บทที่ 39 สหายเก่า
จะทำอย่างไรดี?
ความคิดนับไม่ถ้วนแวบขึ้นมาในหัวของจินเฟิงทันที
ชีวิตที่แล้วเขาได้ยินมาว่านักธุรกิจที่มีเงินมักถูกรีดไถ แต่นั่นเป็นเพียงข่าวลือที่เคยฟังมาเฉย ๆ เพราะตัวเขาเองก็ไม่เคยเป็นเจ้าคนนายคนจึงไม่เคยเจอเรื่องแบบนั้นมาก่อน
ทว่าเพียงไม่กี่วันหลังจากมาถึงต้าคัง บัณฑิตหนุ่มก็ตกเป็นเป้าหมายของท่านโหวเสียแล้ว!
ชีวิตที่แล้วของเขาอยู่ในสังคมที่มีอารยะ แม้ว่าจะถูกขู่เข็ญหรือรีดไถจากคนมีเงิน อย่างมากผลที่ตามมาคงมีแค่ความลำบากใจเท่านั้น แต่ในต้าคังนั้นแตกต่างออกไป
การฆ่าชาวบ้านตาดำ ๆ คนหนึ่งง่ายไม่ต่างจากการฆ่าไก่
หากให้คำตอบได้ไม่ดีก็มีสิทธิ์จะสูญเสียชีวิตนี้ไปโดยง่าย
ความคิดเหล่านี้แวบขึ้นมาในใจของจินเฟิงหลังจากที่ชิ่งไหวถาม ผ่านไปครู่หนึ่งบัณฑิตหนุ่มก็ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ไนปั่นด้ายเหล่านี้เป็นเพียงอุปกรณ์ที่ข้าน้อยสร้างขึ้นสำหรับภรรยา หากท่านโหวไม่รังเกียจ ตอนที่เดินทางกลับ ท่านสามารถเอามันกลับไปด้วยได้”
แม้ว่าจะกล่าวไปแล้วว่า ไนปั่นด้ายนั้นถูกสร้างขึ้นโดยตัวเขาเองและไม่มีค่าอะไรเลย แต่จินเฟิงเอ่ยออกไปพร้อมความรู้สึกอึดอัด บัณฑิตหนุ่มตัดสินใจทดสอบท่านโหวผู้นี้
หากฝ่ายตรงข้ามสัมผัสได้คงจะได้ยินอย่างชัดเจนและดูออกว่าจินเฟิงไม่ต้องการขายไนปั่นด้าย
แต่หากอีกฝ่ายยังเรียกร้อง ผู้น้อยเช่นเขาก็ทำได้เพียงยอมรับความพ่ายแพ้เท่านั้น
เขาไม่ควรวู่วามและปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำเหตุผล สิ่งเลวร้ายที่สุดที่ต้องทำคือหาผู้สนับสนุนที่ใหญ่โตในภายหลัง และพัฒนาไนปั่นด้ายนี้ให้ดียิ่งขึ้นจากนั้นค่อยบีบชายผู้นี้ให้ตายคามือ หากคิดจะแก้แค้น สิบปีก็ยังไม่สายเกินไป!
