บทที่ 258 เกิดความเคารพ
จินเฟิงและถังเสียวเป่ยกระซิบกระซาบกันจนชิ่งมู่หลานไม่ได้ยิน
เมื่อเห็นจินเฟิงหันมามองตนเอง นางก็แตะจมูกด้วยความเก้อเขินแล้วถามว่า “ท่านอาจารย์มองข้าทำไม?”
“มู่หลาน ท่านโหวเคยบอกข้าว่า พวกเจ้ามีท่านอาหญิงคนหนึ่งเป็นนางสนมใช่หรือไม่?” จินเฟิงถาม
“ท่านคิดจะทำสิ่งใด?”
จู่ ๆ ชิ่งมู่หลานก็เริ่มหวั่น ๆ
การแต่งงานเป็นวิธีการเชื่อมพันธไมตรีระหว่างผู้ดีในสมัยโบราณ และเป็นวิธีหนึ่งในการแสดงความไว้วางใจและความภักดีระหว่างฮ่องเต้และขุนนาง
เพื่อแสดงความไว้วางใจต่อครอบครัวหนึ่ง ฮ่องเต้จะเลือกแต่งงานกับองค์หญิงหรือหญิงสาวสามัญชนจากครอบครัวที่มีฐานะ และให้พวกนางเข้าพระราชวังในฐานะนางสนม
ซึ่งท่านอาหญิงของชิ่งมู่หลานก็เป็นคนจากตระกูลชิ่งที่ฮ่องเต้เลือกตบแต่งเข้าไป
ไม่เพียงแต่ตระกูลชิ่งเท่านั้น โดยพื้นฐานแล้วในจวนกั๋วกงจะมีสตรีนางหนึ่งเป็นนางสนมในวังหลวงเสมอ
แม้ว่าหญิงเหล่านี้จะเป็นเพียงเหยื่อของการรักษาสมดุลในราชสำนัก และฝ่าบาทอาจอาจไม่ชอบพวกนาง แต่นางสนมถือเป็นข้อหวงห้ามของฝ่าบาท ใครก็ตามที่บังอาจแตะต้องพวกนาง คนผู้นั้นจะต้องตาย
นั่นคือเหตุผลที่ชิ่งมู่หลานเป็นบุคคลที่ไร้กังวลมาโดยตลอด แต่นางกลับหวาดหวั่นขึ้นมาเมื่อได้ยินจินเฟิงพูดถึงท่านอาหญิงของตน
“เหตุใดจึงมองข้าเช่นนั้นเล่า?”
จินเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าแค่คิดว่าโจวเหวินเหยวียนเดินทางจากเมืองหลวงมายังกวางเหยวียนเพื่อซื้อสบู่หอม นั่นแสดงให้เห็นว่าสบู่ของเราน่าจะได้รับความนิยมในเมืองหลวงอยู่พอสมควร ของดีเช่นนี้ เจ้าไม่คิดจะมอบให้เหนียงเหนียง*[1]หน่อยหรือ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ชิ่งมู่หลานก็ยังไม่ตอบสนอง ทันใดนั้นดวงตาของถังเสียวเป่ยก็สว่างขึ้น
นางเข้าใจว่าจินเฟิงหมายถึงอะไร
กลุ่มลูกค้าหลักของสบู่คือสตรี ถังเสียวเป่ยสามารถยืนยันได้ว่าในกวางเหยวียนนั้น หญิงสาวมีส่วนสำคัญอย่างมากในการสนับสนุนสบู่หอม
ฮูหยินจวิ้นโส่วก็ได้บอกต่อเรื่องสบู่หอมนี้ออกไปอยู่หลายหน และบรรดาฮูหยินคนอื่น ๆ ก็กลายเป็นลูกค้าประจำของสบู่หอมที่นางขาย
แม้ว่าแต่ละคนจะซื้อจำนวนไม่มากเหมือนหอนางโลม แต่กวางเหยวียนมีหอนางโลมรวมกันกี่แห่งกันเชียว?
ปริมาณสบู่ที่หอมที่เหล่าฮูหยินซื้อไปรวมกันมากกว่าหอนางโลมหลายเท่าเชียวล่ะ
และสตรีที่เป็นกระบอกเสียงมากที่สุดในเมืองนี้ก็คือฮูหยินจวิ้นโส่ว เช่นนั้น สตรีที่น่าจะเป็นกระบอกเสียงได้ดีที่สุดในเมืองหลวงก็แน่นอนว่าต้องเป็นนางสนมของฝ่าบาท
ยิ่งไปกว่านั้น วงสตรีในเมืองหลวงยังชอบเลียนแบบสตรีในวังหลวงมาโดยตลอด
ฝ่าบาทชอบทรงผมของนางสนมคนหนึ่ง ตราบใดที่ไม่ละเมิดมารยาทอันควร ภายในหนึ่งเดือน ฮูหยินจากตระกูลต่าง ๆ ในเมืองหลวงก็จะแข่งขันกันเกล้าผมแบบเดียวกับนางสนมผู้นั้น
หากสามารถส่งสบู่นี้เข้าไปในวังหลวงได้ ต้องได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายแน่นอน
อย่างน้อยถ้าตระกูลโจวต้องการหยุดพวกเขาก็คงต้องคิดให้รอบคอบ
“เอาสบู่หอมไปให้ท่านอาหญิงของข้าหรือ?”
ชิ่งมู่หลานรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อยเช่นกัน
ท้องพระโรงเป็นสนามรบสำหรับขุนนางและวังหลังก็เป็นสนามรบสำหรับนางสนมด้วย
ท่าทางของฝ่าบาทที่มีต่อนางสนม สามารถส่งผลกระทบต่อตระกูลที่อยู่เบื้องหลังนางเหล่านั้นได้เช่นกัน
หากชิ่งเฟยสามารถทำให้ฝ่าบาทพอใจได้ เมื่ออยู่ในท้องพระโรง ฝ่าบาทก็จะทรงโปรดปรานตระกูลชิ่งตามไปด้วยไม่มากก็น้อย
แต่ชิ่งมู่หลานยังคงมีข้อสงสัยและเตือนว่า “ท่านอาจารย์ หากกังวลเรื่องการแก้แค้นของตระกูลโจวและต้องการใช้สบู่หอมเพื่อติดต่อกับราชวงศ์ ข้าขอแนะนำให้ล้มเลิกความคิดนี้โดยเร็ว ความแค้นระหว่างท่านกับโจวเหวินเหยวียนอาจเป็นเพียงการต่อสู้ระหว่างคนรุ่นหลังเท่านั้น”
“อีกอย่าง เรื่องนี้พวกเราสามารถช่วยกันหาทางแก้ไขได้ ข้ามีพี่ชายอยู่ที่ซื่อชวน ตระกูลโจวไม่สามารถทำอะไรท่านได้แน่นอน แต่หากให้ทางราชวงศ์เข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องนี้จะเปลี่ยนไปทันที แต่หากท่านมีความคิดด้านอื่นก็ควรรีบบอกข้าตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีใครสามารถช่วยท่านได้หากมีสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้น”
ชิ่งมู่หลานพูดอย่างตรงไปตรงมาและจินเฟิงก็น่าจะเข้าใจเช่นกัน
มีกฎเกณฑ์ต่าง ๆ มากมายระหว่างขุนนางทั้งสองฝ่าย แต่ในยุคศักดินานิยม ราชวงศ์คือสวรรค์ และฝ่าบาทก็ไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมายใด ๆ

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์