บทที่ 26 ระฆังเตือนภัย
นับตั้งแต่เขามาที่ต้าคัง เป้าหมายของจินเฟิงคือการเป็นคนร่ำรวยที่ไม่ต้องทำงาน เขาไม่เคยคิดที่จะฆ่าคนเลยแม้แต่น้อย
น่าเสียดายที่เขาอยากจะเป็นต้นไม้ที่นิ่งสงบ แต่ลมกลับพัดไม่หยุด ตอนนี้ชายหนุ่มไม่เพียงแต่ฆ่าคนเท่านั้น แต่ยังฆ่าโจรด้วย!
ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุผลใด แต่หากกลุ่มโจรรู้ว่าเขาได้ฆ่าคนของพวกมัน อีกฝ่ายย่อมไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปอย่างแน่นอน
ตอนนี้จินเฟิงอ่อนแอเกินไป และไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะต่อสู้กับพวกโจรได้เลย
“พี่เหลียง เราควรไปแจ้งเจ้าหน้าที่ทางการหรือไม่?”
จินเฟิงเริ่มรู้สึกเป็นกังวล
ชีวิตที่แล้วเขาเกิดภายใต้ธงแดง เป็นยุคที่สงบสุขเจริญรุ่งเรือง ไม่ต้องพูดถึงโจรภูเขา แม้แต่พวกเผด็จการหรืออันธพาลก็มีน้อยมาก ทุกสิ่งทุกอย่างมีแต่ความเป็นระเบียบเรียบร้อย นอกจากไปโรงเรียนแล้ว ชายหนุ่มกังวลแค่การทำงานพิเศษเพื่อหาเงินส่งเสียตัวเองเท่านั้น แน่นอนว่า เขาไม่มีประสบการณ์ในการรับมือกับเรื่องแบบนี้เลย
เมื่อเจอเรื่องแบบนี้ วิธีแก้ปัญหาแรกที่นึกถึงคือต้องรายงานเจ้าหน้าที่
“มันไม่มีประโยชน์”
จางเหลียงส่ายศีรษะ “ที่ซ่อนของพวกโจร เป็นสถานที่ที่ง่ายต่อการป้องกันและยากต่อการโจมตี นอกจากนี้ยังมีทางออกลับ หากไม่มีกองกำลังเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า ก็ยากที่จะทำลายพวกเขา อีกทั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จำนวนกองกำลังที่พอจะรบได้มีน้อยยิ่ง แม้จะผนวกรวมคนจากศาลาว่าการเข้าไป ก็คงยังไม่สามารถปิดล้อมกลุ่มโจรจากเขาเมาเมาได้”
“เห้อ…”
จินเฟิงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไป ตามปกติพวกโจรจะไม่ค่อยไปที่เขาอื่นเพราะถือว่าเป็นข้อห้าม ซึ่งโจรจากเขาเมาเมาก็มักจะปฏิบัติการทางตอนเหนือ และไม่ค่อยมาในถิ่นที่เราอาศัย”
เมื่อครู่มีเพียงข้าที่สังเกตเห็น ยกเว้นข้าก็ไม่น่าจะมีใครจำได้ว่าเขาเป็นโจร ทุกคนต่างคิดว่าชายหัวโล้นผู้นั้นเป็นคนอันธพาลที่ออกไปเที่ยวเตร่กับเซี่ยกวาง ตราบใดที่เราสองคนไม่บอกใคร โจรเขาเมาเมาก็ยากที่จะรู้เรื่องนี้”
จางเหลียงกล่าวต่อ “ข้ามาที่นี่เพื่อบอกเจ้า เจ้าจะได้รู้เอาไว้”
“ข้าขอบคุณพี่เหลียง”
จินเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินเช่นนั้น
การคมนาคมในสมัยต้าคังยังไม่สะดวก ผู้คนจำนวนมากมักจะใช้ชีวิตอยู่แต่ในหมู่บ้าน ใช้เวลาหลายปีกว่าจะไปที่ศาลาว่าการสักครั้งหนึ่ง
