ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน นิยาย บท 35

ทั้งสี่คนสั่งซาลาเปาสิบห้าลูกกับโจ๊กสี่ชามซึ่งรวมเป็นเงินทั้งหมดสามสิบสี่เหวิน แต่ป้าไช่กลับดูเหมือนปวดใจกับอะไรสักอย่างอยู่จนบ่นตลอดเวลา

จนซือลั่วบอกให้นางกินข้าวนางจึงไม่อยู่อะไรอีก

ซือลั่วกินข้าวจากบ้านมาแล้วจึงกินโจ๊กเพียงชามเดียว ที่เหลือทั้งหมดล้วนให้หลิวต้าจู้

เป็นอย่างที่นางคิด ความจุในการกินของเขามีปริมาณมากเหมือนกับขนาดตัวของเขา

หลายคนกินจนพอใจ ซือลั่วจึงล้วงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ กระดาษในสมัยนี้มีราคาแพงมาก แน่นอนว่าซือลั่วไม่มีทางโง่ถึงขนาดซื้อด้วยตัวเอง กระดาษในมือของนางคือกระดาษที่เหลือจากการเขียนสูตรอาหารให้ผู้ดูแลร้านเจียงเมื่อวานนี้

นางใช้แท่งไม้ที่เผาไฟวาดภาพรถเข็นง่ายๆ หนึ่งภาพ

แล้วมอบให้กับช่างไม้หลี่

เมื่อช่างไม้หลี่ดูทีหนึ่งก็บอกว่าทำได้

ซือลั่วยิ้ม "ข้ายังต้องการเพิ่มบางอย่างอีกหน่อย"

เดิมทีซือลั่วคิดจะวาดออกมา แต่ทักษะการวาดภาพของนางย่ำแย่จนไม่สามารถอธิบายได้จึงได้แต่ยอมแพ้แล้วเปลี่ยนเป็นบรรยายด้วยคำพูดแทน

ช่างไม้หลี่ไม่พูดมาก เพียงแค่พยักหน้าให้ซือลั่วพูดต่อไป

ซือลั่วบอกความต้องการของตัวเองรอบหนึ่งแล้วถามว่า “ทำได้ไหม"

ช่างไม้หลี่ขมวดคิ้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินข้อเรียกร้องเช่นนี้ เขาเงยหน้าขึ้นมองซือลั่ว นางมีรูปลักษณ์ขาวเกลี้ยงเกลา เครื่องหน้าสะสวย ผมดำหนา และแต่งตัวไม่เลว ไม่เหมือนกับแม่นางเหล่านั้นในหมู่บ้านแต่เหมือนคุณหนูจากในเมืองมากกว่า เนื่องจากห่างกันไม่มากเขาจึงได้กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยมาจากตัวนาง

ช่างไม้หลี่อดไม่ได้ที่จะหน้าแดง แต่โชคดีที่เขาผิวคล้ำจึงมองเห็นไม่ชัดนัก

"ได้!" เมื่อเขากล่าวจบก็พูดเสริมว่า "ท่านพ่อของข้าทำได้ แต่คงต้องใช้เวลาสักพัก"

ซือลั่วยิ้ม "ดีมากเลย เช่นนั้นขอบคุณท่านพี่หลี่ด้วย"

ช่างไม้หลี่พยักหน้าโดยไม่รู้ตัว เขาคิดว่าเวลาที่นางยิ้มแล้วดูสวยจริงๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าแบบนี้สิจึงจะเรียนว่าสตรี หากตนเองสามารถแต่งคนเช่นนี้ได้ เขาจะต้องดีกับนางอย่างมากแน่นอน งานบ้านก็จะไม่ให้นางต้องทำแม้แต่น้อย”

“สิ่งนี้ให้ใครใช้หรือ” จู่ๆ ช่างไม้หลี่ก็ถาม

ถึงอย่างไรเขาก็ดูออกว่าของสิ่งนี้ที่ซือลั่วทำน่าจะให้คนที่ขาไม่ค่อยดีใช้

“เป็นญาติผู้หนึ่งของข้า" ซือลั่วตบโต๊ะหัวเราะ แต่ไม่ค่อยอยากให้คนอื่นรู้เรื่องในครอบครัวตนเองนัก

