ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน นิยาย บท 31

พอมีเงินแล้ว ซือลั่วก็คิดถึงเพียงแค่สามเรื่องเท่านั้นคือ อาหาร เสื้อผ้าและที่อยู่อาศัย!

ผ้าห่มและอื่นๆ ล้วนมีหมดแล้ว อาหารการกินสามารถไปซื้อวัตถุดิบได้ตลอดเวลา ซือลั่วมองดูเสื้อผ้าของเว่ยฉงซีที่ถูกนางทำเสียแล้ว อีกทั้งชุดที่เว่ยฉงซีใส่ก็ขาดมากเกินไป นางจึงตัดสินใจซื้อชุดให้เขา

ซือลั่วเดินไปที่ร้านขายเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง เถ้าแก่เนี้ยเป็นหญิงอายุสามสิบกว่า ดูฉลาดเฉลียวอย่างมาก พอเห็นซือลั่วก็รีบยิ้มทันที “นี่ไม่ใช่ซือลั่วหรือ ไม่มานานเลยนะ วันนี้ในร้านมีชุดมาใหม่สองสามแบบพอดี อยากดูหน่อยหรือไม่”

ซือลั่วส่ายหัวอย่างไม่แยแส "ข้าต้องการซื้อเสื้อผ้าบุรุษสองชุด"

แน่นอนว่านางดูออกว่าผู้อื่นพูดคุยกับนางอย่างจริงใจหรือเสแสร้งเพื่อต้องการจะดูเรื่องตลก

เถ้าแก่เนี้ยตกตะลึง เหลือบมองชุดบุรุษบนกายของซือลั่ว ในใจคิดว่าเจ้าโง่ซือผู้นี้กำลังจะทำอันใดอันใดแผลงๆ อีกถึงได้แต่งตัวเช่นนี้

“ไม่มีงั้นหรือ” ซือลั่วถาม

เข้าประตูแล้วนับเป็นแขก เถ้าแก่เนี้ยแน่นอนว่าคงไม่อยากเสียลูกค้าไป จึงชี้ไปทางเสื้อผ้าบุรุษสองชุดทันที

ซือลั่วส่ายหัว "ข้าต้องการชุดสำหรับบุรุษที่สูงประมาณนี้ สีเข้มนิดหน่อย ชุดแรกเนื้อผ้าต้องดี หากเป็นผ้าไหมจะดีที่สุด อีกชุดหนึ่งต้องการชุดที่ชาวนาทั่วไปใส่ก็พอ

เถ้าแก่เนี้ยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าซือลั่วดูเหมือนจะแตกต่างจากปกติ และมีความกดดันที่รุนแรงไม่น้อย

เถ้าแก่เนี้ยหยิบชุดมาสองชุด ชุดหนึ่งเป็นชุดคลุมผ้าไหมสีเข้ม อีกชุดเป็นชุดบุรุษแบบยาวทั่วไป ดูไปแล้วคล้ายชุดของบัญฑิตยากจนนิดหน่อย

ซือลั่วค่อนข้างพอใจ

"ราคาเท่าใด"

“สองตำลึง”

ซือลั่วเงยหน้าขึ้นมองเถ้าแก่เนี้ย สายตานี้มีความกดดันอย่างมาก จ้องจนเถ้าแก่เนี้ยรู้สึกร้อนตัว

ซือลั่วกล่าว "ในเมื่อเถ้าแก่เนี้ยทำการค้าขายไม่ซื่อสัตย์สุจริตถึงเพียงนี้ เช่นนั้นข้าก็ทำได้แค่ไปดูที่ร้านอื่นแทนแล้วกัน

หลังจากที่ซือลั่วกล่าวจบก็หันกายจากไป เถ้าแก่เนี้ยตกตะลึง ปกติแล้วนางต้องการเงินเท่าไหร่เจ้าโง่ซือก็ให้เท่านั้นไม่ใช่หรือ เหตุใดวันนี้เป็นเช่นนี้ได้เล่า

“ซือลั่ว!” เถ้าแก่เนี้ยพึ่งจะตะโกนออกมาซือลั่วก็ออกจากประตูไปแล้ว

เถ้าแก่เนี้ยรีบร้อนตามไป นางก็จากไปจนไม่เห็นเงาแล้ว

ซือลั่วเป็นคนค้าขาย แต่นางไม่ชอบพูดเรื่องการต่อรองราคาเพราะแค่เงินเพียงไม่กี่เหวิน นางมักจะพูดว่าการทำการค้ามีทั้งได้มาและเสียไป และไม่มีใครเป็นคนโง่ทั้งนั้น

