ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน นิยาย บท 38

หลังจากที่จงซิ่วหลิงจากไป ซือลั่วลุกขึ้นกำลังจะพยุงเว่ยฉงซีไปห้องปลดทุกข์ เว่ยฉงซีก็โบกมือ “ไม่ต้องแล้ว ตอนนี้ข้าไม่อยากไปแล้ว”

ซือลั่ว "..."

นางมองไปในทิศทางของจงซิ่วหลิง โดยไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเว่ยฉงซี

“เจ้ามีเงินหนึ่งร้อยตำลึงหรือ” เว่ยฉงซีถามทันที

ซือลั่วส่ายหัว "ในมือข้ามีไม่ถึงหนึ่งร้อยตำลึง แต่เจ้าลืมไปแล้วเหรอ เจ้าของร้านเจียงยังติดข้าอยู่หนึ่งร้อยตำลึงนะ"

เว่ยฉงซีไม่พูดอะไรอีก

เขารู้ดีว่าจงซิ่วหลิงเป็นสตรีแบบไหน สายตาของนางเมื่อสักครู่นั้นดูมีความมุ่งร้ายอย่างชัดเจน

ทำให้เว่ยฉงซีหยุดรั้งซือลั่วไว้โดยไม่รู้ตัว 

ซือลั่วคิดไปว่าเขากังวลว่าถ้าใช้เงินจนหมดแล้วจะไม่สามารถดำรงชีพได้จึงหยุดนางไว้

นางนั่งตรงข้ามเขาและพูดว่า "เจ้าวางใจ ข้าจะต้องนำกระบี่กับจี้หยกกลับมาอย่างแน่นอน เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน"

จู่ๆ เว่ยฉงซีก็มีความรู้สึกเหมือนกำลังกินข้าวนิ่ม* เขาหันศีรษะไปทางอื่น "ใครใช้ให้เจ้ามาเลี้ยงดูกัน” (คำอธิบาย 吃软饭 แปลตรงตัวว่า กินข้าวนิ่ม มีความหมายถึง ผู้ชายที่เป็นแมงดาเกาะผู้หญิงกิน)

ซือลั่วยิ้มอย่างโกรธเกรี้ยว "ดี ท่านอ๋องน้อยเว่ยมีความหยิ่งในศักดิ์ศรี เอาสิ อ้วกข้าวที่กินไปหลายวันนี้ออกมา  และถอดชุดที่สวมอยู่บนตัวออกมาให้หมด”

เว่ยฉงซี "..."

"ไร้สาระ!"

ถ้ารู้เร็วกว่านี้เขาคงคร้านที่จะสนใจหญิงรนหาที่ตายผู้นี้แล้ว

ทั้งสองปะทะฝีปากกันอยู่ครู่หนึ่ง ไม่คาดคิดว่าจงซิ่วหลิงจะกลับอีกรอบ ด้านหลังยังมีบุรุษร่างเล็กผู้หนึ่งตามมาด้วย อายุยี่สิบปีกว่า ปากแหลมแก้มตอบ ตัวผอมๆ ดำๆ ดวงตาคู่นั้นหลุกหลิกไปมา เมื่อสายตาตกอยู่บนร่างของซือลั่วก็ปรากฎเจตนาร้าย

ซือลั่วขมวดคิ้ว

เว่ยฉงซีก็มองไปที่ชายคนนั้นเช่นกัน ในที่สุดก็เข้าใจว่าเมื่อสักครู่จงซิ่วหลิงมีจุดประสงค์อะไร สายตาของเขากวาดมองไปทางจงซิ่วหลิงด้วยเจตนาที่อยากจะสังหาร

จงซิ่วหลิงรู้สึกได้ถึงสายตาชั่วร้ายที่จ้องมองมาที่ตนเอง ทำให้นางรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว ตอนที่นางมองไปรอบทิศกลับไม่พบอะไร

จึงลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

"น้องสาวซือลั่ว นี่คือลูกพี่ลูกน้องชายของข้า หลิวจง"

แค่ซือลั่วเห็นหลิวจงก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่คนดีอันใด ดังเหตุผลที่กล่าวว่ารูปนรลักษณ์เกิดจากนิสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายตาตอนที่หลิวจงจ้องมองนางทำให้นางรู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง

ซือลั่วพยักหน้าเบาๆ

หลิวจงถูไม้ถูมือ กลืนน้ำลายและพูดว่า "คุณหนูซือที่ต้องการซือกระบี่กับจี้หยกคืนใช่ไหม”

ซือลั่วพยักหน้า "ใช่"

หลิวจงหัวเราะเบาๆ "กล่าวตามตรงว่าของไม่ได้อยู่กับข้า แต่ถูกข้าขายให้หวังหยวนไว่ผู้หนึ่งจากทางตะวันตกของเมือง”

ซือลั่วรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดอาจไม่ใช่ความจริง

“ถ้าข้าต้องการซื้อคืนเล่า” ซือลั่วถาม

หลิวจงยิ้มอย่างมุ่งร้าย “ลูกพี่ลูกน้องหญิงของข้าก็พึ่งพูดไปเช่นเดียวกันใช่ไหม อย่างน้อยก็ต้องจ่ายหนึ่งร้อยตำลึงเงิน!"

“ได้ จะนำของมาได้เมื่อไหร่” ซือลั่วถาม

หลิวจงมีความสุข "คุณหนูซือ..."

"ฮูหยินเว่ย!" ทันใดนั้นเว่ยฉงซีที่เงียบมาโดยตลอดก็เปิดปาก

ตอนนี้หลิวจงพึ่งสังเกตเห็นเขา เขาเค้นเสียงในใจ ที่แท้ก็เกิดมารูปงามเพียงนี้ไม่แปลกใจที่ลูกพี่ลูกน้องหญิงของเขาจะคิดถึงเช้าจรดเย็น แต่ก่อนยังเกี้ยวพาราสีกับเขาและให้เขาเอารัดเอาเปรียบเป็นครั้งเป็นคราว แต่ลูกพี่ลูกน้องหญิงในตอนนี้แค่แตะก็ยังยอมไม่ให้เขาแตะต้อง

ไม่เพียงเท่านั้น คนพิการสมควรตายผู้นี้ยังหาภรรยาเยาว์วัยผู้เลอโฉมถึงเพียงนี้อีก ช่างเป็นการทำลายสิ่งของอย่างเสียเปล่าเสียจริง

เมื่อหลิวจงคิดถึงตรงนี้ ดวงตาของหลิวจงก็จวนจะติดอยู่บนกายซือลั่วแล้ว

ใบหน้าของซือลั่วเย็นเยียบยิ่งขึ้นไปอีก เว่ยฉงซีก้มหัวลงและเล่นถ้วยชาในมือ ทำให้คนอื่นมองไม่เห็นว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ในสายตาของหลิวจงกลับรู้สึกว่าเขาเป็นแค่คนขี้ขลาดตาขาวและไร้ความสามารถ

จงซิ่วหลิงเตะหลิวจงเขาจึงได้สติกลับมา และยิ้มด้วยใบหน้ามันแผลบ “ฮูหยินเว่ย ไม่เช่นนั้นเอาอย่างนี้ไหม ประเดี๋ยวข้าจะนัดหมายหวังหยวนไว่ แล้วพวกเราไปพบกันที่โรงน้ำชาทางตะวันตกของเมือง เมื่อถึงเวลาก็ค่อยยื่นหมูยื่นแมวเป็นอย่างไรเล่า” 

ซือลั่วรู้ว่าหลิวจงต้องมีเจตนาร้ายอย่างแน่นอน ไปทางตะวันตกของเมืองหรือ นางต้องจ่ายเงินไปแต่ไม่ได้ของแน่ ซือลั่วส่ายหัว “ข้าเป็นหญิงสาวตัวคนเดียวถือเงินไว้มากถึงเพียงนั้น คงจะวางใจไม่ได้”

หลิวจงคาดไม่ถึงว่านางจะมีสมองจึงกล่าวว่า “เช่นนั้นฮูหยินเว่ยคิดว่าควรจะเป็นที่ใด”

ตอนที่เขาพูดคำว่า “ใด” คิ้วก็ยักขึ้นอย่างสะเพร่าเลินเล่อ

จงซิ่วหลิงรีบกระแอมอย่างรวดเร็ว ลอบด่าหลิวจงในใจว่างี่เง่าใจร้อนเกินไปจนข่มใจไว้ไม่อยู่ หากถูกเจ้าโง่ซือมองออกขึ้นมามันจะได้ไม่คุ้มเสีย

