บทที่ 6 เก่งกาจ
“พี่อวิ๋นฟางนำมาให้” กวานเสี่ยวโหรวตอบด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเขินอาย “นางบอกว่าให้เป็นของขวัญสำหรับการแต่งงานของพวกเรา”
จินเฟิงเข้าใจได้ทันทีว่า ลูกพี่ลูกน้องของกวานเสี่ยวโหรวกลัวว่านางจะอดตายเพราะแต่งงานกับเขา
“เจ้าขอบคุณพี่สาวแล้วใช่หรือไม่?”
“เจ้าไม่โกรธหรือ?” กวานเสี่ยวโหรวถามอย่างไม่มั่นใจ
ตอนที่นางอาศัยอยู่ที่กวานเจียวาน นางเคยได้ยินว่าจินเฟิงถือว่าตนเป็นบัณฑิต เขาเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรี นางกังวลมากว่าเขาจะคิดว่าลูกพี่ลูกน้องของนางไม่ไว้หน้าเขา
“เหตุใดข้าต้องโกรธด้วย?”
จินเฟิงเผยรอยยิ้มออกมาและกล่าว “นั่นเป็นเพราะลูกพี่ลูกน้องของเจ้าหวังดีต่อเจ้า เป็นห่วงเจ้า ข้าเสียใจที่ไม่ทันได้ขอบคุณนางที่มอบของขวัญให้แก่เราสองคน”
จางเหลียงสามีของหลินอวิ๋นฟางได้เข้าร่วมกับกองทัพเมื่อไม่กี่ปีก่อน และเขาก็ได้สูญเสียแขนไปในสนามรบ เขาไม่สามารถทำงานหลาย ๆ อย่างได้ ส่วนจางหม่านชางก็ลื่นล้มบนเขาจนขาหักตั้งแต่เด็ก หลังจากนั้นมาเขาก็พิการและทำมาหากินได้ด้วยการผ่าฟืนและเผาถ่าน
ครอบครัวของเขาต้องเผชิญกับความยากลำบากเป็นอย่างมาก ในหนึ่งปีพวกเขามีอาหารให้กินอิ่มนับมื้อได้
การที่หลินอวิ๋นฟางส่งผักป่าห่อนี้มาให้พวกเขาเป็นของขวัญ ถือว่านางมีน้ำใจมหาศาล
หากพิจารณาจากการเงินของครอบครัวจินเฟิงในตอนนี้ ตามปกติพวกเขาไม่กินข้าวกลางวัน แต่เมื่อกวานเสี่ยวโหรวได้ยินว่าช่วงบ่ายวันนี้จินเฟิงจะขึ้นเขาไปล่าสัตว์ นางก็ทำโจ๊กข้าวสาลีให้เขา
แต่ครั้งนี้ไม่ว่าจินเฟิงจะพูดหรือจะตำหนินางเหมือนเมื่อวานล้วนไร้ประโยชน์ เพราะนางไม่ยอมกินข้าวและเอาแต่นั่งยอง ๆ อย่างดื้อรั้นพร้อมกับมองไปที่หน้าไม้
แม้ว่าในสมัยราชวงศ์ต้าคังจะมีหน้าไม้ แต่ก็ถือเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ล้าสมัยไปแล้ว การใช้งานนั้นค่อนข้างสลับซับซ้อน คนทั่วไปจึงไม่นิยมใช้ ในหมู่นักล่าสัตว์ พวกเขาถนัดใช้คันธนูแบบยาวมากกว่า
“สามี สิ่งนี้คือธนูหรือ? เหตุใดจึงดูแตกต่างจากธนูของนายพรานนักล่ะ?”
นี่เป็นครั้งแรกที่กวานเสี่ยวโหรวเห็นหน้าไม้ นางจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“สิ่งนี้เรียกว่าหน้าไม้”
จินเฟิงถือหน้าไม้เอาไว้ในมือ จากนั้นก็ดึงสายและยิงลูกธนูออกไป โดยเขาได้เหนี่ยวไกและเล็งไปยังต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปเจ็ดจั้ง*[1]
ปัก!
ลูกธนูพุ่งออกไปแล้วปักเข้ากับต้นไม้ ส่วนหัวของลูกธนูปักเข้าไปในลำต้น ในขณะที่ส่วนหางสั่นไหวอยู่ด้านนอก
“กะ… เก่งมาก!” กวานเสี่ยวโหรวทึ่งกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า “สามี สิ่งนี้เจ้าเป็นคนทำหรือ?”
“นอกจากข้าแล้วจะมีผู้ใดได้อีกล่ะ?”
เมื่อมองไปที่ดวงตาที่เป็นประกายของกวานเสี่ยวโหรว จินเฟิงก็รู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมา
หลังจากที่เขาอธิบายวิธีการใช้หน้าไม้ให้กับเสี่ยวโหรวแล้ว จินเฟิงก็สะพายซองใส่ลูกธนูแล้วเดินออกจากลานบ้านไป
ทันทีที่เดินออกไป เขาก็พบกับหญิงสาวกลุ่มหนึ่งที่กำลังจะไปเก็บผักป่าบริเวณเชิงเขา
“จินเฟิง เจ้าจะไปที่ใดหรือ เหตุใดไม่อยู่บ้านเป็นเพื่อนเจ้าสาวของเจ้าล่ะ?”
หญิงสาวมัดผมเปียสองข้างคนหนึ่งเอ่ยถามพร้อมกับขยิบตาให้เขา
นางเป็นบุตรสาวของหัวหน้าหมู่บ้าน มีนิสัยร่าเริงและยังไม่ได้แต่งงาน ในหมู่บ้านนี้นางมีอายุน้อยที่สุด บ้านใดที่ยังไม่มีสะใภ้ต่างก็จับตามองนางเป็นพิเศษ
“ข้าจะขึ้นเขาไปล่าสัตว์!” จินเฟิงตอบ
“เจ้าจะไปล่าสัตว์หรือ?” เสี่ยวอวี้ย้อนถาม “เจ้าไปเรียนรู้วิธีการล่าสัตว์มาตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
“เจ้าไม่ต้องรู้หรอก”
จินเฟิงคร้านที่จะยุ่งเกี่ยวกับหญิงสาวเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงรีบสาวเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวบางคนสงสัยเกี่ยวกับหน้าไม้ที่จินเฟิงถืออยู่ แต่ก่อนที่พวกนางจะได้เอ่ยปากถาม จินเฟิงก็จากไปเสียก่อน
“ขึ้นเขาไปก็ระวังหลงป่านะ!” เสี่ยวอวี้ตะโกนจากด้านหลัง “หากล่าไม่ได้ก็รีบกลับออกมาล่ะ อย่าปล่อยให้เจ้าสาวของเจ้าร้อนใจเชียว!”
เมื่อได้ยินเสี่ยวอวี้พูดดังนั้น หญิงสาวคนอื่นก็พากันหัวเราะ
บริเวณเชิงเขามีผู้คนอาศัยอยู่ ดังนั้นเหยื่อจึงมีไม่มากนัก หากต้องการออกล่าจริง ๆ ก็ต้องเข้าไปในป่าลึก
ในชีวิตที่แล้วจินเฟิงเองก็เป็นเด็กที่อยู่ในหมู่บ้านบนเขา และตัวเขาเองก็เคยออกล่าสัตว์กับปู่ตั้งแต่ยังเด็ก การเข้าป่าจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เขาเดินถือหน้าไม้และสำรวจผืนป่าอย่างช่ำชอง พร้อมกับหาร่องรอยของสัตว์
ตอนนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ภูเขาเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี เหนือศีรษะมีท้องฟ้าและพระอาทิตย์ปกคลุมเป็นหลังคา ฤดูกาลนี้เหมาะกับการล่าสัตว์เป็นอย่างยิ่ง
หลังจากนั้นไม่นาน จินเฟิงก็พบเข้ากับกระต่ายสีเทาที่กำลังดื่มน้ำอยู่ตรงแอ่งน้ำเล็ก ๆ
เจ้ากระต่ายน้อยระแวดระวังเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งตอนที่ดื่มน้ำ ดวงตาของมันก็ยังสอดส่องไปรอบ ๆ
ความอดทนนั้นเป็นคุณสมบัติของนักล่า แม้ว่ากระต่ายจะอยู่ในระยะของหน้าไม้ แต่จินเฟิงก็ไม่ได้เคลื่อนไหว เขาถือหน้าไม้รออย่างใจเย็น
หลังจากที่กระต่ายดื่มน้ำเสร็จและกำลังจะหมุนตัวจากไป เขาก็ปล่อยลูกธนูออกไปโดยไม่ลังเล
พริบตาเดียว ลูกธนูก็เดินทางจากจุดที่เขาอยู่ไปยังเจ้ากระต่ายน้อย ลูกธนูปักเข้าที่กระต่ายสีเทาจนมันล้มลงกับพื้น เมื่อจินเฟิงวิ่งไปดูก็พบว่ามันตายสนิทแล้ว


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์