บทที่ 37 มาหาถึงที่
ชายร่างกำยำที่อยู่ด้านหลังชายสูงศักดิ์แยกตัวออกมาสองคนแล้วยืนคุ้มกันด้านหน้าทันที
ส่วนคนที่เหลือก็ตั้งธนูขึ้นมาพร้อมเล็งไปที่จินเฟิง
หัวหน้าหมู่บ้านรีบวิ่งไปตรงกลางและอธิบายอย่างกังวลใจ
“จินเฟิง เสียวหู่จือเห็นคนขี่ม้ามาที่หมู่บ้านเลยร้องตะโกน เพราะเข้าใจผิดว่าพวกเขาเป็นกลุ่มโจร ย่าโจวก็คิดว่ามีโจรเข้ามา นางเลยตีฆ้อง”
หัวหน้าหมู่บ้านชี้ไปทางเด็กชายวัยห้าหกขวบที่เพิ่งถูกพ่อถอดกางเกงและเฆี่ยนตี
หญิงชราผมขาวที่ถือฆ้องอยู่ในมือ ก็ยืนหลบอยู่ข้าง ๆ ด้วยความเขินอาย
อย่างไรก็ตาม ยังถือว่าเป็นเรื่องดี ถึงแม้ว่าจะทำให้ตกใจเก้อก็ตาม
จินเฟิงเก็บหน้าไม้โดยห้อยไว้ที่เอว พร้อมคำนับและเอ่ยทักทายอย่างบัณฑิตกับชายหนุ่มในชุดสีฟ้าคราม “ยินดีที่ได้พบนายน้อย!”
เมื่อเขาเห็นเจ้าหน้าที่มากมายที่ติดตามชายหนุ่มผู้นี้มา จินเฟิงก็คาดเดาตัวตนของคนตรงหน้าได้ทันที
สุดท้ายก็หนีอีกฝ่ายไม่พ้น…
แต่จากมุมมองตอนนี้ ท่านโหวผู้นี้ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่คนไม่ดีหรือร้ายกาจอะไร ในทางตรงกันข้ามเขาดูเป็นบุรุษที่มีความสุภาพ
ท่านโหวหนุ่มโบกมือ จากนั้นชายร่างกำยำที่มาขวางหน้าไว้เมื่อครู่ก็แยกย้ายกันไปทันที
อีกฝ่ายชี้ไปที่หน้าไม้ในมือของจินเฟิง และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าได้ยินมาว่า ยามพวกโจรบุกปล้นหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างก็หวาดกลัวจนพากันคุกเข่าลง นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นคนกล้าหาญที่คิดยืนหยัดต่อสู้”
จินเฟิงหันศีรษะมองไปรอบ ๆ แน่นอนว่าในเวลานี้ชาวบ้านต่างก็มามือเปล่า มีเพียงเขาและจางหม่านชางเท่านั้นที่มีอาวุธ
บัณฑิตหนุ่มไม่ได้ดูถูกพวกชาวบ้าน เขาเห็นด้วยตาตัวเองว่าบุรุษที่มาทำงานให้ต่างวิ่งกลับจากเตาเผาอิฐพร้อมอาวุธและไปซ่อนตัวอยู่ข้างพุ่มไม้
นี่คงเป็นวิธีการเอาตัวรอดของคนที่นี่ บางทีอาจสืบทอดมาแต่โบราณหลังจากต้องสูญเสียเลือดไปสุดคณานับ
หากกลุ่มโจรขอแค่เงินและเสบียงอาหารอย่างพอประมาณ พวกชาวบ้านคงพอที่จะอดทนได้ แต่แน่นอนว่าพวกมันไม่ได้ใจดีเพียงนั้น
ระยะหลังมานี้มีโจรชุกชุมมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งคนหนุ่มสาวที่แข็งแกร่งในหมู่บ้านส่วนใหญ่ก็ตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพกันหมด คนที่เหลืออยู่จึงไม่สามารถเอาชนะกองโจรได้
ไม่ว่าเงินและเสบียงจะสำคัญแค่ไหนก็ไม่สำคัญเท่ากับชีวิตของทั้งครอบครัว
แต่เมื่อโจรสังหารผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ พวกเขาก็จำเป็นต้องสู้จนยิบตา
แน่นอนว่า กลุ่มโจรก็รู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นเมื่อมาเก็บส่วยประจำปีจึงไม่กล้าบีบบังคับมากเกินไปนัก
ทั้งสองฝ่ายพยายามรักษาสมดุลเพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่ง
เป็นเรื่องยากมากที่จะเห็นคนอย่างจินเฟิง ไม่มีชาวบ้านคนไหนจะวิ่งออกมาหาโจรพร้อมหน้าไม้อย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้
“นายน้อยอาจไม่รู้ว่าพวกโจรจะมาเก็บส่วยประจำปีหลังการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง เพราะฉะนั้นหากมีผู้มาเยือนในฤดูใบไม้ผลิ จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าจะมีการผลัดเปลี่ยนอำนาจในกลุ่มโจร กล่าวง่าย ๆ คือ มีโจรกลุ่มใหม่ถือกำเนิดขึ้น! มีแนวโน้มที่พวกเขาจะฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจเพื่อแสดงอำนาจและสร้างบารมี ข้าน้อยเป็นบุรุษผู้ปราบเสือร้าย จึงต้องแสร้งทำเป็นแข็งแกร่ง เผื่อบางทีพวกโจรอาจจะกลัวขึ้นมา และล้มเลิกแผนการในที่สุด”
ด้วยไหวพริบที่มี สมองของจินเฟิงทำการพลิกแพลงอย่างรวดเร็ว หลังจากตระหนักได้ว่าเมื่อครู่เกิดการเข้าใจผิดเขาก็รีบแก้ต่างทันที
“เจ้าไม่กลัวว่าพวกโจรจะโกรธแค้นและฆ่าเจ้าทิ้งหรือ?”
“หากเป็นเช่นนั้น ข้าขอยอมตายในสนามรบดีกว่าปล่อยให้ใครมาเอาเปรียบได้ง่าย ๆ!”
จินเฟิงยืดอกของเขาขึ้นและพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “บัณฑิตอย่างข้า ยอมตายเพราะการยืนหยัดต่อสู้ดีกว่าต้องคุกเข่าอย่างยอมแพ้ ถึงแม้การกระทำในครั้งนี้จะเกิดความสูญเสียตามมา ข้าก็จะไม่ยอมแพ้และขอสู้จนตัวตาย!”
ชีวิตก็เป็นเช่นนี้ ไม่อาจคาดเดาสิ่งใดได้
ไม่ว่าก่อนที่จะพุ่งตัวออกไปใจของจินเฟิงจะสับสนมากแค่ไหน อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้แสดงความอาจหาญออกมาอย่างมุ่งมั่นแล้ว
หลังจากเห็นท่าทีขององครักษ์และร่องรอยการถูกฟันบนชุดเกราะของพวกเขา จินเฟิงก็ยืนยันได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่แค่บุรุษจากครอบครัวที่มีฐานะทั่วไป บางทีเขาอาจมาจากกองทัพ
คนแบบนี้น่าเลื่อมใสศรัทธา? พวกเขาไม่ใช่นักรบที่ไม่สนใจความตายหรอกหรือ?
แน่นอนว่าเมื่อบัณฑิตหนุ่มกล่าวสิ่งนี้ออกไป คนหนุ่มสาวและองครักษ์ที่อยู่ข้างหลังก็พากันส่งเสียงร้องยินดีอย่างพร้อมเพรียง
“เจ้าพูดได้ดี นี่แหละคือสิ่งที่นักรบพึงมี!”
ท่านโหวหนุ่มพลิกตัวและลงจากหลังม้าทันที “จางปู่โถวบอกว่าเจ้าเก่งกาจทั้งบู๊และบุ๋น ตอนนี้ข้าเห็นแล้วว่าที่เขากล่าวมาเป็นเรื่องจริงทั้งหมด เจ้าสามารถปราบเสือได้ด้วยตัวคนเดียว คู่ควรแล้วกับการสรรเสริญว่าเป็นวีรบุรุษปราบเสือผู้เก่งกาจ!”
ขณะที่จินเฟิงกำลังจะพูด ก็เห็นกวานเสี่ยวโหรวกับคนอื่น ๆ วิ่งออกมาจากถนนเล็ก ๆ ในหมู่บ้าน พวกนางกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
พวกนางแต่ละคนต่างก็ถือหน้าไม้แบบเดียวกับจินเฟิง
แม้แต่เสี่ยวเอ๋อตัวน้อยก็เช่นเดียวกัน
“พี่เขย พวกข้ามาช่วยท่านต่อสู้กับพวกโจรแล้ว!”
เสี่ยวเอ๋อตะโกนออกมาเสียงดังขณะที่ตัวนางยังอยู่ห่างออกไป



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์