บทที่ 66 ปิดล้อม
ตึง! ตึง! ตึง!
กระบวนทัพแฟแลงซ์เคลื่อนไปด้านหน้าช้า ๆ แต่หนักแน่นตามจังหวะกลอง พร้อมกับเหยียบลงบนซากศพของทหารม้าตั่งเซี่ยง
หลังจากเดินไปได้ประมาณสิบจั้งก็มาถึงบริเวณที่ม้าล้มลงและหยุดทัพอีกครั้ง
ไม้ไผ่ถูกแทงออกและชักกลับซ้ำไปซ้ำมา ทำให้ม้าที่กำลังดิ้นรนอยู่ที่พื้นทั้งหมดแน่นิ่งไปในที่สุด
หลังจากก้าวข้ามซากศพของม้าศึกแล้ว ก็ไม่มีหลุมลึกบริเวณลุ่มแม่น้ำอีกต่อไป หมายความว่ากองทัพเถี่ยหลินกำลังจะเผชิญกับทหารม้าตั่งเซี่ยงที่เหลืออยู่ด้านหน้า
ทหารม้าของตั่งเซี่ยงจัดกระบวนทัพใหม่เสร็จแล้ว ผู้นำทัพคนหนึ่งยกดาบขึ้นพร้อมคำราม “เหล่ากองหน้า เข้าโจมตีได้!”
ทหารม้าหลายสิบนายออกตัวและพุ่งเข้าโจมตีกองกำลังเถี่ยหลินทันที
แนวหน้าของกองทัพต้าคังประกอบด้วยผู้ลี้ภัย นักโทษหลบหนี และผู้เลี่ยงภาษีจากทั่วอาณาจักร โดยพื้นฐานพวกเขาคือผู้ที่ถูกบีบบังคับให้เข้าร่วมสงคราม อย่างไรก็ตาม แนวหน้าของทหารม้าตั่งเซี่ยงนั้นต่างออกไป พวกเขามีนายทหารผู้เกรียงไกร พร้อมด้วยนักรบที่กล้าหาญ ม้าที่แข็งแกร่งและทรงพลัง พร้อมด้วยอุปกรณ์ที่ล้ำสมัย!
น่าเสียดายที่พวกเขาต้องมาพบกับจินเฟิงในวันนี้ ก่อนที่ทหารม้าตั่งเซี่ยงจะเริ่มการต่อสู้ อย่าลืมว่ากำลังพลมากกว่าครึ่งของพวกเขาได้รับบาดเจ็บจากหลุมลึกที่ขุดเอาไว้
คนหลายสิบชีวิตที่รีบวิ่งออกไปในเวลานี้คือไม่กี่สิบชีวิตสุดท้ายที่เหลืออยู่แล้ว
พวกเขาพร้อมที่จะใช้ประโยชน์จากม้าศึกเพื่อแหวกขบวนทัพที่จัดเป็นขบวนสี่เหลี่ยมผืนผ้าออกจากกัน!
กองกำลังหลักของทหารม้าด้านหลังก็พร้อมที่จะติดตามทหารแนวหน้าและสังหารทัพแฟแลงซ์!
ตึง ตึง ตึง!
จังหวะของกลองรบบนที่สูงเปลี่ยนไป วิธีการโบกธงในมือของผู้ส่งสารก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
สวีเซียวเงยหน้าขึ้นมองและตะโกนว่า “ยัน!”
ขบวนทัพหยุดรุกคืบทันที จากนั้นทหารที่ถือโล่ก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง และชูโล่ออกไปข้างหน้า
ทหารหอกที่ถือไม้ไผ่ ดันก้นไม้ไผ้ลงที่พื้นและชูปลายไผ่ให้ชี้ขึ้น
กองพันทหารม้าแนวหน้าของตั่งเซี่ยงเหมือนแมลงเม่าที่บินเข้าไปในเปลวไฟที่พร้อมพุ่งชนด้ามไม้ไผ่แหลมโดยไม่ลังเล
ม้าของกองพันทหารม้าแนวหน้ามีเกราะหนาซึ่งไม้ไผ่ไม่สามารถเจาะได้ ในทางกลับกัน ไม้ไผ่จำนวนมากกลับถูกกระแทกจนงอ
ขบวนทัพสี่เหลี่ยมที่ปรากฏขึ้นอย่างเป็นระเบียบกระจัดกระจายออกเป็นครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม กองพันทหารม้าแนวหน้าก็ยังไม่สามารถทะลวงเข้าไปได้
หลังเสียงตะโกนอันเฉียบคมของสวีเซียวดังขึ้น ทุกคนก็ถอยหลังไปสองก้าว จากนั้นไม้ไผ่ทั้งหมดก็ถูกชักกลับ
ครู่ต่อมา ไม้ไผ่ปลายแหลมก็โผล่ออกมา กระบวนทัพแฟแลงซ์กลับมาเรียงรายอีกครั้ง
พวกเขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ไม้ไผ่ถูกแทงเข้าออกเป็นจังหวะ ไม่มีคนหรือม้าหลงเหลืออยู่ในทัพทหารม้าแนวหน้าของตั่งเซี่ยงอีกต่อไป!
กองพันแนวหน้าที่เก่งที่สุดถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น นี่สร้างความตกตะลึงให้กับทหารม้าชาวตั่งเซี่ยง!
แม้ว่าพวกเขาจะสนับสนุนความกล้าหาญและต่อสู้อย่างไม่กลัวตาย แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถเข้าใกล้กองทัพแฟแลงซ์ของจินเฟิงและไม่สามารถหาทางทำลายมันได้เลย หากพวกเขายังหาทางแก้เรื่องนี้ไม่ได้ แล้วจะสู้ต่อไปอย่างไร?
