บทที่ 301 ไม่ถือโทษท่านอาจารย์
คนที่นอนอยู่แทบเท้าของจินฟิงไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นกวานจู้จือพี่ชายของกวานเสี่ยวโหรว
นับตั้งแต่จินเฟิงขับไล่เขาออกจากซีเหอวานเนื่องจากเรื่องไนปั่นด้าย กวานจู้จือก็ไม่กล้าไปบ้านของเขาอีกเลย
และทั้งสองก็ไม่ได้พูดคุยกันตั้งแต่นั้นมา
“น้อง…. ท่านอาจารย์ เสี่ยวโหรวอยู่ที่ใดหรือ นางสบายดีหรือไม่?”
กวานจู้จือรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อเห็นจินเฟิง เดิมทีเขาต้องการเรียกจินเฟิงว่าน้องเขย แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจและเรียกอีกฝ่ายว่าท่านอาจารย์เหมือนกับชาวบ้านคนอื่น ๆ
“เสี่ยวโหรวสบายดี ข้าให้นางพักอยู่ที่ห้องพักใต้หอสังเกตการณ์ในเฮยสุ่ยโกว”
จินเฟิงตักน้ำขึ้นมา “เจ้าเป็นพี่เมียข้า เรียกข้าว่าท่านอาจารย์ไม่กลัวว่าผู้อื่นจะหัวเราะเยาะหรือ? หลังจากข้าจัดการธุระตรงนี้เสร็จไว้ข้าจะพาเสี่ยวโหรวกลับไปเยี่ยมบ้าน ทั้งนางและเสี่ยวเอ๋อคิดถึงพวกเจ้า”
ครั้งก่อนที่โจรจากเขาเถี่ยกว้านเข้ามาโจมตีซีเหอวาน กวานซานเหยียก็นำคนจากกวานเจียวานมาสนับสนุนและกวานจู้จือเองก็ไปที่นั่น ครั้งนี้เมื่อเขาเผชิญกับอันตราย ชายผู้นี้ก็ร่วมเดินทางมาด้วยอีกครั้ง
ในความเป็นจริง จินเฟิงแค่โกรธที่เขาปฏิบัติต่อโรงงานสิ่งทอเหมือนบ้านของเขาเองและวิพากษ์วิจารณ์ถังตงตงที่เป็นผู้อำนวยการโรงงาน แต่แท้จริงแล้วทั้งสองไม่ได้มีปัญหาอะไรต่อกัน
ท้ายที่สุด กวานจู้จือก็ถือว่าเป็นพี่ชายคนโตของกวานเสี่ยวโหรว หากพวกเขาทั้งสองมีปัญหากัน กวานเสี่ยวโหรวที่เป็นคนกลางคงรู้สึกไม่ดีนัก
จินเฟิงเชื่อว่าหลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ไป กวานจู้จือจะมีความคิดความอ่านที่ดีขึ้น ชายหนุ่มจึงอยากใช้โอกาสนี้เพื่อแก้ปม
“อื้ม!”
กวานจู้จือยิ้มอย่างมีความสุข
เขารู้ดีว่าการที่จินเฟิงพูดแบบนี้ แปลว่าอีกฝ่ายได้ให้อภัยเขาสำหรับเรื่องไร้สาระก่อนหน้านี้แล้ว
“พี่ใหญ่ ข้าขอบคุณมาก!”
จินเฟิงตบไหล่กวานจู้จือแล้วยื่นถ้วยน้ำให้
“ข้ายินดี ข้ายินดี…”
กวานจู้จือรับถ้วยน้ำขึ้นมาแล้วดื่มจนหมดรวดเดียว
จินเฟิงพยักหน้าและรินน้ำให้ชาวบ้านคนถัดไป
เมื่อเขาไปถึงปลายแถว หัวใจของจินเฟิงก็ตึงเครียดขึ้นและกลัวที่จะก้าวไปข้างหน้าทันที
ท้ายขบวนมีปู่และหลานชายคู่หนึ่ง ชายชราอายุห้าสิบกว่าแล้ว และเด็กชายก็อายุเพียงสิบสามสิบสี่ปีเท่านั้น ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขาไม่ดีเท่าชายที่แข็งแรงจึงล้มไปทางด้านหลัง
พวกเขาเป็นพ่อและลูกของซวนจื่อที่เสียชีวิตในการสู้รบครั้งล่าสุด
สิ่งที่ต้องเผชิญอย่างไรเสียก็ต้องเผชิญ จินเฟิงหายใจเข้าลึก ๆ แล้วตักน้ำขึ้นมา
เขามักจะส่งน้ำให้ผู้อื่นด้วยมือข้างเดียว แต่ในครั้งนี้จินเฟิงเปลี่ยนมาใช้มือทั้งสองข้างมอบถ้วยน้ำให้กับชายชราอย่างสุภาพ
“กวานชีป๋อ ขอบคุณท่านมาก!”
ชายชราตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
เขาพอจะเดาได้แล้ว
ชายชราไม่ได้พูดอะไรทันที แต่รับถ้วยน้ำไว้ในมือที่สั่นเทา จากนั้นเขาก็ดื่มน้ำที่เคล้าไปด้วยน้ำตาจนหมดในอึกเดียว
“หนีหวาจื่อ ข้าขอบใจเจ้านะ!”
จินเฟิงหยิบถ้วยน้ำขึ้นมาแล้วมอบให้กับบุตรชายของซวนจื่อ
เห็นได้ชัดว่าเด็กชายไม่ได้คิดมาก เขาหยิบชามน้ำมาดื่มจนหมด ใช้แขนเสื้อเช็ดปากแล้วถามว่า
“ท่านอาจารย์จิน ท่านพ่อของข้าอยู่ที่ใด เหตุใดข้าไม่เห็นเขาเล่า?”
ตอนนี้เด็กชายกำลังมองหาซวนจื่อในฝูงชนแต่ก็หาไม่พบ
“หนีหวาจื่อ ข้า…”
จินเฟิงไม่รู้ว่าจะบอกหนีหวาจื่ออย่างไรดีว่าบิดาของเขาเสียชีวิตในสนามรบ
“ท่านอาจารย์ บุตรชายของข้ามีความกล้าหาญในการสู้รบหรือไม่?”
จู่ ๆ ชายชราก็ถามขึ้น
“เขากล้าหาญ ในทุกการต่อสู้ เขาจะเป็นฝ่ายออกไปเผชิญหน้าเป็นคนแรกเสมอ!”
จินเฟิงตอบกลับ
“บุตรชายของข้าเคยทอดทิ้งสนามรบหรือไม่?”
ชายชราถามอีกครั้ง
“เขาไม่เคยทำเช่นนั้น! เขาไม่เคยถอยและสู้จนตัวตายเสมอเมื่ออยู่ในสนามรบ!”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์