บทที่ 247 เหตุใดจึงเพิ่งมา
ซีต้าเจียอยู่ไม่ไกลจากตลาดนายหน้าและรถม้าที่ชาวบ้านรายนี้อธิบายในเวลาต่อมาก็มีความคล้ายคลึงกันหลายประการกับรถม้าที่หญิงชรากล่าวถึง
สำหรับเรื่องเนื้อห้าถึงหกสิบจิน แน่นอนว่าสหายทั้งสองอาจไม่สามารถบริโภคให้หมดได้ภายในสองหรือสามวัน แต่หากพวกเขาไม่ได้มีกันแค่สองคนเล่า?
หากเป็นเหตุผลนี้ก็ฟังดูเข้าท่า
จินเฟิงมีลางสังหรณ์ว่าเขาอาจจะพบตัวถังเสียวเป่ยแล้ว!
ต้าหลิวและโหวจื่อที่อยู่ไม่ไกลก็มาถึงอย่างรวดเร็ว
จินเฟิงเรียกชิ่งมู่หลาน อาเหมยและคนอื่น ๆ มารวมตัวกันภายใต้ความมืดมิดยามค่ำคืนและเดินทางไปยังที่อยู่ที่หญิงชราแจ้งไว้อย่างเงียบ ๆ
ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในตรอกจิ่งอันทางตอนเหนือของเมืองกวางเหยวียน ล้วนเป็นคนยากจนและบ้านเรือนก็ไม่เรียบร้อยเหมือนบ้านในซีเฉิงที่อยู่ทางตะวันตกและหนานเฉิงที่อยู่ทางใต้ ตัวบ้านมีขนาดสูงต่ำไม่เป็นระเบียบ อีกทั้งยังอยู่กันแบบกระจัดกระจาย
ในบ้านหลังเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง สหายสองคนปิดประตูใหญ่และใช้ชีวิตอย่างมั่งคั่งในบ้านหลังนั้น
หญิงวัยกลางคนถือชามข้าวเข้าไปในห้องด้านหลัง และยกกระดานไม้อำพรางบนพื้นดินขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องใต้ดิน
ในห้องใต้ดิน ถังเสียวเป่ยถูกมัดติดกับเก้าอี้พร้อมจ้องมองอย่างโกรธเคืองไปที่หญิงที่เพิ่งลงมา
“แม่นาง เจ้าไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว กินอะไรหน่อยสิ”
หญิงคนนั้นถือชามข้าวเข้ามาแล้วยื่นไปด้านหน้าถังเสียวเป่ย “ข้าคิดว่าเจ้ายังต้องอยู่ที่นี่อีกหลายวัน หากไม่กินอาหารเจ้าจะอยู่ได้อย่างไร”
มือและเท้าของถังเสียวเป่ยถูกมัดไว้ และในจังหวะนั้นนางก็เอาศีรษะของตนชนไปที่ถ้วยข้าว
หญิงคนนั้นไม่ได้จับมันไว้อย่างมั่นคง ถ้วยข้าวจึงตกลงบนพื้นและแตกในที่สุด
“เจ้านี่มันยังไงกัน หรือข้าต้องลงไม้ลงมือกับเจ้าสักที สองวันที่ผ่านมาเจ้าทำถ้วยชามแตกไปแล้วหลายใบ!”
เมื่อเหล่าเอ้อร์ได้ยินเสียงในห้องใต้ดิน เขาก็ลุกขึ้นและไปที่นั่นเพื่อสอนบทเรียนให้กับถังเสียวเป่ย
“ไอหยา ถ้วยชามแตกไม่กี่ใบมันจะสักเท่าใดกันเชียว?”