อาณาเขตของโจรเขาเมาเมาไม่ได้อยู่ที่นี่ ดังนั้นความน่าจะเป็นที่จะพบพวกเขาจึงต่ำมาก
“เจ้าบอกว่าเราต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ขอบคุณข้าทำไมกัน ทำเป็นคนอื่นคนไกลไปได้”
จางเหลียงเอ่ย “ตอนที่ข้าเป็นทหาร ข้ารู้จักสหายคนหนึ่งเปิดโรงสุราใกล้กับเขาเมาเมา เขาเคยพบเจอกับโจรเขาเหล่านั้น พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางไปที่นั่นและขอให้เขาช่วยสอดส่อง หากมีการเคลื่อนไหวผิดปกติใด ๆ จะให้เขาแจ้งข้าให้ทราบโดยเร็ว”
“คน ๆ นี้เชื่อถือได้หรือไม่?” จินเฟิงถาม
หากเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ การทำเช่นนี้จะเพิ่มความเสี่ยงในการถูกจับได้
“เป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตาย”
จางเหลียงกล่าว “และเขาก็เกลียดพวกโจรเขาเมาเมายิ่ง เพราะไอ้พวกสารเลวเหล่านั้นมักจะมาหาเขาทุกเดือนเพื่อรีดไถ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มก็โล่งใจในที่สุด
เป็นครั้งแรกที่ความรู้สึกเป็นกังวลและกลัวเกิดขึ้นในใจของเขา ชายหนุ่มเกลียดตัวเองที่ไม่เข้มแข็งพอ
แต่หากเขาเข้มแข็งมากพอ แล้วจะไม่กลัวโจรหรือ?
ข้าจำเป็นต้องพัฒนาไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด จะได้ปกป้องตัวเองได้!
จินเฟิงตัดสินใจอย่างเงียบ ๆ
เอ้กอีเอ้กเอ้ก!
ขณะเดียวกันไก่บ้านซานเสิ่นจือก็ขันขึ้นเสียงดัง
“ว่าแต่ เมื่อครู่เจ้าว่าจะให้ช่างไม้ทำสิ่งใดหรือ?”
จางเหลียงถาม “เอามาให้ข้าเถิด สั่งงานได้เลย ข้าจะได้ออกเดินทางทันที”
“พี่เหลียง ฟ้ายังไม่สว่าง ไม่เร็วไปหรือ?”
“เขาเมาเมาอยู่ทางเหนือของศาลาว่าการ หากข้ารีบไปจะได้รีบกลับ”
“เข่นนั้นก็ได้ เดินทางปลอดภัย”
จินเฟิงเดินกลับเข้าไปที่โรงตีเหล็กเพื่อห่อชิ้นส่วนที่เสร็จแล้วของไนปั่นด้าย จากนั้นก็หยิบเศษเงินที่หักออกมาส่งให้กับจางเหลียง “แค่ขอให้ช่างไม้ทำตามรูปแบบนี้ ทำมาอย่างละหนึ่งชิ้นก่อน หากทำได้ดีข้าจะสั่งทำเพิ่ม”
“ได้”
จางเหลียงรับของเอาไว้พร้อมกับเงินที่จินเฟิงมอบให้ จากนั้นก็ออกเดินทางทันที
ที่ลานบ้านบัณฑิตหนุ่มได้รับการเก็บกวาดจนเรียบร้อย
เสี่ยวเอ๋อยังเด็ก นางหลับไปอีกครั้งหลังผ่านการร้องไห้ไปอย่างหนัก
กวานเสี่ยวโหรว ถังตงตง และรุ่นเหนียง นั่งรอบโต๊ะเล็ก ๆ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
เมื่อเห็นจินเฟิงกลับมา พวกนางก็รีบลุกขึ้นยืนทันที

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์