บทที่ 249 คืนนี้ข้าจะจัดการเจ้า
หน้าที่ของผู้คุ้มกันคือปกป้องความปลอดภัยของนายน้อยเหวินเหยวียนเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อซื้อสบู่หอม
สำหรับเขามันไม่สำคัญว่าจะอยู่ต่อหรือกลับไป
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่นายน้อยเหวินเหยวียนพูดก็สมเหตุสมผล ถังเสียวเป่ยได้รับการช่วยเหลือแล้ว ผู้คุ้มกันเองก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีอยู่ในใจ
เนื่องจากนายน้อยเหวินเหยวียนตัดสินใจจะกลับไป เขาคงไม่สามารถห้ามอะไรได้
เขาพยักหน้าและพูดว่า “เอาตามที่นายน้อยสะดวกเถิด”
หลังจากที่ผู้คุ้มกันออกไปแล้ว นายน้อยเหวินเหยวียนก็ทบทวนแผนการในใจของเขาอย่างเงียบ ๆ ก่อนเข้านอนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด
โดยปกติแล้ว ในฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง ประตูเมืองกวางเหยวียนจะเปิดประมาณตีห้า
วันรุ่งขึ้นนายน้อยเหวินเหยวียนตื่นตอนหกโมงเช้า และได้ส่งคนรับใช้ไปที่ประตูเมืองเพื่อสอบถาม แต่พบว่าประตูเมืองยังไม่เปิด
คนที่อยากจะออกไปนอกเมืองถูกทหารท้องถิ่นไล่ให้กลับไป เมื่อเหล่าข้ารับใช้ได้ยินเสียงทหารยามที่กำแพงเมือง พวกเขาก็ตะโกนบอกคนข้างนอกว่า ไม่แน่ใจว่าวันนี้ประตูเมืองจะเปิดหรือไม่ ให้คนที่รออยู่นอกกำแพงเมืองกลับไปก่อน
“พบตัวถังเสียวเป่ยแล้ว เหตุใดจึงยังไม่เปิดประตูเมืองอีก?”
หลังจากฟังรายงานของข้ารับใช้ นายน้อยเหวินเหยวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระวนกระวายใจ “จินเฟิงผู้นี้เผด็จการยิ่งนัก ถึงแม้จะมีเส้นสายกับกั๋วกงก็ไม่ควรทำเรื่องไร้สาระเช่นนี้มิใช่หรือ ไว้กลับไปข้าต้องให้ผู้นำตระกูลจัดการกับเข้าสักที!”
นายน้อยเหวินเหยวียนเอาแต่โทษว่าจินเฟิงเป็นคนผิดที่ปิดประตูเมือง แต่ไม่ได้มองว่าตนนั้นได้ทำผิดต่อจินเฟิงเลยสักนิด
แต่จนถึงตอนนี้บัณฑิตหนุ่มก็ยังไม่รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น เขายังคงไม่ตื่น
ไม่เพียงแต่จินเฟิงเท่านั้นแต่ยังรวมถึงจวิ้นโส่ว เซียวตูเว่ยและคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ในช่วงสองวันที่ผ่านมาเพราะเรื่องของถังเสียวเป่ยด้วย ตอนนี้พวกเขายังคงนอนหลับสนิท
ทหารที่เฝ้าประตูเมืองจะกล้าเปิดประตูเองได้อย่างไรหากจวิ้นโส่วหรือตูเว่ยไม่ได้สั่งการ?
พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพบถังเสียวเป่ยแล้ว
คนทั้งหมดไม่ได้นอนหลับอย่างเต็มตามาเป็นเวลาสองวันหนึ่งคืน เมื่อได้พักผ่อนจึงหลับลึกและฝันหวาน
การนอนหลับลึกแบบนี้ช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าได้มาก อย่างไรก็ตาม จินเฟิงอายุเพียง 18 ปีและเต็มไปด้วยพลังงาน ดังนั้นเขาจึงนอนนานกว่าปกติเพียงหนึ่งก้านธูปเท่านั้น
เมื่อลืมตาขึ้น เขาก็พบว่าท้องฟ้าสว่างสดใสแล้ว จากนั้นชายหนุ่มก็ปิดตาลงอีกครั้งและหาวอย่างเกียจคร้าน
จินเฟิงนอนตะแคงเข้าด้านในแล้วยืดแขนออกเพื่อเป็นการบิดขี้เกียจอีกครั้งก่อนที่จะลุกขึ้น
แต่แล้วเขาก็ต้องค้นพบว่ามีใครบางคนอยู่ข้างเตียง
ไม่รู้ว่าถังเสียวเป่ยมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร นางนั่งเท้าแขนอยู่บนเตียงและเอามือเท้าคางมองจินเฟิงด้วยดวงตากลมโตทั้งสองข้าง
ชายหนุ่มสะดุ้งอย่างแรง เมื่อเขาเห็นว่าเป็นถังเสียวเป่ย เขาก็เอื้อมมือออกไปขยี้หัวเธอ “ข้าตกใจหมด เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำข้าตกใจเกือบตาย? เจ้าเกือบทำให้บุรุษหนุ่มอย่างข้าจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควรแล้ว”
นับตั้งแต่แยกจากครอบครัว ถังเสียวเป่ยต้องเผชิญกับความเฉยเมยทุกรูปแบบ ไม่เคยมีใครปฏิบัติต่อนางในลักษณะที่เอาใจใส่เช่นนี้ ครั้งสุดท้ายที่นางถูกจินเฟิงสัมผัสศีรษะในซีเหอวาน นางใจเต้นไปหลายวันเชียว
ตอนนี้หญิงสาวเพิ่งประสบกับความหวาดกลัวหมาด ๆ จิตใจของนางจึงอ่อนไหวง่ายและทนไม่ไหวอีกต่อไป
น้ำตาของถังเสียวเป่ยหยดแหมะ ๆ ลงมา
จินเฟิงที่เพิ่งตื่นเห็นถังเสียวเป่ยร้องไห้ เขาก็จำได้ว่าถังเสียวเป่ยเพิ่งได้รับการช่วยเหลือมาเมื่อคืนนี้
เขารีบเอ่ยขอโทษทันที “ข้าขอโทษนะเสียวเป่ย ข้าไม่ได้ตั้งใจจะตีเจ้า… ข้าคงทำให้เจ้าตกใจมาก…”
เมื่อเห็นคำอธิบายที่ไม่สอดคล้องกันของจินเฟิง ถังเสียวเป่ยก็หัวเราะอีกครั้ง
จากนั้นนางก็รวบรวมความกล้าและยืนขึ้นกอดชายหนุ่มไว้แน่น ซุกหัวลงบนไหล่ของจินเฟิงและกระซิบเบา ๆ “ท่านอาจารย์อย่าเอ่ยขอโทษข้าเลย อย่าเอ่ยขอโทษอีก ท่านอาจารย์ช่วยดึงเสียวเป่ยออกมาจากขุมนรกให้ได้พบเจอกับพี่สาว ข้าจะไม่มีวันลืมบุญคุณของท่านอาจารย์ตลอดชีวิตนี้…”
ยิ่งนางพูดมากเท่าไร นางก็ยิ่งตื้นตันและใจเต้นมากขึ้นเท่านั้น และในจังหวะนั้นเอง ถังเสียวเป่ยก็โอบรอบคอของจินเฟิงและจูบเขา
มือเล็ก ๆ ของนางก็เริ่มสอดเข้าไปในผ้าห่ม
ดวงตาของจินเฟิงเบิกกว้างขึ้นทันที
ทั้งสองช่วงชีวิตที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับหญิงสาวที่กล้าหาญแบบนี้
อย่างไรก็ตาม เขาอยู่ในวัยที่เรียนรู้โลกมาแล้ว ไม่กี่วันก่อนถังตงตงยังช่วยจับคู่ให้เขา อีกทั้งภรรยาของเขาก็ยังสนใจเรื่องการหาอนุภรรยาให้มาโดยตลอด จินเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยอมแพ้ เขากอดถังเสียวเป่ยแล้วพลิกตัวนางลง เปลี่ยนจากผู้รับเป็นผู้รุก
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์