บทที่ 61 คำสั่งฉุกเฉิน
จินเฟิงรีบเข้าไปช่วยเจิ้งฟางอย่างรวดเร็ว
แขนซ้ายของเจิ้งฟางได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ น่าจะเป็นเพราะว่ากระดูกหัก นอกจากนี้บนใบหน้า และร่างกายของเขายังชุ่มโชกไปด้วยเลือด ดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก
ม้าศึกที่อยู่ข้าง ๆ เองก็หายใจรวยริน ขาของมันสั่นไม่หยุด สะโพกของมันเต็มไปด้วยเลือดและรอยแส้
“หมอ! รีบไปตามหมอทหารมาเร็ว!”
จินเฟิงหันกลับมาและตะโกนบอกช่างซ่อมคนอื่น ๆ ที่กำลังเฝ้าดู
จนมีช่างคนหนึ่งวิ่งออกไป
จงอู่กำลังดูการทำงานของอดีตช่างเตาเผาที่กำลังปรับปรุงเตาเผาเครื่องปั้น ในจังหวะนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้น
“เหล่าเจิ้ง เหตุใดเจ้าจึงมีสภาพเช่นนี้?”
จงอู่รีบวิ่งเข้ามาเพื่อดูอาการเจิ้งฟาง “เกิดอะไรขึ้น?”
เจิ้งฟางเมินจงอู่และเงยหน้าขึ้นมองจินเฟิงแทน “ท่านอาจารย์… ชาวตั่งเซี่ยงเริ่มโจมตีแล้ว… ท่านโหว…”
ก่อนที่จะพูดได้จบประโยค เขาก็เริ่มสำลักอย่างแรง
“ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ พูด”
จินเฟิงวานให้พวกนายช่างไปเอาน้ำมาให้เจิ้งฟางดื่มหนึ่งถ้วย
เจิ้งฟางรีบรับถ้วยน้ำขึ้นมาและดื่มจนหมดเกลี้ยงอย่างกระหาย
หลังจากดื่มน้ำจนหมดถ้วยแล้ว อาการของเขาก็ดีขึ้นเล็กน้อย
จินเฟิงเอ่ยถาม “สถานการณ์สู้รบเป็นอย่างไร? ท่านโหวไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
“ท่านโหวได้รับบาดเจ็บสาหัส และตอนนี้ยังไม่ได้สติ…”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ? นี่มันเกิดอะไรขึ้น!?”
เมื่อจงอู่ได้ยินดังนั้น เขาก็ระเบิดอารมณ์พร้อมกับคว้าคอเสื้อของเจิ้งฟางและตะคอกใส่ทันที “ก่อนที่จะออกเดินทางเจ้ารับปากกับข้าแล้ว ว่าจะไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับท่านโหว!”
“จงอู่ เจ้าใจเย็นลงก่อน!”
จินเฟิงผลักจงอู่ออกไป
เจิ้งฟางเป็นทหารองครักษ์ข้างกายชิ่งไหว จินเฟิงเองก็รู้สึกแย่เช่นเดียวกันเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสเช่นนี้
“มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“ชาวตั่งเซี่ยงได้รับบทเรียนจากท่านโหวไปมาก พวกเขาจึงเกลียดท่านโหวเข้ากระดูกดำ วันนี้หลังจากที่ท่านโหวได้รับคำสั่งถ่ายโอนอำนาจทางการทหาร ธงก็ถูกเปลี่ยนขึ้น เดิมทีชาวตั่งเซี่ยงกำลังเตรียมการ แต่เมื่อหน่วยสอดแนมของเขาเห็นธงของท่านโหว พวกเขาก็เริ่มการโจมตีทันที”
เจิ้งฟางกล่าวต่อ “เหอหมิงชินทำให้กองทัพเถี่ยหลินวุ่นวายไปหมด ตอนนั้นท่านโหวกำลังจัดกองทหารแนวหน้าใหม่อยู่ ทว่าก็ถูกชาวตั่งเซี่ยงบุกเสียก่อน พวกเราไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ โชคดีที่มีรั้วหลวดหนามขวางพวกทหารม้าเอาไว้ เราจึงสามารถขับไล่ชาวตั่งเซี่ยงกลับไปได้ อย่างไรก็ตาม ท่านโหวถูกฟันจนได้รับบาดเจ็บ และลวดหนามที่คอยป้องกันเหล่านั้นก็ถูกใช้จนหมดไปแล้ว…”
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไปได้?”
จินเฟิงขยี้ศีรษะของเขาอย่างฉุนเฉียว
เขากลัวสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้นจริง ๆ สิ่งที่ชายหนุ่มกังวลมากที่สุดคือการที่ชาวตั่งเซี่ยงบุกโจมตีเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้จนพวกเขาไม่มีเวลาผลิตอาวุธ ไม่คิดเลยว่า พอกังวลปุ๊บชาวตั่งเซี่ยงก็โจมตีปั๊บแบบนี้
“ก่อนที่ท่านโหวจะหมดสติ เขาได้เขียนจดหมายแต่งตั้งท่านอาจารย์ให้เป็นผู้รักษาการณ์ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพเถี่ยหลิน ระหว่างที่เขายังไม่ฟื้น ท่านอาจารย์จะต้องรับหน้าที่ดูแลกองทัพเถี่ยหลินไปก่อนชั่วคราว”
หลังจากที่เจิ้งฟางพูดจบเขาก็หยิบผืนผ้าออกมาจากใต้แขนเสื้อ บนผืนผ้านั้นระบุเอาไว้ว่าจินเฟิงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรักษาการณ์ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองทัพเถี่ยหลินจนกว่าชิ่งไหวจะฟื้นขึ้นหรือจนกว่าสงครามจะสิ้นสุดลง
จากนั้นเจิ้งฟางก็ได้หยิบตราประทับของท่านโหวหนุ่มออกมา
ตามกฎข้อบังคับของทหารต้าคัง หากผู้บังคับบัญชาได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตลง เขาสามารถหาผู้อื่นมาควบคุมกิจการทางทหารได้ชั่วคราว อย่างไรก็ตาม เมื่อสงครามสิ้นสุด กรมกลาโหมจะต้องยึดอำนาจทางการทหารกลับคืนและแต่งตั้งผู้บัญชาการคนใหม่
ทว่าโดยทั่วไปหากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับกองทัพไม่ร้ายแรงเกินไป คนที่เข้าควบคุมอำนาจทางทหารชั่วคราวจะได้รับการสนับสนุนและรับรอง
“ให้ข้าดูแลกองทัพเถี่ยหลินหรือ?”
จินเฟิงรู้สึกหัวตื้อไปหมด
ทั้งในชาตินี้และชาติก่อนหน้า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้ก้าวขาเข้าสู่สนามรบ แล้วเขาจะรู้วิธีการสู้รบได้อย่างไรเล่า!?
“ใช่แล้ว ท่านโหวบอกว่าคุยเรื่องการจัดทัพกับท่านอาจารย์ไปบ้างแล้วบนเรือ ท่านสามารถรับหน้าที่แม่ทัพได้อย่างแน่นอน!”
เจิ้งฟางกล่าว
ยุคสมัยนี้ไม่มีคอมพิวเตอร์ ไม่มีโทรศัพท์มือถือ หนังสือหรือตำราก็น้อยมาก นับว่าค่อยข้างน่าเบื่อ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์