บทที่ 303 วิธีการของกุนซือเฝิง
“เหล่าเผิง คนของเจ้าบ้าไปแล้ว!”
จูเหล่าเหยียชี้ไปที่กุนซือเฝิงแล้วพูดว่า “เขากำลังสนุบสนุนให้เราก่อกบฏ!”
“กุนซือเฝิง ในอนาคตเจ้าห้ามพูดถึงวิธีการนี้อีกเด็ดขาด!”
เผิงเหล่าเหยียหน้าซีด “เจ้ารู้หรือไม่ว่าการกบฏหมายถึงอะไร?”
จ้าวเสี้ยนเว่ยไม่ได้พูดอะไรแต่กำลังรู้สึกหวาดกลัวมากเสียจนเหงื่อเย็นไหลลงมา ดวงตาที่เขามองไปที่กุนซือเฝิงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ทุกปีในเมืองต้าคัง ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนกลายเป็นโจรเพราะพวกเขาไม่สามารถอยู่รอดได้อีก และผู้คนจำนวนมากบ้างก็ถูกเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรังแกและก่อเหตุฆาตกรรม
เช่น เมื่อสองปีก่อน ครอบครัวของจวิ้นโส่วในเมืองข้างเคียงถูกกลุ่มพี่น้องสี่คน รุมทำร้ายบนถนนจนเสียชีวิตฐานกลั่นแกล้งประชาชนจนเกิดความฮือฮา และในวันที่มีการลงโทษตัดศีรษะ สถานที่ประหารชีวิตก็เต็มไปด้วยผู้มาชมมากมาย
แต่การกบฏนั้น ต่างจากการเปลี่ยนคนรากหญ้าให้กลายเป็นโจร หรือการอาละวาดและลงมือสังหารผู้คน
หากตกหลุมพรางของการเป็นโจรก็เพียงแค่ต้องหาผู้สนับสนุนในพื้นที่และจ่ายส่วยเพื่อซื้อความคุ้มครอง ตัวอย่างเช่น ในเฮยสุ่ยโกวและเขาหู่โถว ทางหน่วยงานจะไม่เพียงแต่เพิกเฉยต่อสถานการณ์ต่าง ๆ เท่านั้น แต่จ้าวเสี้ยนเว่ยยังส่งคนไปเจรจากับเฮยสุ่ยโกวอีกด้วย
แต่การกบฏเท่ากับการชูธงปฏิวัติและการประกาศตัวเป็นศัตรูอย่างเป็นทางการต่อราชสำนักของฝ่าบาท
ไม่มีฮ่องเต้พระองค์ใดสนใจกลุ่มโจรฉันใดก็ไม่มีฮ่องเต้พระองค์ใดสามารถทนต่อการกบฏได้ฉันนั้น!
พวกเขาสนับสนุนโจร กดขี่ประชาชน และทำแม้กระทั่งสังหารผู้มีบรรดาศักดิ์อย่างจินเฟิง อิทธิพลของพวกเขามีเฉพาะในอำเภอจินชวนเท่านั้น และขุนนางในท้องพระโรงก็ไม่มีใครมาสนใจเรื่องนี้
แต่หากกล้ากบฏ พวกเขาต้องโดนจับเข้าคุกแน่นอน!
สิ่งที่รอคอยพวกเขาอยู่คือราชสำนักที่ทำการปราบปรามอย่างโหดเหี้ยมที่สุด
การต่อสู้กับการกดขี่ไม่ใช่แค่การตะโกนขู่ขวัญทั่วไปเท่านั้น แต่ต้องอาศัยคนจำนวนมากติดตามจึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จ
ในส่วนของจ้าวเสี้ยนเว่ยและคหบดีทั้งสอง จินเฟิงคงต้องการถลกหนังพวกเขาและฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ใครจะยินดีต่อสู้เพื่อพวกเขาเล่า?
นั่นเป็นสาเหตุที่ทั้งสามคนตกใจมากเมื่อได้ยินกุนซือเฝิงพูดถึงเรื่องการกบฏ
“นายท่านทั้งสาม โปรดฟังสิ่งที่ข้าจะพูดก่อน!”
กุนซือเฝิงกล่าวว่า “แน่นอน ข้ารู้ว่าเราไม่สามารถกบฏได้ แต่สิ่งที่ข้าหมายถึงคือ เราสามารถคุกคามจินเฟิงด้วยการกบฏได้!”
“เจ้ากลัวจนสติฟั่นเฟือนไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”
จูเหล่าเหยียกัดฟันพูดว่า “เจ้าคิดจะข่มขู่จินเฟิง? เจ้าคิดว่าชีวิตของพวกเรายังสั้นไม่พอเลยคิดจะยื่นมีดให้จินเฟิงอีกครั้งอย่างนั้นรึ”
“หากเป็นคนอื่น วิธีนี้คงไม่ได้ผลแน่นอน แต่นายท่านทั้งสามอย่าลืมความสัมพันธ์ระหว่างจินเฟิงและชิ่งไหว”
กุนซือเฝิงกล่าวต่อ “จินชวนเป็นศักดินาของท่านโหว ตามกฎหมายของต้าคัง หากเราทำการกบฏในจินชวน ท่านโหวจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน ดีไม่ดีเขาอาจถูกปลดหรือไล่ออกจากตำแหน่ง!”
“จินเฟิงให้ความสำคัญกับความภักดีและความชอบธรรม ความสัมพันธ์ของเขากัท่านโหวนั้นไม่ธรรมดา เขาจะไม่ยอมให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน!”
ตาของจ้าวเสี้ยนเว่ยเป็นประกายและเข้าใจได้ในทันทีว่ากุนซือเฝิงหมายถึงอะไร
“ใต้เท้าเห็นทางสว่างแล้วใช่หรือไม่!”
กุนซือเฝิงยกกำปั้นขึ้นและพูดอย่างภูมิใจ “แต่การกบฏคือหนทางที่จะตายไปพร้อมกับจินเฟิง เราจะต้องไม่ใช้มันจนกว่าจะถึงอึดใจสุดท้าย!”
“กุนซือ เจ้ามีความคิดอื่นใดอีกหรือไม่?”
จ้าวเสี้ยนเว่ยถามอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เขากำลังสับสนและได้แต่หวังว่ากุนซือเฝิงจะคิดหาทางทำลายสถานการณ์นี้ได้
“ตอนนี้จินเฟิงจับจ้าวควานได้แล้ว ด้วยนิสัยอาฆาตแค้นของเขา เขาจะไม่ปล่อยทั้งใต้เท้าและนายท่านทั้งสองไปแน่นอน”
กุนซือเฝิงกล่าวว่า “ดังนั้นแม้ว่านายท่านทั้งสามคนจะรอดพ้นจากภัยพิบัตินี้ แต่ข้าก็เกรงว่าทุกท่านจะไม่สามารถอาศัยอยู่ในจินชวนได้อีกต่อไป แต่ตราบใดที่เราสามารถมีชีวิตรอด เรื่องอื่นเราค่อยว่ากันอีกทีก็ได้”
จ้าวเสี้ยนเว่ยถามว่า “เจ้ามีทางให้เราหลบหนีหรือไม่?”
คหบดีทั้งสองเองก็พยักหน้าเช่นกัน
เมื่อเอ่ยมาถึงจุดนี้ พวกเขาไม่ได้คาดหวังอะไรอีกแล้ว พวกเขาหวังแค่การมีชีวิตรอด
“ข้ามีอยู่หนึ่งวิธี แต่ไม่รู้ว่านายท่านทั้งสามจะยินดีให้ความร่วมมือหรือไม่”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์