เข้าสู่ระบบผ่าน

ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์ นิยาย บท 44

บทที่ 44 ฤทธิ์เดชของลวดหนาม

ลวดเหล็กที่จินเฟิงทำนั้น เดิมทีตั้งใจไว้ว่าเขาจะนำมันมาใช้เป็นวัสดุสร้างบ้าน แต่ขณะที่เขาขดลวดเมื่อคืนฝ่ามือก็ถูกลวดบาดเข้าจึงเกิดความคิดที่จะใช้ลวดนี้จัดการกับทหารม้าขึ้นมา

ส่วนสิ่งที่คิดจะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น ชายหนุ่มยังไม่สามารถยืนยันได้

เนื่องจากลวดเหล็กนี้ทำจากเหล็กดัดที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำ และมีข้อจำกัดในการสร้างที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นเจ้าลวดเหล็กนี้จึงปรากฏตัวช้ามากในหน้าประวัติศาสตร์

จินเฟิงไม่เคยเห็นการใช้เหล็กดัดกับทหารม้ามาก่อน

ความไม่พอใจของชิ่งไหวที่มีต่อเหล่าทหารม้านั้นค่อนข้างฝังลึก แม้เขาจะไม่ปักใจเชื่อว่าลวดบาง ๆ นี้จะสามารถจัดการกับทหารม้าได้ แต่ก็ได้ตัดสินใจลองดูหลังจากได้ยินคำแนะนำของบัณฑิตหนุ่ม

ตอนนี้มีลวดเหล็กแล้ว เหลือแค่ต้องขันเหล็กแหลมลงไป

จินเฟิงเรียกหม่านชางกลับมาพร้อมกับองครักษ์ของชิ่งไหวอีกสองนาย พวกเขาเริ่มทำงานกันอย่างหนักเมื่อเวลาผ่านไปสองก้านธูป เหล็กดัดที่มีความยาวราวสามจั้งก็สร้างเสร็จสมบูรณ์

ที่ภูเขาด้านหลังมีพื้นที่ราบอยู่แห่งหนึ่ง บัณฑิตหนุ่มจึงนำลวดหนามนี้ลากไปกลางทางเดินเล็ก ๆ บริเวณนั้น เขาหาวออกมาพร้อมพยักหน้าให้กับชิ่งไหว “เริ่มกันเลย”

เมื่อคืนจินเฟิงอดหลับอดนอนทั้งคืน ตอนนี้เขาแทบจะทนไม่ไหวแล้ว

“แค่นี้น่ะหรือ?”

เดิมทีท่านโหวหนุ่มก็ไม่ได้คาดหวังกับลวดหนามนี้มากนัก แต่เมื่อเขาเห็นอารมณ์ออกจะเบื่อหน่ายของจินเฟิงก็อดไม่ได้ที่ความน่าเชื่อถือที่มีจะลดน้อยลงไปอีก

“ลองก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”

จินเฟิงถอยหลังไปสองสามก้าว จากนั้นก็มองหาก้อนหินในบริเวณนั้นและหย่อนกายนั่งลง

“เหอเหว่ย เจ้าไปลองดูสิ”

“รับทราบขอรับ!”

จากนั้นองครักษ์ก็ขี่ม้าปลีกออกมาจากขบวนด้วยสีหน้าไม่เต็มใจนัก

ทว่านี่คือคำสั่งของชิ่งไหว แม้ว่าทหารอย่างเขาจะไม่พอใจก็ทำได้เพียงขี่ม้าออกมาเพื่อทำตามคำสั่งเท่านั้น

เขาไม่กล้าแสดงอารมณ์ไม่พอใจต่อท่านโหว จึงหันไปหาจินเฟิงอย่างหงุดหงิด “ท่านอาจารย์ ข้าต้องทำอย่างไรหรือ?”

“เพียงแค่ขี่ม้าผ่านลวดหนามก็พอแล้ว”

จินเฟิงไม่สนใจการแสดงออกที่ดูไม่สบอารมณ์ขององครักษ์ผู้นี้นัก จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ลวดหนามนั้นพร้อมรอยยิ้ม

“ไป!”

องครักษ์ใช้ขาทั้งสองหนีบเข้าที่ท้องม้า จากนั้นม้าศึกก็เริ่มวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปทันที

เมื่อม้าศึกก้าวขาเข้าไปในรั้วลวดหนาม กีบเท้าของมันก็ถูกลวดหนามเหล่านั้นดีดตัวพันรอบขาทันที

ลวดหนามนั้นปักเข้าไปลึกระดับหนึ่ง

ม้าศึกทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวด มันพยายามที่จะสะบัดลวดหนามออกจากเท้า แต่เมื่อมันสะบัดและดิ้นมากเท่าไร ลวดก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นเท่านั้น จากนั้นม้าศึกก็ล้มลงกับพื้นอย่างช่วยไม่ได้

โชคดีที่องครักษ์เตรียมพร้อมไว้แล้ว พอม้าล้มลงเขาก็กลิ้งตัวไปด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกทับทันที

พอมองย้อนกลับไป เขาก็เห็นว่ากีบเท้าของม้าทั้งสองข้างตะเกียกตะกายไม่หยุด เหมือนมันจะพยายามเอาลวดหนามที่รัดอยู่ออกให้ได้

แต่ยิ่งมันดิ้นลวดหนามก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นและฝังลึกเข้าไปในเนื้อทำให้อาชาตัวเขื่องต้องกลิ้งไปมาบนพื้นด้วยความเจ็บปวด

นี่ยังถือว่าดี เพราะถือว่าโดนลวดหนามพันเพียแค่เส้นเดียวเท่านั้น

ตอนนี้เลือดจำนวนหนึ่งไหลออกมาเต็มขาและหน้าท้องของม้า ไม่ช้าพื้นดินตรงนั้นก็ถูกย้อมเป็นสีแดง

องครักษ์สองสามนายรีบเข้ามาช่วยโดยการค่อย ๆ พยายามรื้อลวดหนามออก

เวลานี้ขาหน้าทั้งสองข้าง หน้าท้อง และหลังของม้าเต็มไปด้วยร่องรอยของการบาดเจ็บ แม้ว่ามันจะไม่ตาย แต่ตอนนี้ก็คงไม่สามารถใช้ขี่ได้สักระยะ

ชิ่งไหวถูมือเข้าด้วยกันอย่างตื่นเต้น “ท่านอาจารย์ ใช้ได้จริง ๆ!”

“ท่านโหว สิ่งที่ท่านอาจารย์ทำขึ้นมาเป็นที่น่าพึงพอใจยิ่งนัก แต่หากนำไปใช้จริงในสงคราม หากใครสักคนสังเกตเห็นลวดหนามนี้ก็คงไม่วิ่งเข้ามาหา และรื้อมันออกได้ง่าย ๆ เลยไม่ใช่หรือ?”

องครักษ์รู้สึกเสียใจแทนม้าของตนเอง เขามีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป

“เช่นนั้นข้าก็จะวางกับดักเพิ่มขึ้นจนไม่สามารถรื้อออกได้” บัณฑิตหนุ่มตอบ

“เช่นนั้นข้าก็จะให้ม้ากระโดดข้ามไป!” องครักษ์ไม่ยอมแพ้

“ข้าก็จะวางขึ้นไปยี่สิบชั้นจนไม่สามารถกระโดดข้ามไปได้!” จินเฟิงโต้

ชายผู้นี้ผู้ประสบกับความพ่ายแพ้มาก่อน ฮ่องเต้เองก็คงมีความคิดเห็นมากมายต่อเขา หากทูลขอบรรดาศักดิ์ต่อพระองค์ไปในเวลานี้แล้วทรงเห็นด้วยก็คงแปลก

“เช่นนั้นท่านอาจารย์จะทำอย่างไร?” ชิ่งไหวถามกลับ

“ข้าว่าเราควรสร้างหน้าไม้และลวดหนามนี้ออกมาสักชุดก่อน จากนั้นก็ส่งไปยังสนามรบเพื่อทำการทดลองสังหารกลุ่มทหารม้า หากสามารถพิสูจน์ได้ว่าสิ่งนี้ใช้สกัดกองทหารม้าได้จริงค่อยรายงานต่อฝ่าบาท”

บัณฑิตหนุ่มกล่าวต่อ “เช่นนี้มันก็จะทำให้คำพูดของท่านโหวมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น”

“ทว่าอำนาจทางทหารของข้าถูกยึดไปแล้ว ในเวลานี้ข้าไม่สามารถไปที่สนามรบได้”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ชิ่งไหวก็รู้สึกสลดลงเล็กน้อย

“เช่นนั้นก็หาทางเอาอำนาจกลับมา”

จินเฟิงกล่าว “ข้าได้ยินพี่เหลียงเล่าว่า ความพ่ายแพ้ของท่านในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากข้อผิดพลาดในการสู้รบ ท่านต้องหาวิธีเคลื่อนไหว น่าจะยังพอมีความหวังในการฟื้นอำนาจทางการทหารอยู่?”

“มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพียงแค่…”

ท่านโหวหนุ่มลังเล

เขาไม่ใช่บุตรชายที่ชอบด้วยกฎหมายของชิ่งกั๋วกง แต่เป็นบุตรที่เกิดจากอนุภรรยาที่ไม่ได้รับการยอมรับ

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพราะเขาได้เข้ารับราชการในกองทัพอย่างมีเกียรติเป็นหน้าเป็นตาให้กับชิ่งกั๋วกงได้จึงทำให้สถานะที่บ้านของเขาและมารดาดีขึ้น

แต่ถึงอย่างไรชิ่งไหวก็ยังไม่ชอบความหรูหราฟุ่มเฟือยแต่ไร้ซึ่งความอบอุ่นของจวนชิ่งกั๋วกงอยู่ดี หลังจากถูกเพิกถอนอำนาจทางการทหารแล้ว เขาก็อยากที่จะอาศัยอยู่ที่อำเภอจินชวนต่อ อยากที่จะปักหลักอยู่ในซีเหอวานมากกว่าที่จะต้องกลับไปเปี้ยนจิง

“ท่านโหว ท่านต้องคิดหาวิธีและรีบดำเนินการโดยเร็ว ตอนที่พวกเราเดินออกมา เหอหมิงชินก็ได้เข้าดูแลกองทัพเถี่ยหลินแทนแล้ว ชายผู้นั้นถนัดแต่เข้าโรงพนัน เขาไม่รู้วิธีการนำทัพต่อสู้ด้วยซ้ำ!”

จงอู่คุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมกับเอ่ยขอร้อง “หากท่านกลับไปที่แนวหน้าเร็วขึ้นหนึ่งวัน โอกาสที่สหายของเราจะสูญเสียก็น้อยลง!”

คำพูดของจงอู่กระทบความรู้สึกอันอ่อนไหวของชิ่งไหว

ตอนที่เขาถูกเพิกถอนอำนาจ ก็ถูกนายพลผู้นี้เข้ายึดกองทัพเถี่ยหลินแทน

ได้ยินมาว่าวันที่สองหลังจากยึดอำนาจ อีกฝ่ายได้นำกองทัพเถี่ยหลินไปยังแนวหน้าอย่างบุ่มบ่าม

“ตกลง! ข้าจะส่งหนังสือถึงท่านพ่อให้เขาเป็นผู้เคลื่อนไหว รบกวนท่านอาจารย์ช่วยสร้างลวดหนามและหน้าไม้ให้เร็วที่สุดด้วย!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์