เช่นเดียวกับกองพันแนวหน้าที่ตายไปอย่างไร้ประโยชน์?
ทหารม้าประจำทัพซึ่งอยู่ในสนามรบมานานหลายทศวรรษเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นเป็นครั้งแรก
ตรงกันข้ามกับกองทหารม้าตั่งเซี่ยง ขวัญและกำลังใจของกองทัพเถี่ยหลินในกระบวนทัพแฟแลงซ์กำลังสูงขึ้นเรื่อย ๆ
สวีเซียวตื่นเต้นมากจนอยากจะเงยหน้าขึ้นฟ้าและกรีดร้องออกมาด้วยซ้ำ
นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เขาเข้าร่วมกองทัพที่เขาได้ต่อสู้อย่างเต็มที่
ช่างน่ายินดีจริง ๆ!
ตึง ตึง ตึง!
“เดินหน้า!”
หลังจากเสียงคำรามของสวีเซียวดังขึ้น ขบวนทัพก็เคลื่อนไปข้างหน้าอีกครั้ง พวกเขาเหยียบลงบนซากศพของกองพันแนวหน้าตั่งเซี่ยงและก้าวไปสู่กองกำลังหลักของคู่ต่อสู้
ทหารม้าประจำตั่งเซี่ยเริ่มลังเลเรื่องการล่าถอย
ทว่าทหารม้าที่อยู่ข้างหลังยังไม่รู้ว่าข้างหน้าเกิดอะไรขึ้น พวกเขายังคงรุกล้ำเข้าไปในหุบเขาจึงไม่อาจถอยกลับได้
สุดท้าย กระบวนทัพแฟแลงซ์ก็เคลื่อนมาถึงด้านหน้าของทหารม้าหลัก
“หยุด!”
“จู่โจม!”
“ถอน!”
ทันใดนั้นเอง จู่ ๆ ทหารต้าคังหลายร้อยนายก็โผล่ออกมาจากป่าทางด้านหลัง พร้อมโล่และไม้ไผ่ยาว จัดขบวนทัพเป็นแฟแลงซ์มาซิโดเนียใหม่อีกสองกลุ่มอย่างรวดเร็ว
กลุ่มหนึ่งหันไปข้างหน้า อีกกลุ่มหันไปข้างหลัง!
ตรงกลางมีทหารหลายสิบนายถือพลั่วขุดหลุมอย่างรวดเร็ว
“ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง ข้ารอจนพวกเจ้าทั้งหมดเข้ามาในหุบเขา หากข้าปล่อยให้พวกเจ้าหนีไปได้ คงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใดได้!”
จงอู่เช็ดเหงื่อและระเบิดหัวเราะ
ณ ตอนนี้ ทหารม้าตั่งเซี่ยงมากกว่าหนึ่งพันนายที่มาพร้อมกับกำลังใจอันยิ่งใหญ่ล้วนถูกกระบวนทัพแฟแลงซ์ล้อมไว้ในชิงสุ่ยกู่ที่เป็นหุบเขาแคบ ๆ
ผู้เฒ่าจ้าวที่มองดูอย่างตื่นเต้นตะโกนว่า “ดี! ดีมาก!”
ในเวลานี้เขาไม่ได้ขุ่นข้องหมองใจกับจินเฟิงอีกแล้ว มิหนำซ้ำยังชื่นชมอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ไม่แปลกใจเลยที่ชิ่งไหวมอบกองทัพเถี่ยหลินให้เจ้าหนุ่มนี่ดูแล ท่านอาจารย์จินผู้นี้มีความสามารถที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ
ไม่เพียงแต่เก่งกาจแต่เขายังใจเย็นด้วย
ตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้เฒ่าจ้าวไม่เห็นความตื่นตระหนกในแววตาจินเฟิงเลยแม้แต่น้อย บัณฑิตหนุ่มยังคงยืนอยู่บนที่ราบเชิงเขาและบัญชาการทัพอย่างสงบ
แม้แต่ชิ่งไหวก็ไม่อาจมีความนิ่งสงบเช่นนี้ได้
ชายชราไม่รู้เลยว่าจินเฟิงได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ด้วยตาตนเองเป็นครั้งแรก เมื่อทหารม้าตั่งเซี่ยงบุกเข้ามา ชายหนุ่มก็กลัวตายพอ ๆ กับทหารใหม่เหล่านั้น
เพียงแต่เขารู้ดีว่าตนเองไม่มีทางเลือกอื่นและทำได้เพียงบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์
ภายนอกเขาดูสงบนิ่ง แต่จริง ๆ แล้วมีแต่สวรรค์ที่ทราบดีว่าผู้บัญชาการรักษาการณ์คนนี้กังวลเพียงใด
โชคดีที่ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่นตามแผน การปิดล้อมศัตรูเสร็จสมบูรณ์ด้วยดี
ตราบใดที่จงอู่และสวีเซียวไม่ทำผิดพลาด การเดินหน้าต่อไปในลักษณะขบวนสี่เหลี่ยมผืนผ้านี้จะทำให้พวกเขาสังหารทหารม้าตั่งเซี่ยงที่อยู่ในหุบเขาได้ทั้งหมด ไม่ช้าก็เร็ว!
จินเฟิงออกคำสั่งอีกครั้ง และจังหวะกลองก็ดังสนั่นขึ้นทันที
สวีเซียวเงยหน้าขึ้นและมองไปที่มือชูธงพร้อมกำหมัดอย่างตื่นเต้น
ปิดล้อมสำเร็จ…
จากนี้เป็นช่วงเวลาสำหรับการเก็บเกี่ยว!

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์