ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน นิยาย บท 40

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่” จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

ซือลั่วเงยหน้าขึ้นและเห็นชายผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า

โจวซืออี้!

ซือลั่วรู้สึกว่าโชคร้ายจริงๆ ที่ได้พบเขาในตอนนี้ นางไม่ต้องการพบเขา เพียงแค่อยากกลับบ้านโดยเร็วเท่านั้น

เมื่อโจวซืออี้เห็นนางเดินซวนเซดวงตาก็มืดครึ้ม แล้วคิดว่าซือลั่วช่างไร้ยางอาย และการแต่งตัวออกมาข้างนอกกลางดึกเช่นนี้จะต้องไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่

“ไร้ยางอาย!” โจวซืออี้เค้นเสียงอย่างเย็นชา

ซือลั่วกำลังรู้สึกไม่สบายจนกระวนกระวายใจ และไม่มีเวลามาเล่นลิ้นกับโจวซืออี้ ในความคิดของนางโจวซืออี้ไม่ได้ดีไปกว่าพวกหลิวจงเท่าไหร่นัก นางเงยหน้าขึ้นมองเขา "แล้วมันขวางทางเจ้าหรือเปล่า โง่เง่า!"

หลังจากจ้องเขม็งไปทางเขาทีหนึ่ง ซือลั่วก็หันกายจากไป

โจวซืออี้ที่ถูกเมินเฉยก็ไม่รู้ว่าด้วยเหตุอันใดแต่รู้สึกว่าซือลั่วช่างน่าชิงชัง ในใจลอบยินดีอย่างแท้จริงที่ตนดูนางออกจนถอนหมั้นไปตั้งแต่แรก

ทั้งที่เป็นบุตรสาวตระกูลซือเหมือนกัน แต่หวานหว่านช่างสุภาพเรียบร้อยและใจกว้าง ผิดกลับซือลั่วที่ช่างไร้ยางอายทั้งยังเลวทรามต่ำช้ามาแต่เกิดดังคาด 

รอจนเงาหลังของซือลั่วหายไปโจวซืออี้จึงกำลังจะกลับไปที่หอเทียนเซียง ทันใดนั้นบทสนทนาระหว่างคนสองคนที่อยู่ด้านข้างก็ดึงดูดความสนใจจากเขา

"เป็นทางนั้นไม่ผิดแน่!"

"แม่นางน้อยเดินค่อนข้างเร็วเลยทีเดียว แต่ถึงจะเร็วเพียงใดก็หนีไม่พ้นหรอก เป็นที่ถูกตาต้องใจของหวังหยวนไว่ถือว่าเป็นวาสนาของนางแล้ว!"

ทั้งสองหัวเราะสับปลับ

โจวซืออี้มองไปยังทางที่ทั้งสองเดินไปและขมวดคิ้ว

“คุณชาย เหตุใดจึงไม่เดินหรือขอรับ” เด็กรับใช้ที่อยู่ด้านข้างถาม

โจวซืออี้คิดอยู่ครู่หนึ่งและรู้สึกแคลงใจเล็กน้อย แต่เขาก็ปัดความรู้สึกนั้นทิ้งไปอย่างรวดเร็ว สตรีเช่นซือลั่ว พบเจอเรื่องแบบนั้นก็ถือว่าสมควรแล้ว ไม่แน่ว่านางอาจจะอยากได้จนใจแทบขาด

"ไปกันเถอะ!" โจวซืออี้เข้าไปในหอเทียนเซียง

สติซือลั่วเลือนรางไม่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ นางกอดกล่องเอาไว้พร้อมกับเดินซวนเซกลับไปด้วยการอาศัยความทรงจำเดิม

เสียงฝีเท้าจากด้านหลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ซือลั่วมองไปรอบๆ ตรอกที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน นางลังเลครู่หนึ่งแล้วจึงซ่อนตัวอยู่ในพุ่มหญ้าด้านข้าง

ทันทีที่นางเข้าไป สองคนจากทางด้านหลังก็มาถึงพอดี

“หายไปไหนแล้ว เมื่อครู่นี้ยังอยู่อยู่เลยไม่ใช่หรือ” คนผู้หนึ่งเอ่ยถาม

"สาวน้อยผู้นี้เก่งจริงๆ ดื่มวสันตโอสถไปเสียหมดแต่ยังหนีได้ไวถึงเพียงนี้อีก!"

