำอะไรไม่ถูก “นายน้อยสาม ตอนนี้อาการบาดเจ็บของท่านนั้นสาหัสมาก ไปรักษาอาการบาดเจ็บก่อนเถิด…”
“ได้ ข้าจะจำเจ้าไว้ รอดูเลย!”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์