เข้าสู่ระบบผ่าน

ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์ นิยาย บท 52

บทที่ 52 จะนอนอย่างไร

“ท่านอาจารย์ ปกปิดใบหน้าไว้เสีย”

จินเฟิงพยักหน้าและรับผ้าไว้ในมือ

“ขอบคุณ”

เมื่อพวกเขาลงไปถึงบริเวณตีนเขา ชิ่งไหวก็ยื่นผ้าพันคอให้จินเฟิงหนึ่งผืน ก่อนจะพูดกับสหายผิวคล้ำร่างใหญ่ของจางเหลียง “ฟางเหลย เจ้าไม่ต้องลงไปแล้ว”

ฟางเหลยรู้ว่าท่านโหวหนุ่มทำเช่นนี้เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มโจรจดจำรูปร่างหน้าตาเขาได้

เขาพยักหน้าและซ่อนอยู่หลังหินก้อนใหญ่

ฟางเหลยคุ้นเคยกับพวกโจรเขาเมาเมามาก และถึงแม้เขาจะปกปิดใบหน้า พวกโจรก็อาจจะจำได้อยู่ดี

ส่วนชิ่งไหวและจงอู่ พวกเขาไม่กลัวแม้แต่น้อยว่าพวกโจรจะจำตนเองได้

จงอู่คิดแต่จะเล่นงานโจรเหล่านี้ อยากจัดการพวกมันใจจะขาด

เขาเดินไปยืนข้าง ๆ กลุ่มโจรที่ถูกมัดและเอ่ย “บนเขายังเหลือโจรอีกกี่คน?”

“เหลืออยู่สามคนที่เฝ้าบ้านอยู่บนเขา ที่เหลือล้วนลงมากันหมด”

โจรที่ถูกจับรีบตอบออกมาอย่างรวดเร็ว

หลังจากถามโจรคนอื่น ๆ ก็พบว่าทุกคนกล่าวเช่นเดียวกัน

จงอู่ส่งสัญญาณให้ทหารที่หลบอยู่ในป่า จากนั้นคนที่ซ่อนตัวอยู่ก็เดินขึ้นเขาไปพร้อมกับหน้าไม้ในมือ

“ท่านโหว เราควรจัดการกับคนเหล่านี้อย่างไรดี?”

จงอู่นำพวกโจรที่ถูกมัดด้วยเชือกไปผูกไว้กับต้นไม้ จากนั้นวิ่งไปขอคำแนะนำจากชิ่งไหว

“แจ้งไปยังนายอำเภอจาง ให้นำทหารท้องถิ่นมาพาตัวพวกเขาไป! อย่างไรก็ตาม ข้าจำได้ว่ามีรางวัลสำหรับการนำจับโจร อย่าลืมให้นายอำเภอจางเอารางวัลมามอบให้ข้าด้วยเล่า”

น้ำเสียงของท่านโหวหนุ่มเย็นเยียบ

มีโจรอาละวาดในต้าคัง แต่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นไม่สามารถจัดการได้อย่างเด็ดขาด

จวนว่าการจินชวนทำการปราบโจรทุกปี ทว่าทุกครั้งพวกโจรจะรู้ข่าวล่วงหน้า พวกเขาจึงพากันกระจายตัวไปซ่อนตัวอยู่ในภูเขา

แต่ถึงอย่างนั้น พวกทหารท้องถิ่นก็ยังคงออกปราบปรามกันทุกปี

เนื่องจากกองทัพมักต้องการเสบียง และแน่นอนว่าหลังเกิดเรื่อง พวกโจรก็จำต้องส่งส่วยมาเป็นจำนวนไม่น้อย

หากไปเดินเล่นบนเขาเฉย ๆ แล้วข้าราชการระดับสูงในจวนยังได้รับผลประโยชน์ อีกทั้งพวกทหารตัวเล็ก ๆ ก็มีเงินไปดื่มกิน ไปหอนางโลม เรื่องดี ๆ แบบนี้จะไม่ทำเชียวหรือ?

“รับทราบ!”

จงอู่รีบวิ่งเข้าไปในป่า จากนั้นไม่นานเหล่าองครักษ์ก็ขี่ม้าออกไป

ก่อนที่จะออกเดินทาง องครักษ์เหลือบมองพวกโจรราวกับกำลังมองดูซากศพ

ที่จริง โจรพวกนี้คงไม่อาจรักษาชีวิตไว้ได้อยู่แล้ว

การติดต่อระหว่างโจรกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเป็นความลับที่ห้ามเปิดเผยในต้าคัง

และการส่งตัวกลุ่มโจรเขาเมาเมาไปยังจวนว่าการ ก็เหมือนได้ตบหน้านายอำเภอไปหนึ่งฉาดใหญ่

ศักดินาของชิ่งไหวอยู่ในอำเภอจินชวน แม้เขาจะมีอำนาจในการจัดเก็บภาษี แต่ก็ไม่มีสิทธิ์จัดการเรื่องเหล่านี้ อย่างไรก็ดี ท่านโหวก็คือท่านโหว แม้ว่านายอำเภอจะไม่พอใจ แต่เขาก็คงไม่กล้าสร้างความเดือดร้อนให้ชิ่งไหว ชะตากรรมของโจรเหล่านี้สามารถจินตนาการได้ง่าย ๆ