หลิวจงยิ้มและระงับอารมณ์

“หอจวี้เซียนเป็นอย่างไร” ซือลั่วถาม

หลิวจงพยักหน้า ถึงอย่างไรสถานที่ที่เขาจะลงมือก็ไม่ใช่สถานที่ที่จะทำการแลกเปลี่ยนสินค้า ไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ไม่สำคัญ

“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ ข้ากลับไปเตรียมตัวก่อน พบกันตอนพลบค่ำที่หอจวี้เซียน” หลิวจงกล่าว

จงซิ่วหลิงกังวลอย่างมาก "น้องสาวซือลั่ว เจ้าจ่ายเงินมากขนาดนั้นได้จริงๆ หรือ”

“ข้ายังมีสินเดิมอยู่นิดหน่อยที่ตัดใจเอาออกมาไม่ได้โดยตลอด” ซือลั่วกล่าว

จงซิ่วหลิงตกใจ ดวงตาฉายแววอิจฉาริษยา คิดในใจว่า ตระกูลของเจ้าโง่ซือร่ำรวยดังคาดจริงๆ ผ่านมานานถึงเพียงนี้แล้วแต่ยังมีเงินอยู่อีก แต่ว่าอีกไม่นานเงินเหล่านี้และแม้แต่ตัวของนางเองก็จะกลายเป็นของผู้อื่นแล้ว

ซือลั่วเห็นการแสดงของนางในสายตาแต่ไม่ได้พูดอะไรมาก

“เช่นนั้นพวกเราไม่รบกวนแล้วน้องสาวซือลั่ว” จงซิ่วหลิงไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มมุมปากได้

หลังจากที่พวกเขาจากไป ซือลั่วก็นั่งอยู่ในลานบ้านพร้อมทั้งหน้านิ่วคิ้วขมวด

หลิวจงมีความคิดอะไรอยู่นางมองออกชัดเจน จงซิ่วหลิงก็ไม่ใช่คนดี กระบี่กับจี้หยกไม่น่าจะได้คืนกลับมาง่ายดายขนาดนั้นแน่ เพียงแต่ซือลั่วคาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะต้องการเงินมากถึงเพียงนี้ แต่ซือลั่วมักจะรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกประหลาด 

เมื่อเห็นนางกำลังคิดเรื่องราวอื่นอยู่เว่ยฉงซีก็ไม่พูดอะไร เขาตามบิดาไปอยู่ในค่ายทหารตั้งแต่เด็ก คุ้นเคยกับตำราพิชัยสงคราม ในอดีตก็ทำเป็นเพียงการทำสงคราม ภายหลังในตระกูลประสบภัยพิบัติเว่ยฉงซีจึงเริ่มศึกษาจิตใจของผู้คนโดยละเอียดมากขึ้น

ในขณะที่หลิวจงมองซือลั่วด้วยสายตาที่เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาร้าย เกรงว่ามันจะไม่ได้ง่ายดายเหมือนตอนต้องการเงินถึงเพียงนั้น

ทว่าเขาไม่ได้สนใจว่าสถานที่ที่ตกลงกันไว้อยู่ที่ไหน แต่กลับเขาจงใจกำหนดเวลานัดกันไว้เป็นช่วงพบลค่ำ ดังนั้นจึงเป็นไปได้มากว่าพวกเขาไม่ได้ลงมือที่สถานที่นัดหมายแต่เป็นทางตอนกลับต่างหากแต่เขาไม่สนใจว่าสถานที่ที่ตกลงกันไว้อยู่ที่ไหน แต่เขาจงใจกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้ในตอนเย็น ดังนั้นจึงเป็นไปได้มากที่พวกเขาไม่ได้เริ่มต้นจากสถานที่ที่ตกลงกันไว้ แต่กำลังเดินทางกลับ

เรือนของพวกเขาอยู่ใกล้ทางเหนือของเมือง แม้ว่าจะไม่ไกลจากหอจวี้เซียนมาก แต่ในยุคนี้มีแต่คนยากจน เมื่อถึงตอนค่ำบนถนนที่มืดมิดก็ไร้ผู้คน ซือลั่วเป็นหญิงสาวคนเดียว...

เว่ยฉงซีขมวดคิ้ว เจตนาสังหารพาดผ่านในดวงตา

ซือลั่วก็รู้สึกว่าหลิวจงผู้นี้มีความเป็นไปได้ว่าจะลงมือบนถนนเช่นเดียวกัน ส่วนจะปล้นทรัพย์หรือปล้นสวาทเกรงว่าอาจจะเป็นทั้งคู่ ยิ่งบวกกับจงซิ่วหลิงที่มีเจตนาก่อกวน หากนางถูกหลิวจงรังแกขึ้นมา ด้วยชื่อเสียงของเจ้าของร่างเดิมเกรงว่าต่อให้ร้องเรียกให้ใครมาช่วยเหลือก็คงไม่มีคนขานรับ

ดวงตาของซือลั่วเย็นเยียบอีกครั้ง

สองคนนี้เลวทรามต่ำช้าจริงๆ

เมื่อนางยืนขึ้นก็พบว่าเว่ยฉงซีกำลังมองนางอยู่

นางแสร้งทำเป็นผ่อนคลายและยิ้ม "เว่ยฉงซี จดจำคำที่เจ้าพูดไว้ด้วย หากนำกระบี้กับจี้หยกกลับมาได้เจ้าจะต้องให้โอกาสข้าสักครั้ง"

เดิมทีเว่ยฉงซีอยากจะรั้งซือลั่วไว้ไม่ให้นางไป แต่เมื่อสบกับดวงตาที่แน่วแน่ของซือลั่ว จู่ๆ เขาก็พูดไม่ออก

“อืม ข้าจำได้” เว่ยฉงซีพูดเสียงต่ำ

ซือลั่วยิ้มและเข้าไปในห้องครัวและหยิบมีดทำครัวออกมา แน่นอนว่าแค่นี้มันยังไม่เพียงพอ หลังจากซ่อมอยู่พักหนึ่งจนเตรียมการจนพอใจและเห็นว่าได้เวลาแล้วจึงเตรียมตัวออกเดินทาง

ในเวลานี้ดวงอาทิตย์ได้ลับขอบฟ้าไปทางทิศตะวันตกแล้ว เว่ยฉงซีมองดูท่าทางของซือลั่วที่มีอารมณ์ที่ทั้งเศร้าและฮึกเหิม

“ซือลั่ว!” จู่ๆ เว่ยฉงซีก็เรียกนาง

ซือลั่วหันกลับมา

เว่ยฉงซีเห็นใบหน้าของนางไม่ชัด เห็นเพียงด้านหลังของนางที่สาดแสงแดดเรืองรอง

ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มให้นาง "กลับมาเร็วๆ ล่ะ!"

"อืม!" เมื่อซือลั่วกล่าวจบก็หันกายออกไป

หลังจากที่ซือลั่วจากไป เว่ยฉงซีใช้มือเดียวจี้ศีรษะ มองดูลานบ้านที่ว่างเปล่าและทรุดโทรม และมองชุดใหม่ที่ซือลั่วทำให้เขาอีก ฝีมือเย็บปักถักร้อยของนางแย่มากจริงๆ คดเคี้ยวเลี้ยวลด และยังมีบางจุดที่เย็บพลาด แต่เมื่อมองในสายตาของเว่ยฉงซีกลับมีมิตรภาพที่เพิ่มมากขึ้นไม่น้อย

ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่ทั้งกายเขาล้วนมีแต่สิ่งของของหญิงผู้นี้ 

เขาขมวดคิ้ว มองไปที่สีของท้องฟ้า ครู่เดียวดวงอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าเสียแล้ว ท้องฟ้าและแผ่นดินล้วนมืดมิด สภาพแวดล้อมเงียบสงัด แต่เว่ยฉงซีกลับรู้สึกว่าหัวใจของเขาไม่เงียบงันอีกต่อไป

เขาถอนหายใจยาวๆ ลงมาจากเก้าอี้และคลานเข้าไปในห้อง

หลังจากนั้นไม่นาน หน้าต่างด้านหลังก็เปิดออกและปิดลงอีกครั้งด้วยความรวดเร็ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน