บทที่ 36 เข้าใจผิด
หง่าง! หง่าง! หง่าง!
บุรุษที่อยู่ริมแม่น้ำต่างทำงานกันอย่างดุเดือด แต่แล้วจู่ ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงฆ้องดังมาจากทางหมู่บ้าน
“พวกโจรมาแล้วหรือ!”
พวกผู้ชายถือจอบและขวานทันทีพร้อมกับพากันวิ่งเข้าไปในหมู่บ้านอย่างตื่นตัว
จู่ ๆ จินเฟิงที่กำลังนั่งยอง ๆ รอดูการเผารอบแรกก็ขนหัวลุกขึ้นมา ความคิดที่แวบขึ้นมาในหัวชายหนุ่มคือกลุ่มโจรจากเขาเมาเมากำลังจะมาเอาคืน!
จะทำอย่างไรดี?
จินเฟิงเหลือบมองไปยังภูเขาด้านหลังโดยไม่รู้ตัว
แต่แล้วเขาก็ล้มเลิกความคิดนั้นลงอย่างรวดเร็ว
หากเขาหลบหนีไปคนเดียว แล้วกวานเสี่ยวโหรวและถังตงตงจะเป็นอย่างไรเล่า?
ไหนจะรุ่นเหนียงกับเสี่ยวเอ๋ออีก?
ไม่ได้! ถึงแม้ว่าเขาจะอยากหลบหนีมากแค่ไหนก็ต้องพาพวกนางหนีไปด้วย!
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ บัณฑิตหนุ่มก็หันหลังวิ่งเข้าไปในหมู่บ้านทันที
ครอบครัวของเขาไม่ได้อาศัยอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้าน พวกโจรคงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะไปถึง
เขาต้องพากวานเสี่ยวโหรวและคนอื่น ๆ หนีไปก่อนที่พวกมันจะพบบ้านเขา!
เมื่อจินเฟิงคิดได้ดังนี้ เขาก็รีบวิ่งกลับบ้านทันที
“ทำไมพวกโจรถึงมาที่นี่เร็วขนาดนี้? พี่เหลียงบอกว่ามีสหายคอยดูลาดเลาอยู่ที่เขาเมาเมาไม่ใช่หรือ?”
จินเฟิงรู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังจะกระโดดออกมาจากอก
เตาเผาอิฐอยู่ไม่ไกลจากบ้านของบัณฑิตหนุ่มนัก เมื่อจินเฟิงวิ่งเข้าไปในลานบ้าน ก็ไม่เห็นใครทำงานอยู่ที่โรงงานแล้ว
โจรที่ชอบบุกปล้นหมู่บ้านต่างก็มีนิสัยชอบแสดงอำนาจ บางครั้งพวกเขาก็ฆ่าคนเพื่อสร้างบารมี ก่อนหน้านี้ผู้ชายในหมู่บ้านต่างก็มุ่งหน้าไปที่เตาเผาอิฐ ส่วนสตรีก็ง่วนอยู่กับการทำงานปั่นด้าย หมายความว่าในหมู่บ้านเหลือแค่เด็ก ๆ เท่านั้น
เมื่อได้ยินเสียงฆ้องครั้งแรก เหล่าสตรีก็พากันวิ่งร้องไห้ไปหาลูกของตน
ส่วนจางหม่านชางที่อยู่ในโรงตีเหล็กก็เติมลูกธนูลงในกล่องอย่างเร่งรีบ
ถังตงตงและรุ่นเหนียงกำลังยุ่งอยู่กับการฝังถุงเงินไว้ในช่องใส่ถ่าน ในขณะที่กวานเสี่ยวโหรวกำลังอุ้มเสี่ยวเอ๋อเอาไว้ในอ้อมแขนพลางกอดปลอบนางอย่างสั่นเทิ้ม
ใบหน้าของเสี่ยวเอ๋อซีดลงด้วยความหวาดกลัว แต่นางก็ปิดปากแน่นไม่กล้าส่งเสียง
เด็กทุกคนในหมู่บ้านรู้ดีว่าพวกโจรมักจะตัดหัวเด็กที่กำลังส่งเสียงร้องไห้
“สามี ฤดูการเก็บเกี่ยวยังอีกไกล เหตุใดกลุ่มโจรจึงมาที่นี่ในเวลานี้?”
เมื่อเห็นจินเฟิงกลับมา กวานเสี่ยวโหรวก็พบกับที่พึ่งพาทันที นางถามอย่างกังวล “เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นโจรกลุ่มอื่น”
กระต่ายเมื่อถึงตาจนยังรู้กัดคน ในสถานการณ์ปกติกลุ่มโจรจะมาที่หมู่บ้านเพื่อเก็บส่วยปีละครั้ง แค่นั้นประชาชนก็เอาตัวรอดได้ยากมากแล้ว หากมาเก็บส่วยถึงสองครั้งต่อปีเช่นนี้ เกรงว่าเอาชีวิตพวกเขาไปเลยจะง่ายกว่า
โจรจากเขาเถี่ยกว้านมาเก็บส่วยจำพวกข้าวไปเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว และหากไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด พวกเขาก็จะไม่กลับมาอีกจนกว่าจะถึงฤดูใบไม้ร่วงปีถัดไป
แต่นี่พวกโจรมาเก็บส่วยในฤดูใบไม้ผลิ สถานการณ์ที่เป็นไปได้มากที่สุดคือโจรเขาเถี่ยกว้านอาจถูกโจรกลุ่มอื่นสังหารและโจรกลุ่มใหม่ก็ได้ตั้งตนขึ้น
พวกมันจึงมาที่นี่เพื่อแจ้งให้แต่ละหมู่บ้านทราบว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้เก็บส่วยประจำปี
“ไม่เกี่ยวกับการผลัดเปลี่ยนกองโจร… พวกเจ้ามาเอาหน้าไม้ แล้วหนีไปที่ภูเขาด้านหลังกันเถอะ”
จินเฟิงไม่มีเวลาอธิบายให้กวานเสี่ยวโหรวทราบเรื่องชายหัวโล้น เขารีบเข้าไปในโรงตีเหล็กและคว้าหน้าไม้คู่ใจเอาไว้
เมื่อมีหน้าไม้อยู่ในมือ ชายหนุ่มก็รู้สึกสบายใจและปลอดภัยขึ้น
หากหนีไม่ได้จริง ๆ ก็ต้องต่อสู้จนถึงที่สุด
นอกจากนี้ยังมีหน้าไม้หลายคันอยู่บนโต๊ะ จางหม่านชางใช้เวลาในช่วงที่ผ่านมาทำมันให้กับกวานเสี่ยวโหรวและถังตงตง หน้าไม้เหล่านั้นเหมือนกันกับของจินเฟิง
แน่นอนว่า นี่เป็นความต้องการของบัณฑิตหนุ่มที่ต้องการให้สตรีทั้งสามฝึกฝนการใช้หน้าไม้ แต่สถานที่ฝึกเปลี่ยนไปเป็นบ้านของจางหม่านชางแทน
ผลการฝึกออกมาดีมาก อัตราการยิงเข้าเป้าของถังตงตงจากระยะยี่สิบก้าวเกือบจะเต็มสิบส่วน
สิ่งที่ทำให้จินเฟิงประหลาดใจมากที่สุดคือรุ่นเหนียง เนื่องจากนางยุ่งกับการทำอาหารทุกวันจึงมีเวลาฝึกฝนน้อยกว่าใครเพื่อน ดูเผิน ๆ ก็เป็นสตรีที่อ่อนแอคนหนึ่ง แต่นางกลับมีความสามารถมาก อัตราการยิงเข้าเป้าของนางในระยะยี่สิบก้าวนั้นเป็นรองเพียงถังตงตง รุ่นเหนียงยิงเข้าเป้าถึงเก้าในสิบส่วน!
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความเร็วในการยิงของนางที่เร็วกว่าถังตงตงสามส่วน!
จางเหลียงกล่าวว่าหากนางฝึกฝนอย่างหนัก ทักษะการยิงธนูคงจะแซงหน้าเขาในไม่ช้า
ในทางตรงกันข้าม กวานเสี่ยวโหรวและเสี่ยวเอ๋อ สองพี่น้องมีผลลัพธ์ใกล้เคียงกัน พวกนางมักจะพลาดเป้าหมายแม้จะอยู่ห่างออกไปสิบก้าวเท่านั้น


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์