"เก็บเงินด้วย"
ซือลั่วหันไปกล่าวกับเสี่ยวเอ้อร์ "ข้ายืมใช้ครัวของร้านชั้นสูง และยังใช้วัตถุดิบที่นี่ด้วย ครึ่งตำลึงเงินนี้ไม่ต้องทอนแล้ว ส่วนป้ายร้านนั้น..."
ซือลั่วหัวเราะ "คนเราต้องรู้จักใจกว้างและให้อภัยผู้อื่น แม้ว่าร้านอันยิ่งใหญ่เช่นหอเทียนเซียงจะกลั่นแกล้งลูกค้า แต่ว่าข้าจะไม่มีเหตุผลก็ไม่ได้ ดังนั้นก็ช่างมันเถอะ”
หลังจากพูดจบนางก็หยิบกล่องอาหารและหันกายจากไป
โจวซืออี้กำนิ้วแน่นมีสีหน้าเขียวคล้ำและมองไปยังทิศทางที่ซือลั่วจากไป สีหน้าดำคล้ำจนแทบจะมีน้ำหยดออกมา
แค่นี้นางก็ถือว่าช่างมันแล้วงั้นหรือ นางทำเช่นนี้มากกว่าการปลดป้ายร้านของเขาไป
แท้จริงแล้วมันก็คือการเอาหน้าเขาไปเหยียบย่ำบนพื้นโดยสิ้นเชิง
ผู้ด๔แลร้านถงก็ชิมไปคำหนึ่งเช่นกันและรู้สึกว่าไม่เลวเลย อีกทั้งเมื่อสักครู่น้องชายผู้นี้ยังกล่าวถึงชื่ออาหารอื่นๆ ที่เขาล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อนอีก หากรั้งให้นางอยู่ก่อนแล้วซื้อสูตรอาหารล่ะก็ หอเทียนเซียงจะต้องโด่งดังอย่างแน่นอน
“คุณชาย ท่านไม่รั้งน้องชายผู้นั้นไว้หรือ”
โจวซืออิ้ยิ้มเยาะ “ไม่จำเป็น!” เขาไม่เชื่อว่าเมื่อไม่มีซือลั่วแล้วหอเทียนเซียงของเขาจะต้องปิดตัวลง
“แล้วจะทำเช่นไรกับป้ายร้านเล่า” เจ้าของร้านถงถาม
โจวซืออี้เค้นยิ้มอย่างเย็นชา "ยังไม่รีบไปหยิบมันมาอีก ในเมื่อทำอาหารออกมาไม่ได้ยังจะแขวนป้ายอะไรอีก!"
…
ซือลั่วถือกล่องอาหารพร้อมกับจากไป เดิมทีนางวางแผนที่จะขายสูตรอาหารให้กับหอเทียนเซียง แต่ว่าเจ้าของร้านหนุ่มผู้นั้นทำให้ผู้คนไม่ชมชอบอย่างแท้จริง คนใจคับแคบเช่นนั้นหากไปการค้าขายกับเขาตัวนางเองคงจะไม่ได้ผลดีอันใด เรื่องวันหลังคงไม่ต้องพูดถึงแต่ยังจะถูกเอาเปรียบอีกด้วย และซือลั่วมักจะรู้สึกว่าคนผู้นี้ทำตัวเป็นศัตรูกับนาง แต่มันก็เป็นเรื่องปกติในเมื่อนางไปก่อเรื่องไว้ ถ้าคนเขาไม่มองนางเป็นศัตรูสิถึงจะแปลก
โชคดีที่หอเทียนเซียงโหลวไม่ได้เป็นเหลาสุราเพียงแห่งเดียวในตำบลแห่งนี้ ทั้งนี้ ต่อให้ไม่มีเหลาสุราอื่นมาซื้อสูตรอาหารของนางอย่างมากนางก็แค่ต้องลำบากนิดหน่อยแล้วทำอาหารขายเพื่อให้สามารถเลี้ยงดูนางและเว่ยฉงซีได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ซือลั่วก็อารมณ์ดี
"แม่นางผู้นี้ได้โปรดหยุดก่อน"
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งขัดจังหวะ
ซือลั่วหันศีรษะและเห็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่ข้างหลังนาง
นางมองกลับไปอย่างสงสัย รอบกายไม่มีคน คำว่า “แม่นาง” นี้ก็คือเรียกนางไม่ผิดแน่
ซือลั่วยิ้มและพูดว่า "ราคาของอาหารจานเย็นจานนี้จริงๆ แล้วเพียงแค่ไม่กี่เหวิน แต่ว่าของเช่นนี้ กินในฤดูร้อนจะดีที่สุดและยังทำจากวัตถุดิบในท้องถิ่นอีก อีกทั้ง...”
นางยิ้มอย่างมีเลศนัย "วันนี้มันนับว่าเป็นที่รู้จักแล้วซึ่งจะต้องมีผู้คนมากมายอยากที่จะรู้ว่าอาหารที่ทำให้หอเทียนเซียงต้องปลดป้ายลงเป็นอะไรอย่างแน่นอน ท่านเจ้าของร้านเจียงรู้สึกว่ามันกลายเป็นมีค่าในทันใดหรือไม่”
เจ้าของร้านเจียงหัวเราะ "แค่มีสิ่งนี้คงไม่พอ ท้ายที่สุดมันก็เป็นแค่อาหารจานเย็น ไม่ใช่ของหรูหราสูงส่ง"
ซือลั่วกล่าว "ท่านเจ้าของร้านเจียงคิดหรือไม่ว่าเหตุใดหอจวี้เซียนจึงไม่ดีเท่าหอเทียนเซียง"
นางได้สอบถามเกี่ยวกับร้านอาหารทั้งหมดในตำบลแล้ว หอเทียนเซียงและหอจวี้เซียนใหญ่ที่สุด แต่กลับไม่เหมือนกันกับหอเทียนเซียง การค้าของหอจวี้เซียนเงียบเหงากว่ามาก
เจ้าของร้านเจียงกล่าวว่า "เนื่องจากหอเทียนเซียงมีปรมาจารย์แห่งการทำอาหารหวังจ้งจิ่วอยู่ พ่อครัวใหญ่จากร้านทุกสารทิศล้วนเป็นลูกศิษย์ของหวังจ้งจิ่วอีกด้วย”
ซือลั่วส่ายหัว "ใช่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด"
เจ้าของร้านเจียงมองไปที่ซือลั่ว เด็กสาวแรกรุ่นอายุสิบกว่าปีเมื่อกล่าวคำพูดคำจากลับมีความรู้สึกที่ไม่สอดคล้องกับอายุของนาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางพูดด้วยความมั่นใจอย่างยิ่งจึงทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะอยากฟังและตามนางไป
"ข้าอยากฟังมากกว่านี้" เจ้าของร้านเจียงรินชาให้ซือลั่วหนึ่งถ้วย
ซือลั่วจิบอึกหนึ่งก่อนที่จะเปิดปากอย่างช้าๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน
ไม่อัพแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลยT^T...
เข้ามารอต่อ....แอดจ๋าาาแซงคิวเรื่องนี้โหน่ยยยย พลีสสสส...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ สนุกมากๆ 🥹🥹...
แอดจ๋าาาต่อได้ไหมคะ พลีสสสสส TT~TT...
รอบนี้เว้นนานจังค่ะ 🥲ติดงอมแงม...
แอดจ๋าาาาาT^T...
เข้ามาส่องทุกวันT_T...
รอตอนใหม่อย่างมีความหวัง...
รออัพเดทตอน pls....
รออัพตอนใหม่ อย่างมีความหวัง 🥹...