“ตามนางไปเร็วเข้า หากพลาดเรื่องดีงามนี้ไปล่ะก็พวกเราจำต้องแบกรับผลที่ตามมาเป็นแน่”

ชายสองคนพูดและวิ่งตามไปข้างหน้า

ซือลั่วกอดกล่องแน่นไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ รอจนกระทั่งเสียงของทั้งสองคนนั้นห่างไปไกลนางจึงออกมาจากพุ่มหญ้า พึ่งจะออกมาก็มองเห็นรองเท้าสีดำสองคู่...

“เฮ้ พี่ใหญ่ เป็นดังที่ข้าพูดไว้จริงด้วย สาวน้อยผู้นี้ค่อนข้างเจ้าเล่ห์เลยทีเดียว!”

หนึ่งในนั้นบีบคางของซือลั่ว ซือลั่วถูกบีบจนรู้สึกเจ็บแล้วเอื้อมมือไปคิดจะล้วงมีดออกมาจากอก แต่ตอนนี้นางถูกวางยาจนสิ้นเรี่ยวแรง การเคลื่อนไหวจึงเชื่องช้า เพียงแค่ขยับมือก็ถูกบุรุษอีกผู้หนึ่งหยุดไว้ได้แล้ว

“หึหึหึ ก็แค่คนอารมณ์ร้อนผู้หนึ่งเอง แต่ต่อให้ร้อนไวแค่ไหนก็คงร้อนไม่ได้แล้วล่ะ เพราะสตรีที่เคยโดนหยวนไว่เล่นสนุกด้วยน่ะมีคนไหนบ้างที่ไม่ว่านอนสอนง่าย”

ทั้งสองหัวเราะ ซือลั่วรู้สึกว่าเสียงของพวกเขาหนวกหูมากราวกับมีเสียงสะท้อน และคนทั้งสองนี้ก็กลายเป็นสามคน สี่คน...

“ยาออกฤทธิ์แล้ว!”

“อย่าพูดไร้สาระ พาตัวไปเร็ว บางทีพอหยวนไว่เล่นสนุกจนพอใจแล้ว อาจจะมอบให้เราเชยชมต่อก็ได้”

ขณะที่ทั้งสองพูดอยู่ก็จะลากตัวซือลั่วไป

ทันใดนั้นเสียงของทั้งสองก็หยุดชะงักลงทันที

ซือลั่วรู้สึกว่าแรงที่จับตัวนางไว้หายไป นางเซไปด้านหนึ่งและล้มลงกับพื้น

เงาสองร่างปรากฏกายขึ้น

“เจ้าสี่ จัดการให้สะอาดสักหน่อย!”

เจ้าสี่พยักหน้าและมองไปที่คนสองคนบนพื้นอย่างโหดเหี้ยม "นายท่านเชิญไปก่อนได้เลย!"

ซือลั่วรู้สึกเหมือนถูกอุ้มขึ้นมา จากนั้นนางก็ได้กลิ่นที่คุ้นเคยซึ่งซือลั่วรู้สึกว่ามันหอมมาก นางจึงเอื้อมมือไปโอบกอดชายผู้นั้นแน่น เอนตัวเข้าไปพิงในอ้อมแขนของเขาอย่างสบายใจ และเอามือข้างหนึ่งสอดเข้าไปในชุดของเขา แล้วคลำไปที่หน้าอกของเขาอย่างสะเปะสะปะ

ท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ชายผู้นั้นเคลื่อนไหวเร็วมาก จู่ๆ ถูกนางจับตัวเช่นนั้นร่างกายจึงแข็งเกร็งและสีหน้าก็มืดครึ้มยิ่งขึ้น...

ซือลั่วจมอยู่ในความฝัน ตอนแรกนางยืนอยู่ท่ามกลางกองไฟ ร้อนจนอยากจะเปิดปากร้องทว่ากลับส่งเสียงออกมาไม่ได้ ต่อมานางก็กลายร่างเป็นแกะและถูกย่างอยู่บนกองไฟ จากนั้นนางก็กลายเป็นปลาตัวหนึ่งที่ใกล้จะขาดน้ำจนตาย เห็นได้ชัดว่าน้ำอยู่แค่ตรงหน้าแต่ทว่าเอื้อมไม่ถึงมัน

