สรุปเนื้อหา บทที่ 43 – ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน โดย Internet
บท บทที่ 43 ของ ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน ในหมวดนิยายการเดินทางข้ามเวลา เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
หมอกงจับชีพจรของเว่ยฉงซี จากนั้นตรวจดูที่ขาของเขาอย่างละเอียด ท้ายที่สุดจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่มีปัญหาอะไร คุณชายเว่ยสุขภาพแข็งแรง เพียงแต่เคร่งเครียดเกินไป ควรคิดถึงเรื่องที่มีความสุขในวันธรรมดาให้มากหน่อย”
ซือลั่วยิ้มเย็น แต่ไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดใดบนใบหน้า
หมอกงยันกายลุกขึ้น ศิษย์ของหมอที่อยู่ด้านข้างรีบเข้ามาประคองแต่กลับ “ไม่ระวัง” ไปชนเข้ากับเก้าอี้ของเว่ยฉงซีจนพลิกคว่ำ เว่ยฉงซีล้มลงบนพื้น ศิษย์ของหมอจึงรีบเข้าไปพยุงอย่างลุกลี้ลุกลนจนเหยียบเท้าลงบนขาของเขาอย่างแรง
ซือลั่วกำหมัดแน่น ในใจแค้นจนคันฟันแต่กลับไม่มีทางเลือก เนื่องจากไม่กล้าเปิดเผยมันออกมา
“คุณชายเว่ย ขออภัย ขออภัยขอรับ!” ศิษย์ของหมอพูดพร้อมกับช่วยพยุงเว่ยฉงซีขึ้น
เว่ยฉงซีไม่แปลกใจ ทั้งยังไม่เศร้าเสียใจหรือโกรธเคือง
เมื่อหมอกงเห็นว่าขาของเว่ยฉงซีไม่มีความรู้สึกจริงๆ ก็มีรอยยิ้มแผ่ไปถึงในดวงตา
“คุณชายเว่ย ข้าต้องขออภัยจริงๆ ศิษย์ของข้าใจร้อนเกินไปจนล่วงเกินท่าน!”
ถึงปากจะกล่าวเช่นนั้น แต่บนใบหน้ากลับไม่มีความละอายใจแม้แต่ครึ่ง
ซือลั่วมองดูอย่างเยียบเย็น ในใจราวกับถูกคนเอาเข็มทิ่มแทงอย่างรุนแรง เมื่อมองท่าทีของเว่ยฉงซีนางก็เป็นทุกข์เกินจะทนไหว
การที่พวกเขาทำเช่นนี้มันเป็นการราดเกลือบนบาดแผลของเขา
"ไม่เป็นไร"
เว่ยฉงซีตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบและไม่กล่าวสิ่งใดอีก
เมื่อหมอกงกับศิษย์ของหมอออกไปด้านนอก ซือลั่วจึงตามออกไป
หลังจากออกจากประตูไปแล้ว หมอกงมองไปทางซือลั่วด้วยความประหลาดใจ "คุณหนูซือ นี่ท่าน..."
ซือลั่วยัดเศษเงินก้อนเล็กชิ้นหนึ่งใส่มือเขา หัวเราะแห้งๆ แล้วกล่าวอย่างกระบิดกระบวนและเอียงอายว่า "หมอกง ข้าอยากจะถามว่ามียาแบบนั้นหรือไม่"
หมอกงตะลึงงัน "ยาอะไร?"
"นั่นคือ…"
ซือลั่วชำเลืองมองที่ศิษย์ของหมอ ศิษย์ของหมอหลีกเลี่ยงออกไปอย่างรู้ความ แล้วเดินไปข้างหน้าหลายก้าว จากนั้นซือลั่วจึงกระซิบว่า "นั่นคือ...เฮ้อ...ข้าชอบบุรุษผู้หนึ่งจึงต้องการยาที่จะทำให้เขาชอบข้า!”
หมอกงยังนึกไปว่าตนเองได้ยินผิดไป เขาเบิกตามองซือลั่วหลายที เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับข่าวลือของซือลั่วมาก่อน ในช่วงสามปีที่ผ่านมาที่เขาให้การรักษาเว่ยฉงซี ถ้านางไม่ยืนพูดจาเยาะเย้ยถางถางเว่ยฉงซีอยู่ด้านข้างก็จะไม่อยู่ที่เรือนแทน กล่าวโดยสรุปแล้วนางไม่ใช่สตรีที่ตรงกับขนบธรรมเนียม อีกทั้งเรื่องที่นางมีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนกับซิ่วไฉผู้หนึ่งเขาก็ได้ยินมาไม่น้อย
ตอนนี้นางยังต้องการยาชนิดนี้อีก...
ซึ่งหมอกงไม่คิดว่านางจะใช้มันระหว่างนางกับเว่ยฉงซีอย่างแน่นอน
มืออ้วนท้วมของหมอกงลูบเคราของตนเอง “คุณหนูซือ นี่..."
ซือลั่วกล่าว "หมอกง ในฐานะที่พวกเรารู้จักกันมาตั้งหลายปี ท่านได้โปรดช่วยข้าเถอะ!"
ซือลั่วหักใจ และควักเหรียญทองแดงออกมาอีกหลายสิบเหรียญด้วยท่าทางยากจนและประจบประแจง ซึ่งทำให้หมอกงถึงกับขมวดคิ้วครั้งแล้วครั้งเล่า
“ข้าจะลองกลับไปหาดู!” หมอกงกล่าวแต่กลับไม่ยอมรับเหรียญทองแดงของนาง
ซือลั่วกล่าวอีกสองสามประโยคจึงจะกลับเข้าไป
ศิษย์ของหมอเข้ามาถามว่า "นางต้องการอะไร"
หมอกงโค้งคำนับและกล่าวด้วยความเคารพนอบน้อมว่า "นี่มัน..."
ศิษย์ของหมอขมวดคิ้ว
หมอกงกล่าวอย่างรีบร้อน "ยากำหนัด!"
ศิษย์ของหมอคาดไม่ถึงเช่นกันว่าซือลั่วจะไร้ยางอายได้ถึงเพียงนี้ ยังไม่ทันได้พูด หมอกงก็กล่าวเสริม "นอกจากนี้ น่าจะไม่ได้ใช้กับเว่ยฉงซีอย่างแน่นอน!"
ศิษย์ของหมอเข้าใจอย่างรวดเร็ว จากนั้นใบหน้าของเขาก็แสดงอาการขยะแขยง "ให้นาง!"
"ขอรับ!"
ทั้งสองกลับไปถึงโรงหมอ เมื่อเข้าไปในห้องด้านในแล้ว ศิษย์ของหมอก็ถาม “ขาของเว่ยฉงซีเป็นอย่างไร"
หมอกงกล่าว "ไร้ประโยชน์โดยสมบูรณ์ วันนี้ข้าจงใจใช้เข็มเงินแทงจุดลมปราณของเขาอีกด้วย หากมีความรู้สึกอยู่จะต้องทนไม่ได้อย่างแน่นอน แต่เขาไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าขาของเขาใช้การไม่ได้อย่างแท้จริง”
ขณะที่หมอกงเอ่ย ในใจกลับเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม คนพวกนี้นี่จริงๆ เลยเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ไปแล้วก็ยังลองหยั่งเชิงตลอดอยู่ได้ แล้วยังไม่ฆ่าทิ้งไปอย่างเด็ดขาดอีก เดาไม่ออกจริงๆ ว่าพวกเขาคิดสิ่งใดอยู่
ศิษย์ของหมอคิดถึงเหตุการณ์ที่ผู้สอดแนมถูกล่อให้ไปที่อื่นเมื่อวานนี้ก็เกิดข้อกังขาในใจ หรือว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญงั้นหรือ
ขณะที่คิดอยู่หมอกงก็เริ่มปรุงยาด้วยรอยยิ้มที่ร้ายกาจบนใบหน้า
เว่ยฉงซีพูดอีกว่า "ข้าออกไปจากลานแห่งนี้ไม่ได้ชั่วชีวิต!"
