บทที่ 35 อัจฉริยะกับคนบ้า
ไนปั่นด้ายที่ใช้กันอยู่ตอนนี้เป็นของที่ล้ำสมัยอยู่แล้ว หากปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ก็คงไม่ได้ช่วยอะไรมากขนาดนั้น
การนำหน้าไปหนึ่งก้าวเรียกว่าอัจฉริยะ แต่หากนำไปสิบก้าวเรียกว่าคนบ้า
และคงไม่มีใครอยากอยู่ใกล้คนบ้า
เขาขอถือไพ่ตายไว้ในมือดีกว่า
โครงสร้างของไนปั่นด้ายนี้ไม่ซับซ้อน ถึงแม้ช่างไม้จะไม่เปิดเผย ไม่ช้าก็เร็วต้องมีคนเลียนแบบได้อยู่ดี
ไว้มีคนลอกเลียนแบบ ก็ไม่สายเกินไปที่จะทำการพัฒนา
หลังจากลูกจ้างนำป่านบรรจุลงกระสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว จินเฟิงและคนอื่น ๆ ก็ไปที่ร้านขายข้าวและซื้อข้าวกลับไปหลายถุง
เนื่องจากตอนนี้ครอบครัวจินต้องเลี้ยงอาหารคนหลายสิบชีวิต และข้าวก็ผ่านการหุงจนหมดลงไปแล้ว
ด้วยความกลัวที่จะถูกเจ้าหน้าที่คนนั้นตามมาพบ จินเฟิงและคนอื่น ๆ จึงออกจากศาลาว่าการไปโดยไม่ได้กินอะไรหลังจากซื้อของทุกอย่างเสร็จ
ในความเป็นจริง จินเฟิงคิดมากไปเอง เพราะไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่พวกเขาออกจากศาลาว่าการ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็เพิ่งปลีกตัวออกมาจากท่านที่ปรึกษาได้
เมื่อเขาเดินไปที่ประตูศาลาว่าการก็ไม่พบแม้กระทั่งเงาของจินเฟิงและหลิวเถี่ย?
“ชายหนุ่มสองคนที่ข้าคุยด้วยเมื่อครู่ไปไหนเสียแล้ว?”
เจ้าหน้าที่คว้าเด็กรับใช้ชายมาถาม
“จางปู่โถว ทันทีที่ท่านเข้าไปด้านใน พวกเขาก็จากไปทันที” เด็กรับใช้ตอบ
“บ้าจริง!”
เจ้าหน้าที่อยากที่จะตบตัวเองแรง ๆ
โอกาสดี ๆ เหล่านั้นหลุดลอยไปจากเขาอีกครั้ง
“ใช่แล้ว! แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดพวกเขาจึงเดินทางมายังศาลาว่าการ” เจ้าหน้าที่เอ่ยถาม
“ดูเหมือนว่าจะมาทำเรื่องแจ้งตาย” เด็กรับใช้ชายตอบ
เมื่อได้ยินดังนั้นเจ้าหน้าที่ก็วิ่งกลับเข้าไปในศาลาว่าการอีกรอบ
…
เมื่อพวกจินเฟิงกลับมาถึงซีเหอวาน ช่างไม้ที่นำชิ้นส่วนของไนปั่นด้ายอีกห้าชิ้นมาส่งก็เพิ่งจากไป โดยจางหม่านชางกำลังประกอบชิ้นส่วนเหล่านั้น
ส่วนกลุ่มสตรีก็รอกันอยู่ที่ประตูอย่างใจจดใจจ่อ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ ๆ
เพราะถังตงตงบอกว่าใครก็ตามที่กล้าแอบมองจางหม่านชางในขณะที่เขากำลังทำหน้าไม้จะไม่ได้มาทำงานปั่นด้ายอีก
ดังนั้นตอนนี้พวกนางจึงทำได้แค่ยืนรออยู่หน้าประตูโรงตีเหล็กทั้งวัน ไม่กล้าแม้แต่จะออกไปเก็บผักป่า เพราะเกรงว่าเมื่อจางหม่านชางทำการประกอบเสร็จจะมีคนมาแย่งชิงไนปั่นด้ายไป
จินเฟิงมองดูกระท่อมเพิงหญ้าคาด้านหน้า เห็นว่าตอนนี้ที่นั่นมีคนหนาแน่น และทุกพื้นที่ก็เต็มไปด้วยไนปั่นด้ายมากกว่ายี่สิบตัว ไม่มีที่ว่างสำหรับเตียงของถังตงตงและรุ่นเหนียงอีกต่อไป ชายหนุ่มจึงยอมย้ายกลับไปที่ห้องตะวันออกและนอนเบียดเสียดกับเสี่ยวเอ๋อ
ตอนนี้ยังเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ นับว่ายังไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่หากเป็นฤดูร้อนแล้วมีคนหนาแน่นถึงเพียงนี้ ไม่ต้องพูดถึงการทำงานเลย เกรงว่าต่อให้ไม่ได้หยิบจับอะไรก็จะเป็นลมแดดไปเสียก่อน
สตรีคนหนึ่งเสนอที่จะนำไนปั่นด้ายกลับไปทำงานที่บ้าน แต่ถังตงตงปฏิเสธเสียงแข็ง
ตอนนี้ไนปั่นด้ายคือหัวใจและจิตวิญญาณของนาง นางยอมให้การทำงานล่าช้าไปบ้าง ยอมลดจำนวนการทำงานลง แต่จะไม่ยอมปล่อยให้ไนปั่นด้ายกระจายไปอยู่ที่อื่นเด็ดขาด
เกรงว่าโรงงานเล็ก ๆ แห่งนี้ต้องมีการขยับขยายในเร็ววันเสียแล้ว
แต่จินเฟิงไม่ต้องการสร้างกระท่อมหรือเพิงมุงจากอีก
เพราะฤดูกาลที่ต่างกันนำมาซึ่งปัญหาที่หลากหลาย หลังคาจากตามมาด้วยปัญหาการรั่วซึม ยามเผชิญกับฝนและพายุ บัณฑิตหนุ่มเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยนัก
ในเมื่อตัดสินใจที่จะก่อตั้งกิจการขึ้นที่นี่อย่างจริงจัง จินเฟิงก็อยากจะสร้างบ้านให้แข็งแรงทนทานขึ้น
แต่ก่อนจะพูดถึงการสร้างอาคาร อันดับแรกต้องเริ่มจากการสร้างเตาเผาอิฐให้ได้ก่อน?
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ในซีเหอวานดูเหมือนจะไม่มีเตาเผาอิฐเลย ในหมู่บ้านและเมืองใกล้เคียงหรือแม้แต่อำเภอจินชวนก็ไม่มีเช่นเดียวกัน
ไม่ใช่ว่าเขาต้องสร้างเตาเผาอิฐขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่จะสร้างบ้านให้แข็งแรงหรอกนะ?



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์