บทที่ 304 ออกจากเมือง!
“เจ้า…”
ต้าโก่วเอื้อมมือไปคว้าเสื้อของกุนซือเฝิง แต่คนที่อยู่ข้างหลังเขากลับบิดด้ามมีดนั้นทันที
จากนั้นต้าโก่วก็อ่อนแรงและล้มลง ก่อนจะหลับตาลงตลอดกาล
ข้างหลังเขาคือชายตาเดียวที่ปรากฏตัวขึ้น อีกฝ่ายเป็นผู้ติดตามกุนซือเฝิง
กุนซือเฝิงมองย้อนกลับไปที่อำเภอจินชวนก่อนจะถอนหายใจและหายเข้าไปในหลุมดำ
แม้ว่าสายตาอันโหดเหี้ยมของจ้าวเสี้ยนเว่ยจะถูกซ่อนไว้ได้อย่างรวดเร็ว แต่กุนซือเฝิงก็มองเห็นมันได้ทัน
ในขณะนั้น กุนซือเฝิงรู้ได้ทันทีว่าตนเองไม่สามารถอยู่ในจินชวนได้อีกต่อไป หากเขาอยู่ต่อ เขาคงต้องตกเป็นแพะรับบาปของจ้าวเสี้ยนเว่ยและคหบดีทั้งสอง ก่อนที่อีกฝ่ายจะส่งมอบตัวเขาให้กับจินเฟิง
ก่อนจะลงมือ กุนซือเฝิงได้คิดแผนต่าง ๆ ไว้มากมาย เมื่อเห็นว่าจ้าวเสี้ยนเว่ยและคหบดีทั้งสองไม่เห็นด้วยกับการกบฏ เขาจึงหยุดพูดถึงแผนการกบฏและเปลี่ยนมาพูดคุยเกี่ยวกับแผนปราบปรามพวกโจรแทน
โชคดีที่พวกเขาทั้งสามอยู่ในภาวะตึงเครียด เมื่อถูกดึงความสนใจก็เลยไม่ทันสงสัย ดังนั้นกุนซือเฝิงจึงออกมาจากภัตตาคารเว่ยเจียได้สำเร็จ
ในความเป็นจริง เขาทำงานอย่างหนักเพื่อคิดแผนการปราบพวกโจร และมีโอกาสสูงที่จะประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม เขามีวิธีที่ดีกว่านี้เพียงแต่เขาไม่เต็มใจที่จะร่วมทางกับจ้าวเสี้ยนเว่ยและคหบดีทั้งสองอีกต่อไปแล้ว
เขาต้องพาตัวเองหนีรอดออกมาก่อน ส่วนจ้าวเสี้ยนเว่ยและคหบดีทั้งสองจะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
ชายตาเดียวใช้ร่างกายของต้าโก่วเช็ดมีดให้สะอาดก่อนจะสั่งให้คนของเขานำเศษใบไม้ใบหญ้ามาปกปิดคราบเลือด จากนั้นก็ลากร่างของต้าโก่วเข้าไปในหลุมดำด้วย
ทุกอย่างรวดเร็วราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยกเว้นกลิ่นจาง ๆ ของเลือดที่คลุ้งกระจายไปตามสายลมในหมอกบาง ๆ ยามเช้า
ในเวลานี้ จ้าวเสี้ยนเว่ยยังไม่รู้ว่ากุนซือเฝิงได้ออกจากอำเภอจินชวนไปแล้ว หลังจากกลับบ้านเขาก็นำตั๋วเงินทั้งหมดติดตัวไปด้วยโดยเร็วที่สุด พอรุ่งสางก็ยังวิ่งไปที่โรงแลกเงินทันที โดยมีข้ออ้างว่าเขาต้องการใช้เงินด่วนเลยจะนำบ้านมาจำนอง
อย่างไรก็ตามเพราะหลักประกันและตัวตนของจ้าวเสี้ยนเว่ย เจ้าของโรงแลกเงินจึงไม่ได้คิดมากและรีบมอบตั๋วเงินให้กับจ้าวเสี้ยนเว่ยในตอนนั้นทันที
หลังจากเก็บข้าวของแล้ว จ้าวเสี้ยนเว่ยก็ไม่ทันได้แจ้งให้กับคนในครอบครัวของตนรู้ เมื่อตรงไปโรงแลกเงินและจัดการธุระเสร็จ เขาก็มุ่งไปยังค่ายทหาร
นอกจากนี้เขายังขอให้คนส่งชุดเครื่องแบบทหารไปให้คหบดีทั้งสองด้วย
ไม่ใช่ว่าเขาคิดถึงมิตรภาพเก่า ๆ แต่จ้าวเสี้ยนเว่ยกังวลว่าจะเกิดเรื่องยุ่งยากในภายหลังหากเขาไม่พาทั้งสองคนไปด้วย
ผลคือจูเหล่าเหยียและเผิงเหล่าเหยียที่มาถึงหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วแจ้งเขาว่ากุนซือเฝิงหายตัวไป
“ที่ว่าเขาหายตัวไปมันหมายความว่าอย่างไร ประตูเมืองถูกปิดหมดแล้ว หรือว่าเขาบินได้?”