เว่ยฉงซีโยนนางลงบนเตียงอย่างรุนแรง มองดูใบหน้าที่แดงก่ำของนางพร้อมกับสติที่เลือนรางไม่ชัดเจน และริมฝีปากสีแดงสด ซือลั่วในขณะนี้ราวกับลูกท้อสุกงอมที่ส่งกลิ่นหอมกำจายยั่วเย้าผู้คน

เว่ยฉงซีขมวดคิ้ว รู้สึกปากคอแห้งผาก เขาดูเหมือนกระหายน้ำยิ่งกว่าซือลั่วเสียอีก

“โง่เง่า!” เว่ยฉงซีสบถเสียงต่ำ

ไม่รู้ว่าเจ้าสี่ปรากฏตัวเมื่อใด แต่แค่เขาเหลือบมองซือลั่วบนเตียงเพียงแวบเดียวก็ถูกเว่ยฉงซีจ้องเขม็งกลับมา

เจ้าสี่รีบเก็บสายตากลับมา คิดในใจว่าไม่ใช่ว่านายท่านไม่ชอบสตรีผู้นี้หรอกหรือ เหตุใดตอนนี้จึงได้เป็นห่วงเป็นใยนางถึงเพียงนี้

“นายท่าน จัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ!”

"เร็วถึงเพียงนี้เชียว"

ในที่สุดก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าทึ่มทื่อของเจ้าสี่ "นายท่านโปรดวางใจ รับรองว่าท่านจะต้องพอใจอย่างแน่นอน”

“ยาถอนพิษล่ะ” เว่ยฉงซีถาม

เจ้าสี่หยิบขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวออกมาจากอกแล้วมอบให้เขา จากนั้นจึงพูดราวกับไม่ได้ตั้งใจว่า "นายท่าน ความจริงแล้วเปลี่ยนวิธีการถอนพิษเป็นอีกแบบก็ได้เช่นกันนะขอรับ”

พูดจบก็หายวับไปจนไร้ร่องรอย

เว่ยฉงซีคีบขวดยาไว้ในมือ มองไปทางซือลั่วที่อยู่บนเตียงแล้วไล่สายตาลงมาจากแก้มของนางทีละน้อย... 

เว่ยฉงซีหยุดยั้งตัวเองได้ทันเวลา เขารินน้ำและนำเม็ดยาลงไปละลายเพื่อเตรียมกรอกให้ซือลั่ว

แต่ทันทีที่สัมผัสนางก็ถูกนางโอบกอดเอาไว้

“เว่ยฉงซี!”

ซือลั่วพึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา ประโยคนี้กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้อูฐหลังหักได้สำเร็จ

เว่ยฉงซีพลิกตัวขึ้นคร่อมซือลั่วที่กำลังโอบกอดเขาพร้อมกับจูบริมฝีปากของเขาอย่างเงอะงะ

เว่ยฉงซีหัวเราะเย้ยหยันและจูบตอบ เขาจุมพิตแก้มลงไปถึงลำคอของนาง แล้วยื่นมือออกไปฉีกเสื้อผ้าของนาง...

ทันใดนั้นก็มีกล่องใบหนึ่งกลิ้งออกมา เว่ยฉงซีหยุดการเคลื่อนไหว หยิบกล่องขึ้นมาและกำลังจะเปิด แต่ถูกซือลั่วเกี่ยวเอวจนเซล้มลงไปบนเตียง กล่องจึงร่วงหล่นลงไปเช่นกัน แล้วจี้หยกสีขาวชิ้นหนึ่งก็กลิ้งออกมา...

เมื่อมองดูจี้หยกชิ้นนั้น สติสัมปชัญญะของเว่ยฉงซีก็ถูกดึงกลับมาอย่างกะทันหัน เขาคิดได้ว่าบนร่างของเขายังคงแบกความอาฆาตแค้นเอาไว้อยู่

พอก้มหน้าลงไปมองซือลั่ว เว่ยฉงซีถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก

เพื่อจี้หยกชิ้นนี้แม้นางจะรู้ว่ามีอันตรายแต่ก็ยังยอมเสี่ยง คนที่เห็นได้ชัดว่ารักเงินมากถึงเพียงนั้นกลับตัดใจจ่ายเงินหนึ่งร้อยตำลึงได้...