ช่างไม้หลี่ไม่ได้ถามคำถามใดๆ อีก

“จะทำเสร็จเมื่อไหร่หรือ” นี่คือสิ่งที่ซือลั่วกังวลที่สุด ถึงอย่างไรเว่ยฉงซีก็หนักเกินไปหากแบกเขาไปอีกไม่กี่วันเอวของนางคงได้หักเป็นแน่

ช่างไม้หลี่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ต้องใช้เวลาครึ่งเดือน"

ซือลั่วพยักหน้า ความต้องการที่นางบอกไปนั้นดีพอ สามารถทำเสร็จภายในครึ่งเดือนก็นับว่าเร็วแล้ว

เมื่อกินเสร็จซือลั่วก็จ่ายเงินมัดจำก่อนหนึ่งร้อยเหวิน บุตรชายของป้าไช่ทำงานอยู่ในเมือง ที่นางมาวันนี้ก็เพื่อเยี่ยมเยียนบุตรชาย ดังนั้นหลังจากบอกลาซือลั่วเสร็จจึงจากไป

ซือลั่วจะซื้อของอีกนิดหน่อย จึงห่อซาลาเปาจำนวนหนึ่งแล้วไปร้านขายชุดสำเร็จรูปตระกูลไป๋เมื่อวานนี้

เมื่อผู้ดูแลร้านเห็นนางก็ถามอย่างกระตือรือร้นว่าจะซื้ออะไร

ซือลั่วบอกขนาดของรองเท้า ผู้ดูแลร้านหยิบมาคู่หนึ่งอย่างรวดเร็ว ซือลั่วมองดู มันเป็นรองเท้าหุ้มแข้งคู่หนึ่งที่ฝีมือไม่เลว แต่เว่ยฉงซีเดินไม่ได้ สวมรองเท้าหุ้มแข้งไปก็ไม่มีประโยชน์

“ยังมีคู่อื่นอีกไหม” นางถาม

ผู้ดูแลร้านพยักหน้า และนำรองเท้าผ้าสองคู่จากร้านข้างๆ มาให้ มันทำด้วยมือทั้งหมด

“รองเท้าเหล่านี้ทำโดยชาวบ้านจากหมู่บ้านใกล้เคียงด้วยตัวเองทั้งหมดเพื่อหารายได้เล็กๆ น้อยๆ หากแม่นางอยากได้ล่ะก็ให้เจ้ายี่สิบเหวินพอ”

ซือลั่วมองดูแล้วรู้สึกว่ารองเท้าคู่นี้ไม่เลว หากเป็นโลกที่แล้วของทำมือราคาไม่ใช่น้อย แต่ขายนี้กลับขายเพียงแค่ยี่สิบเหวินเท่านั้น...

นางจ่ายเงินอย่างมีความสุข หยิบรองเท้าแล้วกำลังจะจากไป

ทันใดนั้นก็ราวกับคิดอะไรบางอย่างออกจึงถามว่า “มีพื้นรองเท้าไหม”

ผู้ดูแลร้านชะงัก "พื้นรองเท้าหรือ”

ไม่เคยได้ยินผู้ใดซื้อรองเท้าและพื้นรองเท้าด้วย

แต่เขากลับมารู้สึกตัวได้อย่างรวดเร็ว "แม่นางอยากสั่งทำเองหรือไม่”

ซือลั่วจึงบอกความคิดออกมา ผู้ดูแลร้านชะงักไปสองสามวินาที “รองเท้าแตะ?”

โจวซืออี้เดือดดาลอย่างมาก กล่าวว่าจะต้องจัดการซือลั่วให้ได้

ไป๋ซิวหย่วนไม่อยากดูเขาอารมณ์เสีย จากมุมมองของเขา เหตุการณ์เมื่อวานเป็นโจวซืออี้จัดการเรื่องนี้ได้ไม่ดี เดิมทีซือลั่วจะไล่ตามพวกเขา แต่เขากลับไม่อ่อนข้อจนล่วงเกินนางไปแล้ว หากนางจะนำสูตรอาหารไปขายให้หอจวี้เซียนก็ไม่มีตรงไหนไม่ถูกต้อง

ยิ่งกว่านั้นไป๋ซิวหย่วนไม่อยากประสบภัยพิบัตินี้จึงกลับมาก่อน ไม่คาดคิดว่าจะมาพบซือลั่วที่นี่ เมื่อดูท่าทีของนาง เห็นทีว่าคงยังไม่รู้ว่าโจวซืออี้โมโหจนใกล้จะเป็นบ้าแล้ว

ไป๋ซิวหย่วนอารมณ์ดี แม้ว่าโจวซืออี้กับเขาจะคบหากันมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ แต่ก็ถือว่าเป็นศัตรูคู่แข่งกัน หลายปีมานี้ตระกูลไป๋ของพวกเขาถูกตระกูลโจวกดข่มมาโดยตลอด เหล่าผู้เฒ่าในบ้านไม่พอใจมานานแล้ว

เพียงแค่คาดไม่ถึงว่าหอจวี้เซียนจะเคลื่อนไหวเร็วถึงเพียงนี้

ไป่ซิวหย่วนเฝ้าดูพวกเขาเป็นนกกับหอยที่ต่อสู้กันอย่างเป็นสุข เมื่อถึงเวลาเขาจะเป็นชาวประมง* (คำอธิบาย 鹬蚌相争 เป็นสำนวนจีนแปลว่า นกปากส้อมกับหอยต่อสู้กัน ชาวประมงได้รับผลประโยชน์ หมายถึง ทั้งสองฝ่ายต่างต่อสู้กันและไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่กัน ผลสุดท้ายกลายเป็นบุคคลที่สามที่รอฉกฉวยโอกาสคว้าเอาผลประโยชน์ไปแทน)

เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาก็หัวเราะเล็กน้อย ผู้ดูแลร้านเลี่ยวกับสี่เหนียงจ้องหน้ากันอย่างไม่ค่อยเข้าใจว่าเขาหัวเราะอะไร

“แม่นางเมื่อครู่ไปไหนแล้วหรือ” ไป๋ซิวหย่วนถาม

ผู้ดูแลร้านเลี่ยวกล่าว "ได้ยินว่าจะไปซื้อผ้า"

ผู้ดูแลร้านเลี่ยวพึ่งจะกล่าวจบ ไป๋ซิวหย่วนก็ออกไปแล้ว

ผู้ดูแลร้านเลี่ยวลูบเครา "คุณชายทำเช่นนี้หมายความว่าอันใด”

สี่เหนียงหัวเราะและพูดว่า "จะมีความหมายว่าอันใดเล่า แน่นอนว่าถูกตาต้องใจแม่นางผู้นั้นอย่างไรเล่า”

ผู้ดูแลร้านเลี่ยวส่ายหัว "แม่นางผู้นั้นมีคนในใจแล้ว"

ตอนนั้นเองที่สี่เหนียงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อสักครู่ซือลั่วซื้อรองเท้าบุรุษ

“เมื่อวานยังซื้อเสื้อผ้าตั้งสามชุดอีก ทั้งหมดล้วนเป็นชุดสำหรับชายหนุ่ม”

สี่เหนียงตกใจและสบตากับผู้ดูแลร้านเลี่ยว "คุณชายอาจจะไปซื้อผ้าเหมือนกันก็ได้”

"ถูกต้อง ต้องไปซื้อผ้าแน่"

หลังจากที่ทั้งสองคนพูดจบ ก็ถอนใจด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้

คุณชาย ท่านห้ามไปชมชอบหญิงที่แต่งงานมีสามีแล้วในดินแดนของเราโดยเด็ดขาดนะ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน