บทที่ 250 ขอบเขตการค้นหาแคบลง
ต้าหลิวเองก็เป็นคนนอกที่เพิ่งมาเยือนเช่นกัน เมื่อเขาเห็นถังเสียวเป่ยออกมาจากห้องของจินเฟิงก็รู้ทันทีว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ
ที่แท้ก็เป็นเพราะแม่นางคนนี้ เมื่อถังเสียวเป่ยเห็นต้าหลิวใบหน้าของนางก็แดงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
ไม่รู้ว่าต้าหลิวคิดอะไรอยู่ เขายกมือขึ้นและทักทายเสียวเป่ย “แม่นางเสียวเป่ย…”
ถังเสียวเป่ยรู้สึกเขินอายและทำตัวไม่ถูก หากต้าหลิวแกล้งทำเป็นไม่เห็นอะไรเลยเรื่องนี้ก็คงจบลงแล้ว
แต่เขากลับดื้อรั้นและเอ่ยทักทายนางขึ้นมา
ถังเสียวเป่ยอยากแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็เหมือนว่าจะหมดหนทางแล้ว
นางเดินเข้าไปหาต้าหลิวด้วยไปหน้าเรียบเฉย จากนั้นก็กระทืบเท้าปึงปังสองครั้งด้วยความขุ่นเคืองก่อนที่จะเดินออกไป
“ใครใช้ให้เจ้าปากมากกัน!”
ต้าหลิวรู้สึกตัวในเวลานี้และตบหน้าตัวเอง
“ความปากมากนี้เกินเยียวยาแล้วสินะ”
จินเฟิงเหลือบมองต้าหลิวด้วยความโกรธ “เซียวตูเว่ยอยู่ที่ใด?”
“รออยู่ที่ลานด้านหน้า”
ในเวลานี้ กองกำลังที่จางเหลียงจัดเตรียมไว้ใกล้จะมาถึงแล้ว เมื่อวานนี้ถังตงตงจึงได้จองห้องพักที่โรงเตี๊ยมเพิ่มอีกสามห้อง
จินเฟิงอาศัยอยู่ในเรือนที่เพิ่งสร้างใหม่เมื่อวานนี้
ส่วนต้าหลิวอาศัยอยู่ในเรือนเล็ก ๆ ที่ถังเสียวเป่ยเคยอาศัยอยู่
หลังจากพูดแล้วเขาก็รีบวิ่งไปด้านหน้าเพื่อนำทาง
เมื่อเดินผ่านประตูลานบ้าน ต้าหลิวชี้ไปที่ทหารผ่านศึกสองคนที่เฝ้าประตูด้วยเสียงเข้ม
เพราะชายสองคนนี้รู้ดีว่าว่าถังเสียวเป่ยอยู่ที่เรือนของจินเฟิง ตอนที่เขามาหาจินเฟิงพวกเขาทั้งสองไม่แม้แต่จะเตือนกันสักนิด เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายตั้งใจกลั่นแกล้งให้เขาเผชิญหน้ากับสถานการณ์กระอักกระอ่วน
ทหารผ่านศึกสองคนที่เฝ้าประตูมองขึ้นไปบนท้องฟ้า โดยไม่สนใจการกระทำคุกคามของต้าหลิว
“เซียวตูเว่ย ครั้งนี้ข้าคงต้องขอรบกวนเจ้าด้วย”
จินเฟิงยิ้มและประสานมือของเขา
ไม่ว่าทหารท้องถิ่นจะเป็นอย่างไร แต่ในครั้งนี้ที่เขาสามารถช่วยถังเสียวเป่ยออกมาได้อย่างราบรื่น ทหารท้องถิ่นก็มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ
จินเฟิงไม่ชอบการเข้าสังคมมากนัก และเขาก็ไม่รู้วิธีจัดการรับมือกับผู้คน แต่เขาพอรู้วิธีพูดคำที่สุภาพ
“ไม่มีปัญหา แม่นางเสียวเป่ยถูกพวกอันธพาลลักพาตัวไปในเวลากลางวันแสก ๆ มันเป็นหน้าที่ของเราในฐานะทหารที่จะตามหานางกลับมา”
เซียวตูเว่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้ามาที่นี่เพื่อสอบถามท่านอาจารย์ ตอนนี้พบแม่นางเสียวเป่ยแล้ว สามารถเปิดประตูเมืองได้แล้วใช่หรือไม่?”
“เปิดได้เลย” จินเฟิงกล่าว “สองวันที่ผ่านมาข้าต้องขอบคุณสหายทหารท้องถิ่นด้วย”
เซียวตูเว่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินสิ่งนี้
ตอนนี้ตระกูลใหญ่หลายแห่งเริ่มขาดแคลนเสบียง และการที่ทหารท้องถิ่นทำการปิดประตูเมืองก็ทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนัก
เขากลัวจริง ๆ ว่าจินเฟิงจะยืนกรานที่จะตามหาตัวคนร้ายก่อนจะเปิดประตูเมือง
“เช่นนั้นข้าไม่รบกวนท่านอาจารย์แล้ว” เซียวตูเว่ยรีบกลับไปเปิดประตูเมือง หลังจากบอกลาจินเฟิงเขาก็เตรียมตัวที่จะออกไป
“เซียวตูเว่ย รอสักครู่”
จินเฟิงรั้งเซียวตูเว่ยเอาไว้แล้วหันมาพูดกับต้าหลิว “ข้าจำได้ว่าในคลังมีสบู่หอมเหลือยี่สิบกล่อง เจ้าไปนำมาให้หมด”
ต้าหลิวตอบรับและวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานเขาก็เข้ามาโดยที่ถือหีบเล็ก ๆ ใบหนึ่งเอาไว้
“เซียวตูเว่ย ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ข้าได้สร้างปัญหาให้เจ้าและสหายไม่น้อย”
จินเฟิงโบกมือให้ต้าหลิวมอบหีบนั้นให้เซียวตูเว่ย “นี่เป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ตูเว่ยเอามันกลับไปแล้วแบ่งให้พวกสหายนะ ถือว่าเป็นคำขอบคุณจากข้า”
“ได้อย่างไรกัน มันเป็นหน้าที่ของพวกข้าอยู่แล้ว”
เซียวตูเว่ยบอกปัด แต่มีแววตาโหยหา

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์