พวกเขาจะถูกส่งตัวไปยังสนามรบที่อันตรายที่สุด และเป็นทหารที่ถูกบีบให้เข้าร่วมสงครามอย่างไม่มีทางเลือก

ใครรอดมาได้ก็ถือว่าโชคดีไป

ทันทีที่องครักษ์ที่กำลังจะเดินทางไปยังจวนว่าการ ก็เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ขึ้นที่เขาเมาเมา

ในเวลาต่อมา องครักษ์อีกกลุ่มก็ลงมาจากเขา พร้อมกับกล่องขนาดใหญ่ในมือ

“ท่านโหว เราเผารังโจรหมดแล้ว นี่คือของมีค่าทั้งหมด”

องครักษ์นายหนึ่งพูดพร้อมกับเปิดกล่องใบใหญ่ออก

ของในกล่องส่วนใหญ่จะเป็นเหรียญทองแดง แท่งเงินขนาดเล็กใหญ่ จี้หยก เครื่องลายคราม และอื่น ๆ

“จงอู่ เจ้ากลับไปจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย เงินจากการขายสองในสิบส่วนจะถูกส่งไปยังค่ายทหารเพื่อเป็นการสนับสนุน”

เห็นได้ชัดว่าชิ่งไหวดูถูกของมีค่าที่ถูกปล้นมาเหล่านี้ เขาโบกมืออย่างไม่ไยดี

“ขอบคุณท่านโหว”

ดวงตาของจงอู่เป็นประกายด้วยความดีใจ

ตอนนี้เป็นเรื่องดีที่กวานเสี่ยวโหรวและถังตงตงมาอยู่ที่นี่ จินเฟิงจึงไม่มีความจำเป็นต้องกลับไปอีก

กวานเสี่ยวโหรวเกิดในครอบครัวเล็ก ๆ นางจึงไม่ค่อยรู้เรื่องมารยาทหรือคำพูดที่สุภาพที่ชิ่งไหวเอ่ยออกมา อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความกังวล

โชคดีที่ถังตงตงเห็นความลำบากใจของนาง จึงรีบดึงกวานเสี่ยวโหรวมาข้าง ๆ และกล่าวกับชิ่งไหวอย่างมีมารยาท “ขอโทษด้วย ต้องรบกวนท่านโหวแล้ว”

“ตอนข้าอยู่ที่ซีเหอวาน ข้าก็รบกวนพวกเจ้าไม่น้อย”

ชิ่งไหวโบกมือด้วยท่วงท่าสบาย ๆ “เชิญทุกคนตามสบาย ข้าขอตัวไปผลัดผ้าก่อน”

“พี่ใหญ่เจิ้งฟางบอกว่าพวกเขาจะไปสนามรบ สามี เจ้าก็ไปกับพวกเขาหรือ?”

เมื่อชิ่งไหวจากไป กวานเสี่ยวโหรวก็ดึงแขนเสื้อจินเฟิงและเอ่ยถามด้วยท่าทางที่เป็นกังวล

“ท่านโหวดีกับพวกเรามาก เมื่อเขาเอ่ยปาก ข้าเลยรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้ไปที่นั่นโดยปริยาย”

บัณฑิตหนุ่มกล่าว

เดิมทีเขากังวลเรื่องโจรเขาเมาเมา แต่ตอนนี้ชิ่งไหวได้จัดการแก้ไขความกังวลของเขาให้หมดสิ้นแล้ว เห็นได้ชัดว่า อีกฝ่ายจริงใจมาก จินเฟิงจึงไม่สามารถหาเหตุผลที่จะปฏิเสธท่านโหวหนุ่มได้จริง ๆ

ยิ่งไปกว่านั้น เขาเองก็อยากลองไปสนามรบเพื่อดูให้เห็นกับตาว่าคนโบราณมีวิธีการต่อสู้กันอย่างไรด้วย

ประการแรก เขาทำไปเพื่อบรรดาศักดิ์ที่ต้องการ ประการที่สองคืออยากสร้างอาวุธให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

“คุณชาย ฮูหยิน ข้าได้เตรียมห้องไว้พร้อมแล้ว เชิญท่านทั้งสามตามข้ามาทางนี้เลยเจ้าค่ะ”

หลิวเสิ่นนำจินเฟิง กวานเสี่ยวโหรว และถังตงตงไปยังห้องปีกที่อยู่ด้านหน้าเรือน พร้อมกับชี้ไปที่ประตูฝั่งตะวันออก “นี่ก็ดึกมากแล้ว ข้าคงไม่รบกวนท่านทั้งสามอีก”

“ขอบคุณหลิวเสิ่น”

ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วพากวานเสี่ยวโหรวและถังตงตงไปยังห้องที่หลิวเสิ่นเตรียมไว้ให้

ทว่าเมื่อก้าวเข้าไปด้านในก็ต้องตกตะลึง

เขาคิดว่าห้องปีกหน้าที่ว่าจะมีฉากกั้น แต่หลังจากที่เข้าไป กลับพบว่าด้านในมีเพียงห้องเดียวเท่านั้น

แม้จะมีพื้นที่กว้างขวาง แต่ก็มีเตียงเพียงหนึ่งหลังเท่านั้น

จินเฟิงมองไปที่กวานเสี่ยวโหรวและถังตงตง

คนสามคนกับเตียงหนึ่งหลัง จะนอนได้อย่างไร?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์