ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน นิยาย บท 29

"เก็บเงินด้วย"

ซือลั่วหันไปกล่าวกับเสี่ยวเอ้อร์ "ข้ายืมใช้ครัวของร้านชั้นสูง และยังใช้วัตถุดิบที่นี่ด้วย ครึ่งตำลึงเงินนี้ไม่ต้องทอนแล้ว ส่วนป้ายร้านนั้น..."

ซือลั่วหัวเราะ "คนเราต้องรู้จักใจกว้างและให้อภัยผู้อื่น แม้ว่าร้านอันยิ่งใหญ่เช่นหอเทียนเซียงจะกลั่นแกล้งลูกค้า แต่ว่าข้าจะไม่มีเหตุผลก็ไม่ได้ ดังนั้นก็ช่างมันเถอะ”

หลังจากพูดจบนางก็หยิบกล่องอาหารและหันกายจากไป

โจวซืออี้กำนิ้วแน่นมีสีหน้าเขียวคล้ำและมองไปยังทิศทางที่ซือลั่วจากไป สีหน้าดำคล้ำจนแทบจะมีน้ำหยดออกมา

แค่นี้นางก็ถือว่าช่างมันแล้วงั้นหรือ นางทำเช่นนี้มากกว่าการปลดป้ายร้านของเขาไป

แท้จริงแล้วมันก็คือการเอาหน้าเขาไปเหยียบย่ำบนพื้นโดยสิ้นเชิง

ผู้ด๔แลร้านถงก็ชิมไปคำหนึ่งเช่นกันและรู้สึกว่าไม่เลวเลย อีกทั้งเมื่อสักครู่น้องชายผู้นี้ยังกล่าวถึงชื่ออาหารอื่นๆ ที่เขาล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อนอีก หากรั้งให้นางอยู่ก่อนแล้วซื้อสูตรอาหารล่ะก็ หอเทียนเซียงจะต้องโด่งดังอย่างแน่นอน

“คุณชาย ท่านไม่รั้งน้องชายผู้นั้นไว้หรือ”

โจวซืออิ้ยิ้มเยาะ “ไม่จำเป็น!” เขาไม่เชื่อว่าเมื่อไม่มีซือลั่วแล้วหอเทียนเซียงของเขาจะต้องปิดตัวลง

“แล้วจะทำเช่นไรกับป้ายร้านเล่า” เจ้าของร้านถงถาม

โจวซืออี้เค้นยิ้มอย่างเย็นชา "ยังไม่รีบไปหยิบมันมาอีก ในเมื่อทำอาหารออกมาไม่ได้ยังจะแขวนป้ายอะไรอีก!"

ซือลั่วถือกล่องอาหารพร้อมกับจากไป เดิมทีนางวางแผนที่จะขายสูตรอาหารให้กับหอเทียนเซียง แต่ว่าเจ้าของร้านหนุ่มผู้นั้นทำให้ผู้คนไม่ชมชอบอย่างแท้จริง คนใจคับแคบเช่นนั้นหากไปการค้าขายกับเขาตัวนางเองคงจะไม่ได้ผลดีอันใด เรื่องวันหลังคงไม่ต้องพูดถึงแต่ยังจะถูกเอาเปรียบอีกด้วย และซือลั่วมักจะรู้สึกว่าคนผู้นี้ทำตัวเป็นศัตรูกับนาง แต่มันก็เป็นเรื่องปกติในเมื่อนางไปก่อเรื่องไว้ ถ้าคนเขาไม่มองนางเป็นศัตรูสิถึงจะแปลก

โชคดีที่หอเทียนเซียงโหลวไม่ได้เป็นเหลาสุราเพียงแห่งเดียวในตำบลแห่งนี้ ทั้งนี้ ต่อให้ไม่มีเหลาสุราอื่นมาซื้อสูตรอาหารของนางอย่างมากนางก็แค่ต้องลำบากนิดหน่อยแล้วทำอาหารขายเพื่อให้สามารถเลี้ยงดูนางและเว่ยฉงซีได้

เมื่อคิดถึงตรงนี้ซือลั่วก็อารมณ์ดี

"แม่นางผู้นี้ได้โปรดหยุดก่อน"

ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งขัดจังหวะ

ซือลั่วหันศีรษะและเห็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่ข้างหลังนาง

นางมองกลับไปอย่างสงสัย รอบกายไม่มีคน คำว่า “แม่นาง” นี้ก็คือเรียกนางไม่ผิดแน่

ซือลั่วยิ้มและพูดว่า "ราคาของอาหารจานเย็นจานนี้จริงๆ แล้วเพียงแค่ไม่กี่เหวิน แต่ว่าของเช่นนี้ กินในฤดูร้อนจะดีที่สุดและยังทำจากวัตถุดิบในท้องถิ่นอีก อีกทั้ง...” 

นางยิ้มอย่างมีเลศนัย "วันนี้มันนับว่าเป็นที่รู้จักแล้วซึ่งจะต้องมีผู้คนมากมายอยากที่จะรู้ว่าอาหารที่ทำให้หอเทียนเซียงต้องปลดป้ายลงเป็นอะไรอย่างแน่นอน ท่านเจ้าของร้านเจียงรู้สึกว่ามันกลายเป็นมีค่าในทันใดหรือไม่”

เจ้าของร้านเจียงหัวเราะ "แค่มีสิ่งนี้คงไม่พอ ท้ายที่สุดมันก็เป็นแค่อาหารจานเย็น ไม่ใช่ของหรูหราสูงส่ง"

ซือลั่วกล่าว "ท่านเจ้าของร้านเจียงคิดหรือไม่ว่าเหตุใดหอจวี้เซียนจึงไม่ดีเท่าหอเทียนเซียง"

นางได้สอบถามเกี่ยวกับร้านอาหารทั้งหมดในตำบลแล้ว หอเทียนเซียงและหอจวี้เซียนใหญ่ที่สุด แต่กลับไม่เหมือนกันกับหอเทียนเซียง การค้าของหอจวี้เซียนเงียบเหงากว่ามาก

เจ้าของร้านเจียงกล่าวว่า "เนื่องจากหอเทียนเซียงมีปรมาจารย์แห่งการทำอาหารหวังจ้งจิ่วอยู่ พ่อครัวใหญ่จากร้านทุกสารทิศล้วนเป็นลูกศิษย์ของหวังจ้งจิ่วอีกด้วย”

ซือลั่วส่ายหัว "ใช่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด"

เจ้าของร้านเจียงมองไปที่ซือลั่ว เด็กสาวแรกรุ่นอายุสิบกว่าปีเมื่อกล่าวคำพูดคำจากลับมีความรู้สึกที่ไม่สอดคล้องกับอายุของนาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางพูดด้วยความมั่นใจอย่างยิ่งจึงทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะอยากฟังและตามนางไป

"ข้าอยากฟังมากกว่านี้" เจ้าของร้านเจียงรินชาให้ซือลั่วหนึ่งถ้วย

ซือลั่วจิบอึกหนึ่งก่อนที่จะเปิดปากอย่างช้าๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน