บทที่ 75 ชื่อเสียงเลื่องลือในเมืองหลวง
ในเรือนเล็ก ๆ ด้านในของจวนชิ่งกั๋วกง ชิ่งจงซื่อมารดาของชิ่งไหวนั่งเย็บผ้าอยู่ริมหน้าต่างท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ นางกำลังเดินตะเข็บแต่ละเส้นอย่างตั้งใจ
ในขณะที่กำลังเย็บผ้า ก็มีหยดน้ำตาหยดลงบนเสื้อผ้าเรื่อย ๆ
“ฮูหยิน เหตุใดท่านถึงร้องไห้อีกแล้ว?”
สตรีวัยสามสิบกว่ารีบหยิบผ้าเช็ดหน้ามาช่วยซับน้ำตาชิ่งจงซื่อ “ท่านวางใจเถิด ท่านโหวมีโชคชะตาที่ดี ทุกอย่างจะเรียบร้อย”
นับตั้งแต่ผู้เป็นแม่รับรู้ว่าชิ่งไหวได้รับบาดเจ็บสาหัส ชิ่งจงซื่อก็เอาแต่ร้องไห้จนตาบวม
“ชุนเอ๋อ เจ้าไปสอบถามกับยามหน้าประตูทีว่าไหวเอ๋อร์ส่งจดหมายถึงข้าบ้างหรือไม่”
“รับทราบ อีกเดี๋ยวข้าจะไปสอบถามให้”
หญิงรับใช้พยักหน้าและเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา
วันนี้นางไปถามยามหน้าประตูมาหกเจ็ดครั้งแล้ว
“ไปตอนนี้เลย”
ชิ่งจงซื่อไม่อยากรออีกต่อไป
“ตกลง เช่นนั้น ท่านไม่ต้องร้องไห้แล้วนะ หากร้องไห้อีกดวงตาจะช้ำเอาได้”
หญิงรับใช้ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปอย่างจำใจ
หลังจากนางออกไปได้ไม่นานก็รีบร้อนกลับมา
ตัวนางยังมาไม่ถึง แต่เสียงกลับมาถึงเสียก่อน
“ฮูหยิน ฮูหยิน! ได้รับข่าวคราวของท่านโหวแล้ว!”
“จริงหรือ?”
ชิ่งจงซื่อรีบเดินออกมาจากห้อง “ไหนจดหมาย รีบนำมาให้ข้าเร็ว!”
“ไม่ใช่จดหมาย แต่เป็นนายทหารจากกองทัพเถี่ยหลิน เขากลับมารายงานเรื่องการทหาร ตอนนี้เขารอฮูหยินอยู่ที่เรือนน้ำชาทิงอวี่เซวียน”
หญิงรับใช้รายงานในขณะที่หอบหายใจอย่างหนัก
ชิ่งจงซื่อเป็นอนุภรรยาของชิ่งกั๋วกง นางจึงไม่ได้รับอนุญาตให้พบกับชายอื่น
ทว่าตอนนี้ชิ่งกั๋วกงเป็นคนออกปาก เช่นนั้น คงไม่ต้องมีพิธีรีตองมากนัก
อย่างไรก็ตาม ด้านหลังของจวนกั๋วกงยังมีสมาชิกหญิงคนอื่น ๆ อยู่ แม้ชิ่งกั๋วกงจะเป็นผู้เอ่ยปาก แต่มือชูธงก็ไม่สามารถเข้าไปยังเรือนด้านหลังได้ หญิงรับใช้จึงให้เขารออยู่ที่เรือนน้ำชาทิงอวี่เซวียน
เมื่อชิ่งจงซื่อได้ยินดังนั้น นางก็ไม่ได้สนใจเรื่องมารยาทหรือข้อห้ามและรีบวิ่งออกไปทันที
เมื่อวิ่งไปถึงประตูทิงอวี่เซวียนนางก็หยุดฝีเท้าลง
“ทำความเคารพฮูหยิน!”
นี่คือมารดาผู้ให้กำเนิดท่านโหว มือชูธงรีบคุกเข่าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ทำความเคารพอย่างนอบน้อม
“เจ้าลุกขึ้นเถิด” ชิ่งจงซื่อถามอย่างกังวล “ท่านโหวของพวกเจ้าส่งจดหมายมาให้ข้าหรือไม่?”
“ขออภัยฮูหยิน ทางเราไม่มีจดหมายมามอบให้ ตั้งแต่ท่านโหวได้รับบาดเจ็บเขาก็ยังไม่ฟื้นคืนสติ และในวันถัดไปชาวตั่งเซี่ยงก็บุกมาโจมตี…”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ! ชาวตั่งเซี่ยงมาบุกงั้นหรือ?”
ทันใดนั้น ใบหน้าของชิ่งจงซื่อก็ซีดลง นางยืนโซเซราวกับทรงตัวไม่อยู่และทำท่าจะล้มลง โชคดีที่หญิงรับใช้เข้ามาประคองเอาไว้ทัน
นางกลัวมากว่ามือชูธงผู้นี้จะนำข่าวร้ายกลับมาส่ง…
หลังจากลังเลอยู่นาน นางก็รวบรวมความกล้าเพื่อถามไถ่ “ไหวเอ๋อร์… เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ฮูหยินไม่ต้องกังวลใจไป ในวันที่ชาวตั่งเซี่ยงบุกมาโจมตี ท่านอาจารย์จินเป็นกังวลว่าที่สนามรบจะไม่ปลอดภัย จึงให้คนส่งตัวท่านโหวกลับมายังเมืองเว่ยโจว”
มือชูธงกล่าวต่ออีก “ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ได้พบกับท่านโหว แต่ก่อนจะกลับมายังเมืองหลวง ข้าได้เข้าไปที่เมืองเว่ยโจวเพื่อเข้าพบแม่ทัพฟ่านและสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ได้ความว่า อาการบาดเจ็บของท่านโหวทรงตัว ไม่มีอะไรที่น่ากังวล”
“เช่นนั้นก็ดี ๆ”
ชิ่งจงซื่อตบหน้าอกของนางเบา ๆ “ท่านอาจารย์จินทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ท่านโหวของเจ้าได้รับบาดเจ็บและหมดสติไปเช่นนี้ คงไม่ปลอดภัยหากเขายังรักษาตัวอยู่ที่แนวหน้า หากชาวตั่งเซี่ยงบุกเข้ามา… จริงสิ!ชาวตั่งเซี่ยงนำทัพมาโจมตีเรา… กองทัพเถี่ยหลินได้รับการสูญเสียครั้งใหญ่หรือไม่?”
“ไม่ได้รับการสูญเสีย เราไม่สูญเสียกำลังพลไปแม้แต่คนเดียว”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ มือชูธงก็เลิกคิ้วขึ้น “กองทัพเถี่ยหลินของเราได้รับชัยชนะจากการต่อสู้ ทันทีที่ชาวตั่งเซี่ยงบุกเข้าสู่ชิงสุยกู่ ท่านอาจารย์จินก็จัดการพวกเขาจนราบคาบทันที”
“พวกเจ้ารบชนะงั้นหรือ?”
ใบหน้าของชิ่งจงซื่อเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เดิมทีคุณชายใหญ่แห่งตระกูลเหอนำกองทัพเถี่ยหลินไปประจำอยู่ที่ชิงสุยกู่ นั่นเท่ากับว่ากองทัพเถี่ยหลินถูกล้อมรอบด้วยอันตราย ชิ่งไหวจึงได้รับบาดเจ็บสาหัสกลับมา
ในมุมมองของนาง เมื่อชาวตั่งเซี่ยงทำการโจมตี กองทัพเถี่ยหลินอาจต้องถึงกัลปาวสานเป็นแน่ นางคิดว่ามือชูธงกลับมายังเปี้ยนจิงเพื่อขอความช่วยเหลือเสียอีก


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์