เมื่อได้ยินว่าจินเฟิงต้องการแจกไนปั่นด้าย เสี่ยวเอ๋อก็ลังเลใจ นางพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่ชิ่งไหวจะตอบ
“พี่ใหญ่ พี่เขยทำสิ่งนี้ให้พี่สาวของข้า ทำให้ปู่ย่าตายาย ป้า ๆ และบรรดาพี่สาวในหมู่บ้าน เราต่างก็พึ่งพาการปั่นด้ายเพื่อเลี้ยงชีพ หากเอาไนปั่นด้ายออกไปพวกเราจะทำมาหากินอย่างไร เสี่ยวเอ๋อก็หิวเป็นนะ”
จินเฟิงชื่นชมเด็กหญิงเงียบ ๆ ในใจ
ชิ่งไหวคงต้องไร้ยางอายจริง ๆ ถึงจะสามารถแย่งของไปจากเด็กตัวเล็ก ๆ ตรงหน้าได้
“ที่แท้ก็เป็นสมบัติ เป็นของรักของหวงสินะ เป็นข้าที่บุ่มบ่ามไปเอง”
ในฐานะท่านโหว ชิ่งไหวไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง เขาจึงเอ่ยถามออกมาอย่างสบาย ๆ เพื่ออุดรอยรั่วที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
เมื่อได้ยินความหมายของการปฏิเสธในคำพูดของจินเฟิง ท่านโหวหนุ่มก็หยุดคิดเรื่องอุดรอยรั่ว และใช้ประโยชน์จากคำพูดของเสี่ยวเอ๋อทำให้สถานการณ์ดีขึ้น “สาวน้อย ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าอดอยากหรอก และข้าก็จะไม่เอาไนปั่นด้ายออกไปด้วย”
“ข้าขอขอบคุณพี่ใหญ่”
เสี่ยวเอ๋ออารมณ์ดีขึ้นทันที
ชิ่งไหวลูบศีรษะของนาง พร้อมชี้ไปที่เสาที่มีควันอยู่ไกล ๆ แล้วถามขึ้น “เหตุใดตรงนั้นถึงมีควันเยอะเชียว ไฟไหม้หรือ?”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ นั่นเป็นเตาเผาอิฐที่พี่เขยของข้าสร้างขึ้น”
เสี่ยวเอ๋อกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“หมู่บ้านของพวกเจ้ามีเตาเผาอิฐอยู่ด้วยหรือ?”
ชิ่งไหวถามด้วยรอยยิ้ม
“พี่เขยบอกว่าสงสารเด็ก ๆ ในหมู่บ้านที่มีชีวิตยากลำบากและไม่อิ่มท้องจึงสร้างเตาเผาอิฐเพื่อให้ลุงในหมู่บ้านมาทำงานตอนที่ไม่ได้ทำนาได้”
“ท่านอาจารย์เป็นผู้มีคุณธรรมนัก”
เมื่อชิ่งไหวได้ยินสิ่งนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมจินเฟิงในใจอีกครั้ง
บัณฑิตหนุ่มโบกมือแล้วพูดอย่างสุภาพว่า “ยามไร้ซึ่งความสามารถให้พัฒนาตัวเอง เมื่อมีความสามารถให้ช่วยพัฒนาผู้อื่น หากข้าไม่พัฒนาตน ข้าคงไม่สามารถช่วยเหลือชาวบ้านให้มีหนทางเลี้ยงปากท้องได้”
ขณะที่ชิ่งไหวกำลังจะเอ่ย ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมจอบที่หักครึ่งท่อน เขาพูดด้วยสีหน้าเป็นทุกข์
“จินเฟิง จอบของข้าหักขณะทำงานที่เตาเผา หากเจ้ามีเวลาช่วยซ่อมแซมสิ่งนี้หน่อยได้หรือไม่”
เครื่องเหล็กเป็นของมีค่าในเมืองต้าคัง แม้แต่มีดทำครัวก็ถือเป็นสมบัติที่สามารถส่งต่อไปยังสมาชิกในครอบครัวคนอื่นให้สืบทอดได้
เช่นเดียวกับจอบเล่มนี้ที่ถูกส่งต่อมาจากปู่ มาสู่พ่อของเขา จากนั้นก็ถูกส่งต่อให้เขาในที่สุด
“เตาหลอมเหล็กได้ถูกรื้อออกทั้งหมดแล้ว และยังไม่ได้ซ่อมแซม คงต้องใช้เวลาสองสามวัน”
จินเฟิงเหลือบมองส่วนที่หักของจอบ “เจ้านำสิ่งนี้ไปมอบให้หม่านชางก่อน เมื่อเตาใหม่พร้อม ข้าจะซ่อมมันให้และจะทำพลั่วให้เพิ่มด้วย เพราะมันใช้งานง่ายกว่าจอบมาก”
“พลั่วมีประโยชน์ในการขุดดินแต่หักง่ายเกินไป เสียดายเหล็กที่จะนำมาทำเปล่า ๆ”
ในความเป็นจริง พลั่วมีมานานแล้ว แต่เพราะเทคโนโลยีการหลอมที่ล้าสมัยพลั่วจึงหักได้ง่าย จึงมีเกษตรกรไม่มากนักที่เลือกพลั่วมาเป็นเครื่องมือประจำกาย
ส่วนใหญ่พวกเขาจะชอบจอบหนา ๆ ซึ่งสามารถใช้ขุด เกลี่ย และกำจัดวัชพืชได้



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์