เข้าสู่ระบบผ่าน

ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์ นิยาย บท 67

บทที่ 67 ผู้ที่ยอมจำนนจะไม่ถูกฆ่า

“ผู้ที่ยอมจำนนจะไม่ถูกฆ่า!”

สวีเซียวประกาศกร้าวสุดกำลัง

นี่คือสิ่งที่จินเฟิงสอนเขาเมื่อคืนนี้หลังจากพาเขาและนายทหารจำนวนหนึ่งไปทำความคุ้นเคยกับรูปแบบการจัดทัพ

ในเวลานั้นสวีเซียวไม่ได้คำนึงถึงผลลัพธ์เช่นนี้เลย นายกองบางคนถึงกับคิดว่าบัณฑิตหนุ่มประเมินความสามารถของพวกเขาสูงเกินไป

ในความเห็นของพวกเขา การเอาชนะทหารม้าของตั่งเซี่ยงได้ในวันนี้ถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว นี่จินเฟิงยังคิดที่จะจับทหารม้ามาเป็นเชลยอีกหรือ?

คิดอะไรอยู่?

อย่างไรก็ตาม ในที่สุดจินเฟิงก็ทำสำเร็จ

ชายหนุ่มใช้วิธีผสมผสานหลักการกีดขวางม้าและแฟแลงซ์มาซิโดเนียเข้าด้วยกัน จินเฟิงอยากสร้างขวัญกำลังใจให้กองทัพเถี่ยหลิน ผ่านการทำให้พวกเขาเห็นว่าทหารม้าตั่งเซี่ยงไม่ได้อยู่ยงคงกระพัน!

“ผู้ที่ยอมจำนนจะไม่ถูกฆ่า!”

ทหารทั้งหมดรีบพูดตามสวีเซียวและตะโกนพร้อมกัน

น้ำเสียงนั้นพร้อมเพรียงหนักแน่น เต็มไปด้วยความฮึกเหิม!

ขณะนี้ ขวัญกำลังใจของกองทัพเถี่ยหลินถูกเติมจนเต็มแล้ว!

ม้าของกองทหารม้าตั่งเซี่ยงเหมือนจะรู้สึกได้ถึงอันตรายจึงถอยหนีไป

แต่เจ้าของม้าถูกกองกำลังที่นำโดยจงอู่ล้อมไว้ จึงไม่รู้จะหนีไปอย่างไรได้?

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชาวตั่งเซี่ยงไปที่ชายแดนของจงหยวนทุกปีเพื่อปล้นสะดม พวกเขาไม่เพียงแต่ขโมยอาหารและเงินเท่านั้นแต่ยังปล้นชาวบ้านตาดำ ๆ อีกด้วย

ยุคสมัยนี้ นักโทษไม่มีสิทธิมนุษยชน สถานะของชาวฮั่นที่ถูกลักพาตัวไปตั่งเซียงนั้นด้อยกว่าสถานะของวัวและม้าเสียอีก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้นานกว่าสามปี

ดังนั้นกองทหารม้าของตั่งเซี่ยงจึงรู้ดีว่าเมื่อพวกเขายอมจำนน สิ่งที่รอคอยพวกเขาอยู่คือการทำงานหนักไม่รู้จบไปจนวันตาย

ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชาวตั่งเซี่ยงก็เป็นฝ่ายปราบปรามกองทัพต้าคังมาโดยตลอด แม้พวกเขาจะพ่ายแพ้ในครั้งนี้ แต่พวกเขาก็ยังภูมิใจ แล้วเช่นนี้จะให้ยอมจำนนต่อแม่ทัพที่เคยพ่ายแพ้ได้อย่างไร?

“สหาย ใจเย็นก่อน แม่ทัพใหญ่จะต้องส่งคนมาช่วยพวกเราแน่นอน!”

ชาวตั่งเซี่ยงรายหนึ่งตะโกนขึ้น “เมื่อถึงเวลา พวกเราจะฆ่าชาวต้าคังเหล่านี้ให้หมดและมุ่งหน้าไปยังจงหยวนเพื่อแย่งเสบียงอาหารและภรรยาของพวกเขา!”

“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!”

ทหารม้าทุกนายยกดาบขึ้นและคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า

“ในเมื่อเจ้าอยากตาย ข้าจะทำให้มันเกิดขึ้นเพื่อเจ้า!”

การต่อสู้ระหว่างต้าคังและตั่งเซี่ยงกินเวลานานหลายทศวรรษ ความเกลียดชังระหว่างพวกเขามีมากอย่างหาที่สุดไม่ได้

หากนี่เป็นกองทหารของเถี่ยหลิน พวกเขาคงเลือกที่จะฆ่าชาวตั่งเซี่ยงทั้งหมดทิ้ง แทนที่จะโน้มน้าวให้พวกเขายอมแพ้

แต่การตัดสินใจของชาวตั่งเซี่ยงคือสิ่งที่กองทัพเถี่ยหลินต้องการ

สวีเซียวและจงอู่พร้อมใจกันออกคำสั่งให้กองทัพแฟแลงซ์เร่งจังหวะการโจมตี

กระบวนทัพรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายังคงรุกคืบต่อไป และทหารม้าของตั่งเซี่ยงก็ถูกบังคับให้ล่าถอยอย่างไม่มีทางเลือก

ที่ค่ายตั่งเซี่ยง ม้าเร็วตัวหนึ่งควบไปยังกระโจมใหญ่

ทหารที่ลาดตระเวนชักมีดออกมาปิดถนนทันที

แต่เมื่อเขาเห็นขนนกสีแดงบนหัวของทหารบนหลังม้า พวกเขาก็รีบหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว

นี่คือทูตด่วนหงหลิงในกองทัพ เป็นผู้ส่งข้อมูลเร่งด่วนทางการทหาร ห้ามผู้ใดขวางกั้น ไม่เช่นนั้นจะถูกสังหาร

ในกระโจมใหญ่มีกลุ่มนายทหารชั้นสูงตั่งเซี่ยงนั่งอยู่

เมื่อได้ยินเสียงกีบม้า หลี่จี้ขุยผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งการเดินทัพทางตอนใต้ของตั่งเซี่ยงก็อดยิ้มไม่ได้ “ฮ่าฮ่าฮ่า! ดูเหมือนการต่อสู้จะจบลงเร็วกว่าที่ข้าคาดไว้”

“ท่านแม่ทัพใหญ่ เมื่อวานนี้ชิ่งไหวถูกฟันได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้เขาจะไม่ตายก็คงไม่สามารถควบคุมการเดินทัพได้ หากไม่มีชิ่งไหวดูแล กองทัพเถี่ยหลินก็เป็นเพียงหมาป่าที่ไม่มีเขี้ยว เป็นแค่กองกำลังที่ท่านสามารถบีบให้ตายได้ง่าย ๆ”

“กองทัพเถี่ยหลินเก่งเรื่องการหลบหนี เมื่อพวกเราบุกเข้าไปในหุบเขาเพื่อเริ่มการต่อสู้ พวกมันฉลาดกว่าสุนัขจิ้งจอกเสียอีก มาดูกันว่าคราวนี้พวกมันจะไปมุดหัวอยู่ที่ใด!”

“หากชิ่งไหวกล้าที่จะออกจากชิงสุยกู่และหนีไป ฮ่องเต้แห่งต้าคังจะสังหารเขาโดยที่เราไม่ต้องดำเนินการใด ๆ!”

“ขอแสดงความยินดีท่านแม่ทัพใหญ่ สำหรับการเอาชนะกองทัพเถี่ยหลิน!”

หงหลิงรีบเข้าไปในกระโจมอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะทันได้เอ่ยอะไร หลี่จี้ขุยก็ถามขึ้นก่อน

“มีคนจากกองทัพเถี่ยหลินหลบหนีไปกี่ชีวิต? พวกเขาจับชิ่งไหวได้หรือไม่?”

“เรียนท่านแม่ทัพใหญ่ เกิดเหตุฉุกเฉินกับทหารแนวหน้า กองกำลังของเหย่ลี่สยงถูกกองทัพเถี่ยหลินล้อมไว้ที่ชิงสุยกู่ ทหารของเราล้มตายไปเป็นจำนวนมาก!”

หงหลิงพูดอย่างกังวล

“เจ้าว่าอย่างไรนะ? เหย่ลี่สยงถูกปิดล้อมโดยกองทัพเถี่ยหลินที่ชิงสุยกู่อย่างนั้นหรือ! อีกทั้งยังมีทหารล้มตายจำนวนมาก!?”

หลี่จี้ขุยและนายทหารชั้นสูงคนอื่น ๆ นึกว่าพวกเขาได้ยินผิด

มีเพียงกุนซือเท่านั้นที่ยังพอมีสติ เขาคว้าตัวหงหลิงแล้วพูดอย่างร้อนใจว่า “บอกข้ามาว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

“เรียนใต้เท้า กองทัพเถี่ยหลินมีกระบวนทัพรูปแบบใหม่…”

ทูตด่วนหงหลิงเล่าถึงการต่อสู้ที่เขาได้เห็นจากที่ราบสูงอย่างรวดเร็ว “ตอนที่ข้าน้อยเดินทางมาเพื่อรายงานข่าว ทหารม้าหนึ่งพันห้าร้อยนายของแม่ทัพเหย่ลี่สยงก็เสียชีวิตลงหลายร้อยคนแล้ว ส่วนที่เหลือก็ถูกกองทัพเถี่ยหลินสังหารเช่นกัน พวกเขาถูกปิดล้อมในชิงสุยกู่ พื้นที่อันเป็นหุบเขาแคบ”

คราวนี้หลี่จี้ขุยและนายทหารชั้นสูงตั่งเซี่ยงตระหนักได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครหัวเราะได้อีกต่อไป ใบหน้าของพวกเขาก็เริ่มตึงเครียด

ปัจจุบันพวกเขามีทหารม้าเพียงสามพันนาย คราวนี้พวกเขาส่งทหารม้าไปกว่าครึ่ง หวังโค่นกองทัพเถี่ยหลินให้สำเร็จในคราวเดียว

และครึ่งหนึ่งล้วนเป็นนายทหารผู้เกรียงไกร

หากมีอะไรผิดพลาดกับทหารม้าหนึ่งพันห้าร้อยนายนั่น ผลกระทบที่ตามมาจะร้ายแรงมาก

“เหย่ลี่สยงกินหญ้าเป็นอาหารรึ!? ยังจะมีกองทัพแบบใดที่กองทหารม้าของกองพันแนวหน้าไม่สามารถทะลวงผ่านได้อีก?”

หลี่จี้ขุยตบโต๊ะแล้วคำราม

“เรียนท่านแม่ทัพใหญ่ กองทัพเถี่ยหลินได้ขุดหลุมลึกบนพื้นมากมาย ตอนม้าศึกตกลงไป ขาของมันจึงได้รับบาดเจ็บและหัก”

ทูตด้านหงหลิงตอบอย่างระมัดระวัง “…กองกำลังแนวหน้าของเราไม่ได้เตรียมพร้อมเลยได้รับความเสียหายอย่างหนัก หลังจากนั้นพวกเราทั้งหมดก็ถูกกวาดล้าง!”

“แนวหน้าทั้งหมดถูกกวาดล้างไปแล้วหรือ?”

ข่าวนี้เหมือนกับค้อนหนักที่ทุบลงมาที่หลี่จี้ขุยอย่างแรง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์