พี่ใหญ่มาดึงตัวเขาเอาไว้ “เงินที่นายจ้างมอบให้นั้นเพียงพอที่จะซื้อบ้านได้ทั้งหลัง อย่ามัวแต่โต้เถียงกับนางเลย หากถังเสียวเป่ยได้รับบาดเจ็บ นายจ้างจะโกรธเป็นอย่างมาก และเงินที่เหลือเขาก็จะไม่จ่ายให้พวกเรา”
“ที่พี่ใหญ่พูดก็ถูก”
เหล่าเอ้อร์นั่งลงอีกครั้งและพูดด้วยอารมณ์ “ชายแซ่จินนั้นใจกว้างมาก เขาเสนอรางวัล 1,000 ตำลึงเงินเพื่อตามหาสุนัขตัวเมียตัวนี้ พี่ชาย หรือเราจะส่งตัวถังเสียวเป่ยกลับไปเพื่อรับรางวัลดีล่ะ มันมากกว่าเงินที่นายจ้างให้เราอีกนะ!”
“เจ้าไม่อยากมีชีวิตรอดต่อไปหรือ หรือเจ้าไม่เคยเห็นทักษะของชายสวมหน้ากากมาก่อน?”
พี่ใหญ่จ้องมองสหายรุ่นน้องด้วยตาคม “อีกอย่าง ถังเสียวเป่ยเห็นพวกเราทั้งคู่แล้ว หากเรานำตัวนางไปส่งให้กับจินเฟิง เราทั้งคู่ได้ตายแน่! เจ้าควรล้มเลิกความคิดนี้โดยเร็วที่สุด!”
“โถ่ พี่ใหญ่ ข้าแค่พูดเล่นเท่านั้น ทำเป็นร้อนใจไปได้”
เหล่าเอ้อร์หยิบถ้วยเหล้าขึ้นมา “พี่ชาย มาดื่มกันเถิด!”
“ดื่ม!” พี่ใหญ่เองก็หยิบถ้วยเหล้าขึ้นมาและยกดื่มทันที
“พี่ใหญ่ นี่ช่างเป็นช่วงเวลาที่ดีจริง ๆ” เหล่าเอ้อร์เช็ดคราบเหล้าจากมุมปาก “คงจะดีกว่านี้หากมีหญิงสาวสักคนสองคนมาอยู่ข้างกายข้า”
“เจ้าไม่ต้องกังวล อีกไม่กี่วันเราก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้น”
พี่ใหญ่แนะนำ “ช่วงนี้เจ้าต้องอดทนหน่อยและทำตัวให้เรียบร้อยเมื่อออกไปข้างนอก อย่าโอ้อวด”
“พี่ใหญ่ ไม่ต้องห่วง ข้าจะคอยระวัง”
สหายทั้งสองดื่มและพูดคุยกันโดยไม่รู้ว่าบทสนทนาของพวกเขาถูกโหวจื่อที่ลักลอบเข้ามาอย่างเงียบ ๆ ได้ยินเข้าให้แล้ว
โหวจื่อเหลือบมองไปตามรอยแยกในหน้าต่างแล้วถอยกลับอย่างเงียบเชียบ
ใต้กำแพงที่อยู่ห่างออกไปสามจั้ง จินเฟิง ชิ่งมู่หลานและคนอื่น ๆ กำลังซ่อนตัวอยู่ในเงามืด
“ท่านอาจารย์ ข้าเจอแล้ว เป็นที่นี่จริง ๆ”
โหวจื่อลดเสียงลงและพูดอย่างตื่นเต้น “ข้าได้ยินเสียงของแม่นางเสียวเป่ยแล้ว!”
“ดีมาก!”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ จินเฟิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หาเจอแล้วก็เบาใจ
“พวกมันมีกันกี่คน?”
“ชายสองหญิงหนึ่ง ข้าเพียงคนเดียวคงไม่สามารถจัดการพวกมันได้ทั้งหมด กลัวว่าหากเกิดการปะทะขึ้นจะส่งผลกระทบต่อแม่นางเสียวเป่ยเลยไม่กล้าลงมือ” โหวจื่อตอบ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์