หลังจากพูดจบก็กลับไปที่ห้อง ซือลั่วยืนอยู่ที่เดิมเป็นเวลานานโดยไม่ได้สติกลับมา นางเกือบจะลืมไปแล้วว่าในพระราชโองการของจักรพรรดิเขียนว่าเว่ยฉงซีไม่สามารถออกจากลานแห่งนี้ได้เว้นแต่เขาจะตายเท่านั้น
แต่ก่อนซือลั่วเคยคิดว่าเว่ยฉงซีถูกความอาฆาตพยาบาทบดบังจนดวงตามืดบอด อ่อนไหวและขี้ระแวงจนเกินไป ทว่าตอนนี้นางเริ่มเข้าใจเขามากขึ้นนิดหน่อยแล้ว
แต่ต่อให้จะพูดอย่างไร ผู้ที่ไม่ได้โดนฝ่ามือตบลงบนใบหน้าก็คงไม่เข้าใจถึงความเจ็บปวดนั้นหรอก
ไม่ได้ประสบกับความยากลำบากของอีกฝ่ายด้วยตัวเอง ก็ไม่ควรเอ่ยคำว่าสามารถเข้าใจอีกฝ่ายได้อย่างถ่องแท้ออกมาตลอดไป
ซือลั่วนึกว่าตนเองจะสามารถเข้าใจเว่ยฉงซีได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านางจะไร้เดียงสาเกินไป อีกทั้งแต่ก่อนนางยังคิดว่าจะพาเขาหนีไปจากที่นี่หลังจากหาเงินได้เพียงพอ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความคิดแบบนี้ช่างน่าขันและอ่อนต่อโลกเหลือเกิน
ในเมื่อจักรพรรดิไว้ชีวิตเขา ก็เป็นเพราะต้องการจะควบคุมเขาเอาไว้ในกำมือ
บริเวณโดยรอบนี้ ก็ยังไม่รู้ว่ามีสายตากี่คู่ที่กำลังจับจ้องอยู่
ซือลั่วเงยหน้าขึ้นมองกำแพงสูง ที่แห่งนี้ราวกับสุสานคนตายอย่างแท้จริงที่เอาไว้กักขังเว่ยฉงซีทั้งยังกักขังนางเช่นเดียวกัน
นางเข้าไปในห้องครัวและนวดแป้งบะหมี่ด้วยน้ำอุ่น จากนั้นสับไส้โดยหั่นมันฝรั่งและกุยช่ายเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่หัวหอม เติมเครื่องปรุงรส เติมเกลือ เติมน้ำมัน จากนั้นจึงรีดแป้งให้แบน สำหรับซาลาเปาที่ไม่ขึ้นฟูจะต้องรีดแป้งให้บางมากๆ เมื่อทำเช่นนี้พอนึ่งออกมาจึงจะมีความหนึบและอร่อย...
หลังจากใส่ซาลาเปาในหม้อแล้ว ซือลั่วก็ผสมบะหมี่เย็นในตอนเช้าและมองไปที่อาหารบนโต๊ะ ฉับพลันก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับได้กลับไปยังยุคปัจจุบัน
นางดึงทึ้งศีรษะและอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องราวในชาติที่แล้ว
บิดามารดาของซือลั่วหย่าร้างกันตั้งแต่นางยังเด็ก เนื่องจากบิดาไปมีหญิงอื่นนอกบ้าน มารดาของนางจึงต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูนาง เดิมทีซือลั่วคิดจะหาเงินให้ได้มากกว่านี้เพื่อทำให้มารดาได้ใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายอย่างสงบสุข ใครเลยจะคาดคิดว่าโรคร้ายที่มาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยจะทำให้มารดาต้องจากโลกนี้ไปในช่วงเวลาครึ่งปีอันแสนสั้น
หลังจากที่มารดาของซือลั่วจากไป นางก็เกิดความรู้สึกว่าตนเองล้วนถูกคนทั้งโลกทอดทิ้ง ท้ายที่สุดญาติเพียงหนึ่งเดียวของนางในโลกใบนี้ก็ได้จากไปแล้ว คนที่รักและทะนุถนอมนางมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ มารดาที่มอบทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีที่สุดให้แก่นางเสมอได้จากไปแล้ว
ตั้งแต่นั้นมาซือลั่วก็เหลือเพียงตัวคนเดียว
ไม่มีคนคอยมาใส่ใจว่านางปวดกระเพาะหรือไม่อีกต่อไป หรือจะหาแฟนหนุ่มได้หรือไม่ แม้กระทั่งนางตายไปก็คงไม่มีใครมาเสียใจเพราะนาง
ซือลั่วคิดถึงเว่ยฉงซี เขาก็คงจะมีความรู้สึกแบบนั้นเช่นเดียวกันกับตัวนางเอง
เขาพึ่งจะอายุยี่สิบปี สามปีก่อนอายุเพียงแค่สิบเจ็ดปีเท่านั้น...
ซือลั่วยืนขึ้นและเดินไปทางห้องของเว่ยฉงซี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน
ไม่อัพแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลยT^T...
เข้ามารอต่อ....แอดจ๋าาาแซงคิวเรื่องนี้โหน่ยยยย พลีสสสส...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ สนุกมากๆ 🥹🥹...
แอดจ๋าาาต่อได้ไหมคะ พลีสสสสส TT~TT...
รอบนี้เว้นนานจังค่ะ 🥲ติดงอมแงม...
แอดจ๋าาาาาT^T...
เข้ามาส่องทุกวันT_T...
รอตอนใหม่อย่างมีความหวัง...
รออัพเดทตอน pls....
รออัพตอนใหม่ อย่างมีความหวัง 🥹...