เดินไปด้านหน้าไม่มีสิบเมตรก็ถึงร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปอีกร้านหนึ่ง มีเสื้อผ้าสำเร็จรูปมากกว่าร้อยแบบ ใหญ่กว่าร้านเมื่อครู่นั่นอย่างมากและเสื้อผ้าก็เยอะกว่าเช่นกัน

ซือลั่วแจ้งความต้องการเมื่อครู่นี้ ผู้ดูแลร้านจึงรีบหยิบเสื้อผ้าออกมาชุดหนึ่ง ชุดผ้าไหมยังดีกว่าร้านเมื่อครู่นั่น ส่วนชุดผ้าฝ้ายก็นำมาให้ซือลั่วเลือกสองชุด

ชุดหนึ่งเป็นสีน้ำเงินเข้มส่วนอีกชุดเป็นสีเทา ซือลั่วคิดถึงตอนที่เว่ยฉงซีสวมใส่แล้วก็เกิดความลังเล จึงเอามันหมดทั้งสองตัว

ผู้ดูแลร้านเบิกบานใจอย่างยิ่ง

"คุณชายมีสายตาที่ดี เสื้อเหล่านี้ล้วนเป็นแบบใหม่ของทางเรา บัญฑิตมากมายจากสถาบันศึกษาอวิ๋นอี้ล้วนมาซื้อของที่นี่ทั้งนั้น

ซือลั่วพยักหน้า "ราคาเท่าใด"

นายห้างคำนวณและพูดว่า "สามตัวสองตำลึง"

ซือลั่วยกเปลือกตาขึ้น

ผู้ดูแลร้านชี้ไปยังเสื้อผ้าไหมและกล่าวด้วยรอยยิ้ม "คุณชายอาจจะไม่ค่อยเข้าใจ ท่านลองสัมผัสเนื้อผ้าดูสิ"

ซือลั่วจึงลองสัมผัสดูและพบว่ามันหนาเล็กน้อย

ผู้ดูแลร้านกล่าวอีกว่า “ยังมีอีกสองตัวนี้ ทำจากผ้าฝ้าย ระบายเหงื่อได้ดี และมีความทนทาน ทั้งยังดูดีอีกด้วย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นฝ้ายจากท้องถิ่นทั้งนั้น

ซือลั่วพยักหน้าและตัดสินใจเอาทั้งสามตัวนี้

“ข้ายังต้องการรองเท้าอีกสี่คู่ ของสตรีสองคู่ ของบุรุษสองคู่”

ผู้ดูแลร้านยิ้มอย่างยินดี

“ทางร้านเราล้วนมีรองเท้ารูปแบบนี้ ร้านค้าด้านข้างนั่นก็เป็นกิจการของพวกเราเช่นกัน รูปแบบของที่นั่นมีความหลากหลายที่สุดแล้ว

“พรืด!” หนิงเจ๋อหัวเราะ “ท่านพี่จย่า ดูเหมือนว่าหญิงงามจะลืมท่านไปหมดแล้ว”

ท่านพี่จย่า

ซือลั่วตะลึงงันอยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นก็รู้แล้วว่าคนข้างหน้านี้คือใคร ไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนพูดว่าพบศัตรูบนทางแคบ คนด้านหน้าผู้นี้เทียบกับเว่ยฉงซีแล้วยังนับว่าเป็นบัณฑิตอ่อนแอที่ชอบพูดจาประชนประชันยิ่งกว่า เป็นคนที่เจ้าของร่างเดิมชื่นชอบจนยอมอยู่และตายเพื่อเขาได้อย่างซิ่วไฉจย่าผู้นั้น

ในใจของซือลั่วราวกับมีม้าโคลนหญ้า*นับหมื่นตัววิ่งผ่านไป (คำอธิบาย 草泥马 แปลตรงตัวว่าม้าโคลนหญ้า เป็นคำด่าของชาวจีน)