จ้าวเสี้ยนเว่ยตกใจและรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่านี่เป็นเรื่องไม่ดีแน่
“ข้าเคยบอกแล้วว่ากุนซือเฝิงผู้นี้ร้ายกาจและไม่น่าเชื่อถือ เป็นอย่างไรเล่า ทันทีที่เห็นสถานการณ์ไม่ดี เขาก็รีบหนีไปทันที?”
จูเหล่าเหยียสบถด้วยความโกรธ “เหล่าเผิง เมื่อคืนข้าบอกเจ้าแล้วว่าให้ส่งตัวกุนซือเฝิงไปให้จินเฟิง หากเราให้พวกโจรยอมจำนน บางทีจินเฟิงอาจจะเต็มใจปล่อยเราไป แต่เจ้าก็ไม่ยินยอม ตอนนี้เป็นอย่างไร?”
“แล้วเหตุใดเจ้าไม่เลือกคนของเจ้าออกมาคนหนึ่งแล้วให้เขาเป็นแพะรับบาปแทนเล่า?”
เผิงเหล่าเหยียจ้องมองและพูดว่า “อีกอย่าง คนอย่างจินเฟิงจะปล่อยพวกเราไปง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ? เมื่อคืนเราจ้างโจรไปฆ่าเขา เจ้าคิดว่าจินเฟิงจะปล่อยเราไปเพียงแค่ส่งตัวกุนซือเฝิงและพวกโจรให้เขาหรือ?”
“มาพูดเรื่องนี้ตอนนี้เพื่ออะไร?!”
จ้าวเสี้ยนเว่ยโกรธมากจนเส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดโปน
“ท่านอาจารย์ ตอนนี้เราควรทำอย่างไรดี?”
เดิมทีจูเหล่าเหยียเป็นคนไม่มีความคิดเห็น แต่ตอนนี้เขาตื่นตระหนกมากจนรู้สึกเหมือนสมองของตนเองมึนงงไปหมด
จ้าวเสี้ยนเว่ยขมวดคิ้วและถอนหายใจ แต่เขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับจูเหล่าเหยีย
“ใต้เท้า จริง ๆ แล้วข้าคิดว่ากุนซือเฝิงรู้ว่าเราต้องการให้เขาเป็นแพะรับบาป เขาจึงวิ่งหนีไป แต่ข้าได้ทบทวนแผนของเขาอย่างรอบคอบหลายครั้งแล้ว มันก็ยังพอเป็นไปได้” เผิงเหล่าเหยียกล่าว
“เป็นไปได้กับผีล่ะสิ ไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่ากุนซือเฝิงจะทิ้งเรือไว้ให้เราที่ภูเขาเยี่ยนกุย หรือว่าเราต้องวิ่งไปที่นั่นแล้วกระโดดลงแม่น้ำพร้อมกันถ้ามันไม่มีเรือ?”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์