ซือลั่วยังคงแต่งกายด้วยเสื้อผ้าบุรุษ ไม่นานก็มาถึงหอจวี้เซียน
ในเวลานี้หอจวี้เซียนคราคร่ำไปด้วยผู้คนจึงไม่มีใครสังเกตเห็นนาง
ซือลั่วแจ้งเสี่ยวเอ้อร์ว่าต้องการพบเจ้าของร้านเจียง
เจ้าของร้านเจียงกำลังคำนวนบัญชีอยู่ และเมื่อได้ยินว่ามีคนมาหาก็ไม่แม้แต่จะยกเปลือกตาขึ้น "ใครกัน"
เสี่ยวเอ้อร์พูด "แซ่ซือขอรับ"
เจ้าของร้านเจียงตกตะลึง จากนั้นก็ยืนขึ้นทันที "เร็วเข้า เชิญเข้ามา"
เสี่ยวเอ้อร์พาซือลั่วเข้ามา ซือลั่วยิ้มและพูดว่า "เจ้าของร้านเจียง ธุรกิจเฟื่องฟูยิ่งนัก"
ซือลั่วคาดไม่ถึงว่าอาหารไม่กี่อย่างจะทำให้ธุรกิจของหอจวี้เซียนรุ่งเรืองถึงเพียงนี้ นางมองตอนเข้ามาจึงพบว่าเจ้าของร้านเจียงปราดเปรื่องมากจริงๆ แม้ว่าอาหารที่นางให้จะเป็นที่นิยม แต่อาหารประเภทนี้หากทุกคนกินทุกวันก็จะทำให้เบื่อเอาได้ เจ้าของร้านเจียงรวบรวมสูตรอาหารสองสามสูตรมาจากที่อื่นและทุกสามวันก็จะเปิดตัวอาหารจานใหม่ บวกกับอาหารแบบเดิมของหอจวี้เซียนนั้นไม่เลว เพียงแค่ถูกหอเทียนเซียงกดข่มมาโดยตลอดจนทำให้ทุกคนไม่รู้เท่านั้น
เจ้าของร้านเจียงรักษาลูกค้าได้จำนวนมากโดยอาศัยการสร้างความแปลกใหม่ แต่นี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาในระยะยาว อันที่จริงตำบลหย่วนซานแห่งนี้มีพ่อค้าผ่านทางมากมาย เมื่อคนกลุ่มนึงจากไปแล้ว กลุ่มต่อมาก็ยังคงไปที่หอจวี้เซียนอยู่ดี
เจ้าของร้านเจียงยิ้มและพูดว่า "เชิญนั่ง"
ซือลั่วนั่งลงโดยไม่มีพิธีรีตองมากนัก และพูดออกไปโดยตรง "เจ้าของร้านเจียง ข้ามารับเงินอีกหนึ่งร้อยตำลึงของข้า”
เจ้าของร้านเจียงไม่รอช้า หยิบตั๋วเงินออกมาจากตู้แล้วมอบให้ซือลั่ว
เมื่อซือลั่วรับมาถึงพบว่ายังมีตั๋วเงินร้อยตำลึงอีกห้าใบ
ซือลั่วยิ้มเก็บเงินหนึ่งร้อยตำลึงของตนให้เรียบร้อย จากนั้นจึงกล่าว "เจ้าของร้านเจียงนำมาเยอะไปหลายใบทีเดียว”
เจ้าของร้านเจียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม "นี่ต้องขอบคุณแม่นาง"
ซือลั่วสังเกตเห็นคำเรียกนางของเขาว่า "แม่นาง" จึงเข้าใจเจตนาของเขา
ผู้ดูแลร้านเจียงยังคงต้องการสูตรอาหาร แต่ทว่าเขาไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับนางและเว่ยฉงซี ดังนั้นาจึงแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่รู้จักตัวตนของนาง หากเป็นเช่นนี้แล้วถูกตรวจพบในภายหลัง เมื่อบอกว่าไม่รู้เขาก็จะไม่มีความผิด
ซือลั่วลดสายตาลงและคิดในใจว่า เจ้าของร้านเจียงดูเหมือนจะยิ้มแย้มและเข้ากับคนได้ง่าย แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่เสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะนี้ของเขานับว่าเฉียบขาดอย่างยิ่ง
"เจ้าของร้านเจียงต้องการสิ่งใดหรือ" ซือลั่วรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องพูดคำไร้สาระกับคนฉลาด นางกับเจ้าของร้านเจียงเกรงว่าอาจเป็นเพียงการคบหากันเพื่อซื้อขายในชั่วขณะเท่านั้น ท้ายที่สุดคงไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยวกับนาง
เจ้าของร้านเจียงรู้ว่าซือลั่วเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการสื่อจึงเขาถอนใจเบาๆ ในใจ คุณหนูสามซือผู้นี้ฉลาดเฉลียวจริงๆ ช่างน่าเสียดาย เขานึกได้ว่าชื่อเสียงของนางที่ไม่ดีมาโดยตลอดสามปีนี้เกรงว่าอาจจะเป็นแค่การแสร้งทำเพื่อเก็บงำประกายความสามารถ
ถ้าหากไม่ใช่เพราะสถานะของนางมีความพิเศษ เขาก็อยากจะร่วมมือกับนางต่อไปจริงๆ
เจ้าของร้านเจียงไม่มีพิธีรีตองและกล่าวโดยตรงว่า "เจ้าคงเห็นแล้วว่ากว่าหอจวี้เซียนจะโดดเด่นได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ข้าจึงอยากให้สถานการณ์เช่นตอนนี้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ”
ซือลั่วพยักหน้า ทำพวกเครื่องเคียงแต่ก่อนคงยังพอได้ ทว่าอาหารจานหลักไม่หรูหราจริงๆ
ซือลั่วสอดเงินห้าร้อยตำลึงไว้ในกระเป๋า นางรับเงินมาแล้วก็ต้องทำให้ได้ อีกทั้งตอนนี้นางขาดแคลนเงินอย่างแท้จริง
"กลับไปข้าจะเขียนให้ท่าน” ซือลั่วพูดจบและกล่าวเสริม "เจ้าของร้านเจียง เงินห้าร้อยตำลึงนี้ของท่านซื้อสูตรอาหารได้เพียงสองอย่างเท่านั้น”
เจ้าของร้านเจียงกล่าว "ยังมีอีกห้าร้อยตำลึง จะจ่ายหลังทดสอบอาหารแล้วประสบความสำเร็จ รวมเป็นอาหารสี่อย่าง และขอแม่นางมอบน้ำแกงให้หนึ่งอย่าง”
ซือลั่วมองดูและตกปากรับคำในที่สุด
เจ้าของร้านเจียงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
"ข้าจำเป็นต้องคิดใตร่ตรองดีๆ ข้าจะกลับมาอีกในห้าวันให้หลัง" ซือลั่วกล่าว
เจ้าของร้านเจียงพยักหน้า ซือลั่วลุกขึ้นยืน "ไม่ต้องส่งแล้ว"
กล่าวจบก็ออกไปทางด้านหลังเรือน
หลังจากที่ซือลั่วเข้าไปในห้องส่วนตัวที่จองไว้แล้ว เขาก็เห็นชายวัยกลางคนอ้วนท้วมนั่งอยู่ข้างๆ หลิวจง ตาสามเหลี่ยมคู่นั้นอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองซือลั่ว
ข้างหลังพวกเขาคือข้ารับใช้สองคนที่หวังหยวนไว่พามา
ซือลั่วนั่งลง
หลิวจงรินสุราจอกนึ่งให้ซือลั่ว “ฮูหยินเว่ย ท่านผู้นี้คือหวังหยวนไว่"
ซือลั่วพยักหน้าเล็กน้อยด้วยสีหน้าสงบ นางสัมผัสได้ถึงเจตนาร้ายของหวังหยวนไว่ แต่ยังโชคดีที่มีคนไม่น้อยและหอจวี้เซียนก็มีความสัมพันธ์ที่มีผลประโยชน์กับนาง ดังนั้นคนเหล่านี้คงไม่สามารถทำอะไรนางได้
“ของเล่า” ซือลั่วถาม
หวังหยวนไว่ยิ้มและโบกมือ ลูกน้องด้านข้างจึงนำกล่องยาวใบหนึ่งและกล่องเล็กใบหนึ่งออกมา
ซือลั่วกำลังจะเปิดแต่หวังหยวนไว่ก็เดินเข้าใกล้ตัวนางและกดมือนางไว้
ด้วยความตกใจซือลั่วจึงโยนมันทิ้งอย่างร้อนรนและลุกขึ้นยืนทันที
"เจ้าทำอะไร"
หวังหยวนไว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม "ฮูหยินเว่ยคงไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ เงินเล่า" ดวงตาของซือลั่วมืดมนพร้อมกับหยิบตั๋วเงินออกมาจากอกและคลี่มันออกให้พวกเขาดู "ตอนนี้ข้าดูของได้แล้วหรือยัง”
ดวงตาของซือลั่วมืดมนพร้อมกับหยิบตั๋วเงินออกมาจากอกและคลี่มันออกให้พวกเขาดู "ตอนนี้ข้าดูของได้แล้วหรือยัง”
หลิวจงเข้ามาไกล่เกลี่ย พูดด้วยรอยยิ้มว่า "แน่นอนว่าได้"
ซือลั่วเปิดกล่อง ภายในกล่องยาวมีดาบล้ำค่า ทั้งเล่มเป็นสีดำสนิท ดูแล้วมีน้ำหนักมาก มีลวดลายงดงามปราณีตสลักอยู่บนนั้น เดิมทีน่าจะมีอัญมณีล้ำค่าอยู่ที่ด้ามจับ แต่ไม่รู้ว่าถูกเอาออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่
และในกล่องเล็กด้านข้างเป็นจี้หยกสีขาวทรงกลมโปร่งใสแวววาว พอมองคราเดียวก็รู้ทันทีว่าเป็นของล้ำค่า เมื่อซือลั่วหยิบมันขึ้นมาก็เห็นว่าด้านหลังของจี้หยกสลักตัวอักษรเว่ยขนาดใหญ่อยู่หนึ่งตัว
นางมีความสุขมาก น่าจะเป็นของของเว่ยฉงซีไม่ผิดแน่
แต่ของทั้งสองชิ้นนี้มีราคามากกว่าหนึ่งร้อยตำลึงเงินอย่างแน่นอน แค่มองหวังหยวนไว่กับหลิวจงก็รู้ว่าพวกเขาเป็นคนเซ้าซี้มากแต่ช่างเกินคาดที่ตกลงกันได้ว่าจะขายในราคาหนึ่งร้อยตำลึง อาจเป็นเพราะพวกเขาไม่รู้จักประเมินราคาสินค้า แต่เห็นได้ชัดว่าแม้แต่นางก็ยังรู้ว่ามันมีราคา เช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ที่หวังหยวนไว่กับหลิวจงจะไม่รู้คุณค่าของของทั้งสองอย่างนี้
ซือลั่วเหลือบมองไปที่หวังหยวนไว่กับหลิวจง พอเห็นว่าทั้งคู่มีรอยยิ้มที่มุ่งร้ายนางก็เข้าใจ เกรงว่าสองคนนี้อาจมีแผนสำรองอยู่
นางยื่นตั๋วเงินให้หวังหยวนไว่ หวังหยวนไว่กลับไม่รับมันแต่ถูคางของตนเองด้วยรอยยิ้ม
หลิวจงยืนขึ้นและกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “หากฮูหยินเว่ยไม่ดื่มสุราการซื้อขายนี้ก็คงทำไม่ได้”
ซือลั่วขมวดคิ้ว มองไปที่จอกสุรานั้น สุรานี้ต้องมีอะไรบางอย่างเป็นแน่
เมื่อหลิวจงเห็นว่านางยืนนิ่งไม่ขยับก็ส่งสายตาให้หวังหยวนไว่ หวังหยวนไว่จึงกระแทกจอกสุราลงบนโต๊ะอย่างแรง “ในเมื่อฮูหยินเว่ยไม่จริงใจ เช่นนั้นก็ไม่ขายมันแล้ว”
ดวงตาของซือลั่วกวาดมองไปรอบๆ พวกเขา ในที่สุดก็ยกจอกสุราดื่มหมดในอึกเดียว
“ช่างกล้าได้กล้าเสียนัก” หวังหยวนไว่กล่าว
“ข้าไปได้แล้วหรือยัง” ซือลั่วถาม
"ได้แล้ว ฮูหยินเว่ยค่อยๆ ไป” กลอุบายต่ำช้าของหลิวจงดูเหมือนกันว่าจะบรรลุผลสำเร็จ
ซือลั่วสอดจี้หยกไว้ในอกและวิ่งออกไปพร้อมกับกอดกระบี่ไว้
หลังจากที่นางจากไป หวังหยวนไว่ก็ยืนขึ้น "หลิวจงคนในครั้งนี้ไม่เลว! เอาตามแบบเดิม คนเป็นของข้า ตั๋วเงินเป็นของเจ้า!"
หลิวจงเปลี่ยนท่าทีที่เป็นข้าทาสเมื่อสักครู่ทันที แสยะยิ้มอย่างต่ำช้า “ครั้งนี้เปลี่ยนกันหน่อย ข้าต้อองการคน!"
หวังหยวนไว่ผงะแต่แล้วก็หัวเราะ "ผู้กล้ายากจะผ่านด่านหญิงงามได้”
หลิวจงกล่าว “ไม่อย่างงั้นมาสนุกด้วยกันไหมเล่า ข้าได้ข่าวมาแล้ว พวกเขาไม่มีญาติอยู่ที่นี่สักคน สามีของนางเป็นแค่คนขาพิการ แม้แต่จะออกจากบ้านกก็ยังไม่ได้ ขอแค่ไม่ทำนางจนตายก็ไม่มีปัญหา”
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังรับปากลูกพี่ลูกน้องหญิงจงซิ่วหลิงไปแล้วด้วย
หวังหยวนไว่ยิ้มอย่างอัปลักษณ์มองไปทางลูกน้องทั้งสอง จากนั้นจึงมองไปทางหลิวจง "เช่นนั้นก็ทำด้วยกันเถอะ!"
…
ซือลั่ววิ่งออกไปที่ประตู พิงกำแพงและใช้มือล้วงคอของตนอย่างฉับพลัน พริบตาเดียวก็รู้สึกคลื่นไส้จึงอาเจียนน้ำย่อยในกระเพาะอาหารออกมาหลายครั้งอย่างรวดเร็ว นางล้วงคอซ้ำอีกหลายครั้งให้แน่ใจว่าอาเจียนสุราออกหมดแล้ว แต่แม้ว่าจะทำเช่นนี้แต่ซือลั่วก็ยังคงรู้สึกวิงเวียนศีรษะอยู่เล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน
ไม่อัพแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลยT^T...
เข้ามารอต่อ....แอดจ๋าาาแซงคิวเรื่องนี้โหน่ยยยย พลีสสสส...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ สนุกมากๆ 🥹🥹...
แอดจ๋าาาต่อได้ไหมคะ พลีสสสสส TT~TT...
รอบนี้เว้นนานจังค่ะ 🥲ติดงอมแงม...
แอดจ๋าาาาาT^T...
เข้ามาส่องทุกวันT_T...
รอตอนใหม่อย่างมีความหวัง...
รออัพเดทตอน pls....
รออัพตอนใหม่ อย่างมีความหวัง 🥹...