คิดในใจว่าเจ้าของร่างเดิมตาบอดอย่างแท้จริง คนผู้นี้นอกจากสองขาเดินได้แล้วมีจุดไหนที่เทียบกับเว่ยฉงซีได้หรือ แม้เขาจะนับว่ายังพอดูเกลี้ยงเกลาทว่าแค่มองรูปลักษณ์ภายนอกก็รู้แล้วว่าเป็นคนใจดำและเป็นบุรุษที่มีพื้นฐานครอบครัวมาจากชนบท

นอกจากนี้ตอนที่พูดจาด้วยท่าทีประชดประชันยังไม่มีความน่ารักเท่าเว่ยฉงซีด้วยซ้ำ ยังห่างชั้นกันถึงหนึ่งแสนแปดพันลี้

ตงซือเลียนแบบขมวดคิ้ว!* (คำอธิบาย 东施效颦 ตงซือเลียนแบบขมวดคิ้ว คล้ายสำนวนไทย เห็นช้างขี้ขี้ตามช้าง เป็นเรื่องราวของตงซือที่มีรูปลักษณ์ไม่งดงามที่อยากเลียนแบบหญิงงามแห่งยุคอย่างไซซี เมื่อไซซีอาการป่วยกำเริบนางจะเอามือกุมอกพร้อมกับขมวดคิ้ว ตงซือจึงเลียนแบบบ้างทว่าเมื่อผู้คนได้เห็นก็กลับกลายเป็นหวาดผวาแทน)

ซือลั่วมองซิ่วไฉจย่าอย่างเย้ยหยัน หัวเราะพร้อมกับส่ายหัวแล้วจึงหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

หนิงเจ๋อหัวเราะ "ท่านพี่จย่า ดูเหมือนว่าคนอื่นเขาจะลืมท่านไปเสียแล้ว"

ซิ่วไฉจย่ามีสีหน้าไม่พอใจ “ข้าไม่เหลียวแลสตรีเช่นนี้หรอก!”

หนิงเจ๋อสีหน้าดูแคลน ซิ่วไฉจย่าผู้นี้ก็เป็นแค่สวะผู้หนึ่งที่ทำตัวชั่วช้าเท่านั้น

กล่าวอย่างเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีถึงเพียงนั้น แต่ผู้ใดบ้างจะไม่รู้เล่าว่าเขาได้รับผลประโยชน์จากเจ้าโง่ซือมาไม่น้อย แต่ว่าวันนี้เจ้าโง่ซือผู้นี้ดูเหมือนจะแตกต่างออกไป

ใช่สิ นางจะซื้อชุดบุรุษไปมากมายถึงเพียงนั้นเพื่ออะไร หรือว่ามีคนใหม่อีกเรียบร้อยแล้วหรือ หนิงเจ๋อมองซิ่วไฉจย่าอย่างดูแคลนอีกครั้ง เหมือนว่าข้าวนิ่ม*ของซิ่วไฉจย่าจะกินไม่ได้อีกต่อไปแล้ว (软饭 แปลว่า ข้าวนิ่ม หมายถึงผู้ชายที่เป็นแมงดาชอบเกาะผู้หญิงกิน)

ซือลั่วไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อซิ่วไฉจย่าอีก เมื่อออกจากประตูก็โยนเขาออกจากหัวไปแล้ว

ตนเองเดินเล่นอยู่บนถนน ซื้อผักจำนวนหนึ่งก่อน เมื่อเห็นร้านขนมจึงเข้าไปดู

ในยุคนี้ขนมทานเล่นเป็นสิ่งที่ซับซ้อนเกินกว่าจะอธิบายได้ในคำเดียว แม้จะมีไม่กี่ชนิดแต่วิธีการทำก็ง่ายมาก ซือลั่วซื้อเพียงเค้กพุทราจีนไม่กี่ชิ้นก็จ่ายไปสิบกว่าเหวินแล้ว ราคาเช่นนี้ยังแพงกว่าเนื้อด้วยซ้ำ

ในหัวซือลั่วก็มีความคิดหนึ่งขึ้นมาอีกแล้ว แต่ยังไม่ต้องรีบร้อนทำวันนี้ นางเงยหน้าขึ้นมองร้านขนมที่มีชื่อว่าร้านขนมเหยาจี้ หลังจากจดจำชื่อแล้วซือลั่วก็ถือขนมเค้ก หยิบผักและหอบเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วกลับไปพร้อมกับประสบการณ์ที่เก็บเกี่ยวมาได้อย่างคุ้มค่า

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน