บทที่ 58 สถานการณ์คับขัน
“ท่านอาจารย์ นั่งลงก่อน”
ชิ่งไหวยืนขมวดคิ้วอยู่หน้าแผนที่
เมื่อเห็นจินเฟิงเดินเข้ามา เขาก็ฝืนยิ้มและกล่าวทักทาย
“คำสั่งโยกย้ายมีปัญหาหรือ?” จินเฟิงเอ่ยถาม
“ไม่ใช่ คำสั่งโยกย้ายจากเปี้ยนจิงยังไม่ถูกส่งมา” ชิ่งไหวขมวดคิ้ว “ข้ากังวลเรื่องกองทัพเถี่ยหลิน”
“เกิดอะไรขึ้นกับกองทัพเถี่ยหลิน?”
“เหอหมิงชินนำกองทัพเถี่ยหลินไปประจำการที่ชิงสุยกู่ หากชาวตั่งเซี่ยนบุกโจมตี กองทัพเถี่ยหลินจะเป็นด่านแรกที่โดน!”
ชิ่งไหวจิ้มลงบนแผนที่อย่างฉุนเฉียว “เดิมทีข้าคิดว่ายังพอมีเวลา แต่วันนี้แม่ทัพฟ่านบอกข้าว่า ชาวตั่งเซี่ยงกำลังรวบรวมกำลังพลและพร้อมโจมตีได้ทุกเมื่อ ข้าไม่มีเวลาเปลี่ยนยุทธวิธีด้วยซ้ำ”
บัณฑิตหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อได้ฟัง
“พอจะเป็นไปได้หรือไม่ หากจะให้กองทัพเถี่ยหลินถอยทัพออกมาก่อน?”
เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับกองทัพเถี่ยหลิน จินเฟิงมาที่เว่ยโจวก็เพื่อดูว่าพอจะมีหนทางและโอกาสให้ได้รับตำแหน่งทางราชการหรือไม่ก็เท่านั้น ชายหนุ่มไม่ได้อยากเอาชีวิตไปทิ้งกับชาวตั่งเซี่ยง
“เป็นไปไม่ได้ นี่เป็นการเผชิญหน้ากับชาวตั่งเซี่ยงครั้งแรกในศึกนี้ แม้กองทัพเถี่ยหลินจะต้องพ่ายแพ้ ก็ไม่ควรหลบหนีก่อนการสู้รบ ไม่อย่างนั้น กำลังใจในการสู้รบครั้งต่อไปจะถดถอยเอาได้”
“ชาวตั่งเซี่ยงพร้อมจะโจมตีทุกเมื่อ แล้วพวกเราจะเอาเวลาที่ไหนไปเตรียมลวดเหล็กและธนูเล่า?”
จินเฟิงถาม
“กองทหารช่างของกองทัพเถี่ยหลินอยู่ในตัวเมือง ข้าขอคำแนะนำจากแม่ทัพฟ่านแล้ว อีกทั้งยังส่งตัวเจิ้งฟางไปยังชิงสุยกู่เพื่อขอคำสั่งการจากเหอหมิงชิน หลังจากนั้นท่านอาจารย์ก็จะเข้าดูแลกองทหารช่างได้”
ชิ่งไหวกล่าวต่อ “เจิ้งฟางออกไปได้สองชั่วยามแล้ว เขาน่าจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเหอหมิงชินจะทำตามที่เราร้องขอ”
“นี่เป็นวิธีเดียวที่เราพอจะทำได้ เร่งได้เท่าใดก็เท่านั้น ที่เหลือล้วนเป็นเรื่องของโชคชะตา”
จินเฟิงถอนหายใจอย่างหนัก เขาก็รู้สึกเบาใจขึ้นเล็กน้อย
แค่ไม่ส่งเขาไปชายแดนก็พอ
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา
ทันทีที่ชิ่งไหวพูดถึงเจิ้งฟาง เจิ้งฟางก็วิ่งเข้ามาพอดี
ด้านหลังของเขามีชายหนุ่มรูปร่างอ้วนเตี้ย มีรอยคล้ำใต้ตา ตามมาด้วย
“เหอหมิงชิน เจ้ามาได้อย่างไร?”
เมื่อชิ่งไหวเห็นคนผู้นี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา
ชายผู้นี้คือคนที่อาศัยอำนาจของครอบครัวยึดกองทัพเถี่ยหลินที่ท่านโหวหนุ่มเป็นผู้ดูแล
เหอหมิงชินไม่สนใจท่าทีไม่ต้อนรับของชิ่งไหว เขาจ้องมองไปท่านโหวหนุ่มและปาดน้ำตาด้วยความตื่นเต้น
กองทัพเถี่ยหลินคือกองทัพนิรนาม แต่หลังจากที่ชิ่งไหวเข้ามานำทัพ เขาก็ใช้กลยุทธสร้างกำลังแรงใจให้ทหารและฝึกฝนกองทัพเถี่ยหลินให้กลายเป็นกองกำลังที่เข้มแข็งในเวลาเพียงไม่กี่ปี จากที่เคยพ่ายแพ้ให้กับชาวตั่งเซี่ยงหรือกองทัพอื่น ๆ มาโดยตลอด กองทัพเถี่ยหลินก็สามารถรบชนะได้หลายครั้งติดต่อกัน
ด้วยเหตุนี้ ชิ่งไหวจึงได้รับตำแหน่งท่านโหวไปครอบครองตั้งแต่อายุยังน้อย
ความสามารถอันโดดเด่นของเขาไม่เพียงแต่ทำให้เหล่าบุรุษเสเพลในเปี้ยนจิงอิจฉาเท่านั้น แต่ยังทำให้ขุนนางบางคนอับอายอีกด้วย
พวกเขาแพ้การสู้รบอย่างต่อเนื่อง มีแค่ชิ่งไหวเท่านั้นที่เอาชนะได้ เช่นนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไร้ความสามารถไม่ใช่หรือ?
ดังนั้น ชิ่งไหวจึงตกเป็นเป้าหมายที่ถูกขุนนางป้ายสีในท้องพระโรง
ดีที่ท่านโหวหนุ่มไม่ได้ทำสิ่งใดผิด และมีคนของชิ่งกั๋วกงคอยปกป้อง ขุนนางเหล่านั้นจึงไม่สามารถทำอะไรเขาได้
แต่เมื่อปีที่แล้ว ในบรรดาทหารของชิ่งกั๋วกง มีวีรชนท่านหนึ่งพ่ายในสนามรบ นับเป็นเรื่องที่น่าสังเวชอย่างยิ่งที่เขาปล่อยให้คู่ต่อสู้เอาเปรียบได้
เพื่อรักษาตำแหน่งแม่ทัพคนนี้ไว้ ชิ่งกั๋วกงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมจำนน และตกลงที่จะย้ายบุตรชายของตนออกจากชายแดน
เหอหมิงชินมีภูมิหลังครอบครัวที่แข็งแกร่ง เขาจึงได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพเถี่ยหลินไป
ในมุมของเหอหมิงชิน ตำแหน่งของชิ่งไหวนั้นได้มาจากการนำกองทัพเถี่ยหลินด้วยตัวเอง แน่นอนว่า ฝีมือของเขาไม่มีวันเทียบอีกฝ่ายได้
หลังจากเดินเข้ามา ชายวัยกลางคนก็เตะเหอหมิงชิน “เจ้ารู้หรือไม่ว่าการที่แม่ทัพหนีออกมาจากค่ายทหารโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นเรื่องผิดวินัย ตามหลักแล้ว ข้าสามารถฆ่าเจ้าได้เลยด้วยซ้ำ!”
เหอหมิงชินเป็นคนหนึ่งที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของเปี้ยนจิง แต่เขากลับถูกแม่ทัพฟ่านเตะและเอ่ยตำหนิต่อหน้าคนอื่น ๆ
“แม่ทัพฟ่าน ชิ่งไหวก็กลับมาแล้วไม่ใช่หรือ ข้ายินดีที่จะคืนกองทัพเถี่ยหลินให้แก่เขา”
“เจ้ามันไม่ได้เรื่อง อยู่ในสนามรบมาหลายวันแต่กลับไม่รู้กฎเกณฑ์ขั้นพื้นฐาน! หากยังไม่มีตราประทับเปลี่ยนผู้นำ นั่นแปลว่าเจ้ายังเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพเถี่ยหลินอยู่ เจ้าไม่สามารถออกจากค่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต!”
แม่ทัพฟ่านโกรธเหอหมิงชินจนมือสั่น
จินเฟิงเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจต่อทหารต้าคัง
หากได้คนแบบนี้มาเป็นผู้นำกองทัพ ภาพลักษณ์ของกองทัพต้าคังจะเป็นอย่างไร
“ประทับตราทิ้งไว้ซะ แล้วจะไปไหนก็ไปเสีย!”
แม่ทัพฟ่านรู้สึกผิดหวังในตัวเหอหมิงชินเป็นอย่างมาก “ตอนนี้เจ้ายังไม่ต้องไปที่กองทัพเถี่ยหลิน รอคำสั่งโยกย้ายจากเปี้ยนจิงก่อน จากนั้นค่อยกลับไป”
เหอหมิงชินไม่ต้องการเอาชีวิตไปทิ้งที่ชายแดน เขาจึงรีบนำตราประทับทางการทหาร และตราอาญาสิทธิ์ออกมาจากใต้แขนเสื้อ จากนั้นก็รีบออกไปจากห้องตำราอย่างรวดเร็ว
“ชิ่งไหว เจ้ารีบเก็บข้าวเก็บของเสีย”
แม่ทัพฟ่านชี้ไปที่ตราประทับและตราอาญาสิทธิ์
“นี่ไม่ผิดกฎหรือ?” ชิ่งไหวขมวดคิ้ว
การปรับเปลี่ยนอำนาจทางการทหารไม่เพียงแต่ต้องมีคำสั่งโยกย้ายจากชิ่งไหวเท่านั้น แต่ยังต้องมีคำสั่งโยกย้ายออกมาจากกรมกลาโหมด้วย หากคำสั่งโยกย้ายทั้งสองฉบับตรงกัน จึงจะถือว่าเป็นคำสั่งที่ถูกต้องตามกฎ
“เราทำเช่นนี้เฉพาะเวลาคับขันเท่านั้น การที่กองทัพเถี่ยหลินอยู่ในมือของเจ้า ข้าเชื่อว่ามันจะกลับมาเข้มแข็งได้ บอกตามตรง ก่อนที่เจ้าจะกลับมา ข้าเอาแต่กังวลว่ากองทัพนี้จะถูกทำลายด้วยน้ำมือเหอหมิงชิน”
แม่ทัพฟ่านตบไหล่ชิ่งไหว “ชาวตั่งเซี่ยงพร้อมจะโจมตีได้ทุกเมื่อ เตรียมตัวให้พร้อมแล้วกลับไปที่ค่ายซะ!”
“รับทราบ!”
ชิ่งไหวกำหมัดแน่นและรับปาก “แต่ก่อนที่ข้าจะกลับไปที่กองทัพ ข้าอยากแนะนำให้ท่านรู้จักอาจารย์ผู้หนึ่งเสียก่อน”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์