เข้าสู่ระบบผ่าน

ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์ นิยาย บท 54

บทที่ 54 เคลื่อนทัพ

“ถังตงตงเป็นผู้ดูแลร้าน ดังนั้นการคำนวณบัญชีจึงเป็นเรื่องที่สมควร”

จินเฟิงกล่าวต่อ “เสี่ยวโหรว เจ้าต้องเข้าใจบางอย่างเสียก่อน เรื่องบางเรื่อง เจ้าก็ควรปล่อยให้ผู้ที่ชำนาญเป็นคนทำ เจ้ามีหน้าที่ดูแลคนก็พอแล้ว ไม่เช่นนั้น หากกิจการของเราใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ เจ้าจะรับมือกับมันอย่างไร?”

“เช่นนั้น ก็คงไม่ทันแล้ว”

กวานเสี่ยวโหรวกอดเอวของจินเฟิงเอาไว้แน่นพลางซุกใบหน้าของนางไว้ที่คอของเขา พูดอย่างติดตลกว่า “สามี ข้าจะไปเรียกตงตงมา คืนนี้พวกเจ้าก็ร่วมห้องกันเสีย แล้วพรุ่งนี้ข้าจะไปที่ว่าการอำเภอเพื่อจัดการทะเบียนสมรสให้ เจ้าว่าอย่างไร?

อย่างไรก็ตาม ไม่ช้าก็เร็วตงตงก็ต้องแต่งงานกับเจ้า แบบนี้ข้าจะได้ฝากเรื่องในบ้านให้นางช่วยดูแลด้วย”

ตามกฎหมายต้าคัง ในฐานะภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของจินเฟิง นางสามารถดำเนินเรื่องรับอนุภรรยาแทนเขาได้

“เจ้าล้มเลิกความคิดนี้เสียเถิด”

จินเฟิงพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ฟังข้านะ ตอนที่ข้าไม่อยู่ เจ้าให้ตงตงช่วยเจ้าคำนวณบัญชีไปก่อน ไว้ข้าจะกลับมาตรวจสอบอีกที”

“ก็ได้…”

เมื่อกวานเสี่ยวโหรวพบว่าสามีไม่ค่อยพอใจเท่าไร นางจึงเอี้ยวตัวกลับไปหยิบของบนเตียงนอน “สามี ข้าแก้เสื้อผ้าให้เจ้าแล้ว เจ้าลองสวมดูก่อนสิ”

ครั้งนี้ เมื่อแก้ขนาดเสื้อผ้าออกมาพอดีแล้ว จินเฟิงที่สวมใส่จึงดูภูมิฐานสมกับการเป็นบัณฑิตมากขึ้น

“เสี่ยวโหรว ฝีมือการตัดเย็บของเจ้าพัฒนาขึ้นมาก”

บัณฑิตหนุ่มยิ้มพร้อมเอ่ยชื่นชม

“ตงตงเป็นคนช่วยข้าปรับแก้”

กวานเสี่ยวโหรวพูดด้วยความเขินอาย “ครอบครัวของนางทำกิจการสิ่งทอ นางเรียนรู้เรื่องงานเย็บปักถักร้อยตั้งแต่เด็ก และชุดนี้นางก็เป็นคนทำให้เจ้า”

จินเฟิงเห็นว่าอีกฝ่ายพยายามเบี่ยงหัวข้อสนทนาไปหาถังตงตงอีกครั้ง จึงรีบขัดจังหวะและเอ่ย “ตอนที่ข้าไม่อยู่ ลงกลอนโรงตีเหล็กเอาไว้ให้ดี อย่าให้ผู้อื่นเข้าไปยุ่มย่าม ส่วนเรื่องโรงงานก็ให้ตงตงเป็นผู้ดูแล หากมีเรื่องอะไรก็บอกพี่เหลียงได้ตลอด”

“ข้าเข้าใจแล้ว”

เมื่อกวานเสี่ยวโหรวได้ยินจินเฟิงพูดเรื่องจริงจัง นางจึงหยุดพูดถึงผู้อื่นและโน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขาเงียบๆ “สามี ข้ารู้ว่าเจ้ามีเรื่องใหญ่ที่ต้องทำ และข้าก็ไม่สามารถรั้งเจ้าไว้ได้ แต่ขอให้จำเอาไว้ว่าข้ายังรอเจ้าอยู่ที่บ้าน”

“เจ้าวางใจเถิด ข้ากับหม่านชางร่วมออกทัพด้วยครั้งนี้ เพียงเพื่อตามท่านโหวไปดูงานสนามรบเท่านั้น พวกข้าติดตามท่านโหวไปในฐานะผู้ดูแลไม่ใช่นายทหาร หากมีอันตรายอะไรเกิดขึ้น ข้าจะเป็นคนแรกที่วิ่งหนี”

จินเฟิงพูดปลอบใจภรรยา

“สามีคงพูดปลอบใจข้าสินะ เกรงว่าเมื่อมีอันตรายเจ้าจะรีบวิ่งออกไปเผชิญคนแรกมากกว่า?”

กวานเสี่ยวโหรวพูด “ครั้งก่อนที่พบเสือก็เป็นเช่นนี้ วันนี้ตอนที่ออกไปปราบโจรก็เช่นกัน…”

“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าวันนี้ข้าไปปราบโจร?”

จินเฟิงขมวดคิ้ว “เจิ้งฟางบอกเจ้าหรือ?”

เจิ้งฟางนี่ปากไม่มีหูรูดเสียจริง

“ไม่ใช่พี่ใหญ่เจิ้ง แต่เป็นการคาดเดาของตงตง”

กวานเสี่ยวโหรวกล่าว “เพราะครั้งก่อนที่ท่านโหวเข้ามาในหมู่บ้าน เจ้านึกว่าพวกเขาเป็นโจรและสั่งให้พวกข้าหนีไป ตอนนั้นเจ้าเองก็มุ่งมั่นที่จะออกไปต่อสู้ ภายหลังถังตงตงเล่าให้ข้าฟังว่าชายหัวโล้นที่ไปบุกบ้านเรากับเซี่ยกวางเป็นโจร”

ตงตงบอกว่า ด้วยนิสัยของเจ้า หากปัญหาทุกอย่างไม่ได้รับการแก้ไข คงออกเดินทางไปด้วยความกังวล ดังนั้น วันนี้ที่เจ้า ท่านโหว และพวกพี่ใหญ่จงเดินทางออกไป ตงตงก็บอกกับข้าว่าเจ้าออกไปปราบโจร

“ตงตงเก่งเกินไปแล้ว”

จินเฟิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชื่นชม

ด้วยเบาะแสเพียงเล็กน้อย นางก็สามารถอนุมานได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

ยอมรับเลยว่า ความสามารถในการคิดหาเหตุผลและความน่าจะเป็นของถังตงตงนั้นเยี่ยมยอด

“ใช่แล้ว ตงตงน่าทึ่งมาก”

กวานเสี่ยวโหรวเองก็เอ่ยชื่นชมตามมา

“แต่เจ้าห้ามพูดเรื่องการแต่งงานกับนางอีก!”

จินเฟิงรีบดักคอภรรยาเอาไว้อย่างรวดเร็ว

“ไม่พูดก็ไม่พูด” เมื่อกวานเสี่ยวโหรวถูกดักทาง นางก็เอ่ยถามต่อ “สามี ชายหัวโล้นนั่นเป็นโจรกลุ่มไหน แล้วเจ้ากับท่านโหวฆ่าพวกเขาหมดแล้วหรือ?”

“เจ้าไม่ต้องกังวล พวกมันถูกจับไปหมดแล้ว”

จินเฟิงตอบ

บนเขาเมาเมามีโจรไม่มากนัก มีกันอยู่ไม่กี่สิบชีวิต อีกทั้งสหายผิวเข้มของจางเหลียงก็รู้จักพวกมันแต่ละคนเป็นอย่างดี

ตอนที่จงอู่ไปดักฆ่าพวกโจร เป็นเขาผู้นี้ที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับตาเพื่อยืนยันตัวตนพวกมัน

ตอนนี้โจรเขาเมาเมาจึงถูกจัดการจนเรียบไม่เหลือแม้แต่คนเดียว

“สามี เจ้าเก่งที่สุดเลย”

กวานเสี่ยวโหรวมองไปที่จินเฟิงด้วยความชื่นชม

“ข้าจะช่วยดูแลให้”

ถังตงตงพยักหน้าอย่างหนักแน่น

จางเหลียงเดินเข้ามาพร้อมกับจางหม่านชางและฟางเหลย หลังจากอธิบายข้อควรระวังต่าง ๆ แล้ว เขาก็ดึงตัวจินเฟิงออกไป “ข้าฝากหม่านชางด้วย เมื่อไปถึงชายแดน หากเขาไม่เชื่อฟัง เจ้าก็จัดการได้เลย”

“ข้ารู้”

“ยังมีอีกเรื่อง จางเหลียงชี้ไปที่ชายผิวเข้มอีกครั้ง” ชีวิตของเหล่าเฮยลำบากมามาก ข้าอยากให้เขาไปช่วยงานเจ้าที่เตาเผา เจ้าคิดเห็นอย่างไร?

“ไม่มีปัญหา เรื่องนี้พี่เหลียงตัดสินใจได้เลย”

จินเฟิงกล่าวว่า “ข้าพูดกับเสี่ยวโหรวและตงตงแล้ว ตอนที่ข้าไม่อยู่พี่เหลียงไม่ต้องออกไปส่งของนะ รบกวนพี่คอยช่วยอยู่ดูที่บ้านที”

“เฟิงจื่อ เจ้าวางใจเถิด ตราบใดที่ข้ายังไม่ตาย ทุกอย่างจะเรียบร้อย”

จางเหลียงตบหน้าอกของเขา

“ตกลง!”

จินเฟิงพยักหน้ากำลังจะเอ่ยอะไรอีกหน่อย แต่ชิ่งไหวกลับเดินเข้ามาก่อน

จงอู่เตรียมรถม้าไว้เรียบร้อย “ท่านอาจารย์ ถึงเวลาออกเดินทางแล้ว”

จินเฟิงตบไหล่จางเหลียง ก่อนขึ้นรถม้า เขาก็ไม่ลืมที่จะกอดเสี่ยวโหรว

ตึ้ง!

เสียงกลองดังขึ้นอีกครั้ง

“ดูแลตัวเองดี ๆ นะ เอาชัยชนะกลับมาให้ได้!”

คนรับใช้ในจวนต่างก็ตะโกนอวยพร

แต่ไม่มีใครเสียน้ำตา

แม้แต่กวานเสี่ยวโหรวที่เจ้าน้ำตายังกัดริมผีปากของนางเอาไว้แน่น ไม่ปล่อยให้น้ำตาหลั่งออกมาแม้แต่หยดเดียว

เพราะสตรีในต้าคังทุกคนรู้ดีว่า หากต้องส่งสามีของตนไปออกรบ การเสียน้ำตาถือว่าไม่เป็นสิริมงคล

“มีชัย! มีชัย! มีชัย!”

องครักษ์ของชิ่งไหวส่งเสียงอวยพรพร้อมกัน พร้อมกับเคลื่อนม้าไปข้างหน้าผ่านหมอกยามเช้า

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์