ในหัวของเว่ยฉงซีปรากฎเศษเสี้ยวความทรงจำที่อยู่ด้วยกันกับซือลั่วพาดผ่านมาอย่างขาดๆ หายๆ ความทรงจำที่เลวร้ายตลอดช่วงสามปีที่ผ่านมา รวมถึงความผิดปกติของซือลั่วหลังจากตกลงไปในน้ำ

ในเวลานี้ซือลั่วพลิกตัวขึ้นคร่อมกายเว่ยฉงซีแล้วจุมพิตเขาอย่างเงอะงะ

เว่ยฉงซีผลักนางออกไป หยิบยาบนโต๊ะเทใส่ปากตนแล้วส่งเข้าปากของซือลั่ว...

ซือลั่วซึ่งพลิกไปพลิกมาเกือบทั้งคืนในที่สุดก็สงบลงและกอดผ้าห่มหลับไปอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว

เว่ยฉงซีที่อยู่ด้านข้างเล่นจี้หยกในมือ และทันใดนั้นก็หัวเราะ

"คืนชีพวิญญาณจากศพ!"

มิฉะนั้นเขาคงไม่สามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดซือลั่วจึงเปลี่ยนไปเป็นอีกคนที่จากเดิมอย่างสิ้นเชิงได้อย่างไร

เว่ยฉงซีออกมาจากห้องของซือลั่วและกลับไปที่ห้องของตนเองเพื่ออาบน้ำเย็น

เจ้าสี่ยืนอยู่นอกประตูและทันใดนั้นก็กล่าวว่า "นายท่าน ท่านจะลำบากเช่นนี้ทำไมกัน"

คนนอนอยู่ตรงหน้าแล้วกลับไม่ต้องการแต่กลับมาใช้มือแก้ด้วยตนเอง

เว่ยฉงซีไม่พูดไม่จา หลังจากนั้นไม่นานเขาจึงถามว่า "คนที่เฝ้าดูความเคลื่อนไหวข้าเล่า"

เจ้าสี่กล่าว "ข้าล่อเขาไปแล้ว แต่เขาจะต้องสงสัยอย่างแน่นอน นายท่านต้องเตรียมพร้อมให้ดี!"

เว่ยฉงซีสวมใส่ชุดเรียบร้อยจึงกล่าวว่า "เข้ามา"

เจ้าสี่เดินเข้าไปในห้อง มองดูเรือนโกโรโกโสแล้วขมวดคิ้ว ท่านอ๋องน้อยของเขาที่เติบโตมาในวังทองคำกลับต้องมาอาศัยอยู่ในสถานที่เช่นนั้น

เจ้าสี่กำลังคิดจะพูดหยอกล้อเรื่องเมื่อครู่เสียหน่อย แต่ความรู้สึกในใจกลับกลายเป็นหนักอึ้งและยิ่งขึงขังขึ้นไปอีก 

“เอายามาให้ข้า!” เว่ยฉงซีพูด

เจ้าสี่หยิบยาออกมาจากอกแล้วจึงกล่าว "นายท่าน มันไม่คุ้มค่าที่ท่านจะเสี่ยงอันตรายจนถูกเปิดโปงเพื่อสตรีผู้นี้นะขอรับ”

เว่ยฉงซีเหลือบมองเขาก่อนจะเอ่ยว่า "ถึงจะเป็นเพียงแค่ในนามแต่นางก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงของข้า หรือจะให้เบิกตาข้ามองดูตนเองถูกสวมหมวกเขียว*งั้นหรือ” (สวมหมวกเขียว หมายถึง ถูกผู้หญิงของตนเองนอกใจ)

เจ้าสี่พยักหน้าเชื่อเหตุผลของเขาชั่วคราวไปก่อน

“หลังจากยาออกฤทธิ์ท่านจะเคลื่อนไหวไม่ได้เจ็ดวัน หลังจากผ่านครานี้ไปองครักษ์เงาของจักรพรรดิจะต้องสงสัยอย่างแน่นอน ข้าน้อยต้องถอนตัวออกไปชั่วคราว หากท่านอ๋องน้อยมีธุระสามารถไว้วานซือลั่วให้ไปหาข้าที่ร้านเหยาจี้ได้ ขอเพียงกล่าวว่าต้องการเค้กถั่วเขียวข้าน้อยก็จะปรากฎตัวออกมา” เจ้าสี่พูด

"เค้กถั่วแดง!" เว่ยฉงซีพูดขึ้นมาทันที

เจ้าสี่สงสัยอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เข้าใจว่าท่านอ๋องน้อยคงไม่ชอบสีเขียวสินะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน