ซือลั่วหัวเราะเสียงดัง รู้สึกดีขึ้นเหลือจะพรรณนา
นางเปลี่ยนชุดและออกมา แล้วจึงนำอาหารที่ห่อกลับจากเหลาสุราวางลงบนโต๊ะ "วันนี้ข้าขี้เกียจทำอาหาร เจ้ากินนี่สิ!"
เว่ยฉงซีมองดูจานเนื้อสองอย่าง อาหารมังสวิรัติหนึ่งอย่าง และยังมีสุราหนึ่งกา กับเนื้อวัวราดซอสอีกหนึ่งจาน
เมื่อซือลั่วเห็นว่าเขาไม่ขยับ จึงวางตะเกียบไว้ในมือของเขา "รีบกินหน่อย ถ้าช้าจะไม่เหลือแล้วนะ”
หลังจากกล่าวจบก็คีบเนื้อชิ้นหนึ่งยัดเข้าปากโดยไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์
เว่ยฉงซีหิวมานานแล้ว พอเห็นนางกินแบบนี้เขาจะทนได้อย่างไร จึงหยิบตะเกียบขึ้นมากินทันที
อาจเป็นเพราะกับข้าวค่อนข้างอร่อย ทั้งสองจึงไม่พูดคุยอะไรสักคำ อาหารบนโต๊ะก็ถูกกวาดหมดจนเรียบวุธอย่างรวดเร็ว
ซือลั่วลูบท้องและโห่ร้องออกมาอย่างสุขใจ จากนั้นรินสุราให้ตนเองกับเว่ยฉงซีคนละถ้วย "มา ชนสักแก้ว ดื่มฉลองที่วันนี้พวกเรามีเนื้อกิน!"
เว่ยฉงซีรับถ้วยสุรามาและดื่มหนึ่งอึก "วันนี้เจ้าออกไปทำอะไร"
ซือลั่วตกใจพร้อมกับกระพริบตาใส่เขา "ข้าออกไปเดินเล่น!"
เมื่อเว่ยฉงซีเห็นว่านางยิ้มอย่างมุ่งร้าย ทันใดนั้นก็เกิดความสนใจเล็กน้อย "ที่ไหน"
"มันเป็นถนนสายหลักน่ะ" ขณะพูดซือลั่วก็ชำเลืองมองเว่ยฉงซี แต่เว่ยฉงซีกำลังยกถ้วยดื่มน้ำจึงดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ซือลั่วจึงกล่าว "เจ้าเคยออกไปข้างนอกไหม"
เว่ยฉงซีส่ายหัว "ไม่เคย"
ซือลั่วไม่สามารถอธิบายความรู้สึกในใจได้ว่าเป็นอย่างไร และในใจก็คิดว่าหากเขาเป็นเช่นนี้มันจะแตกต่างอะไรกับการอยู่ในคุก
…
ซือลั่วหยิบกระดาษกับพู่กันออกมา คิดในหัวครู่หนึ่งและเขียนตัวอักษรออกมาสักสองสามตัว เมื่อเว่ยฉงซีเห็นตัวอักษรของนาง เขาแทบจะหมดสนุก "นี่เจ้าเรียกสิ่งนี้ว่าตัวอักษรหรือ”
ซือลั่วพยักหน้า นางใช้พู่กันเขียนอักษรไม่เป็น เขียนได้ขนาดนี่ก็นับว่าดีมากแล้ว
เว่ยฉงซีเหลือบมองนางหลายที ยิ่งมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่านางไม่ใช่ซือลั่ว แม้ว่าซือลั่วคนก่อนจะมีชื่อเสียงไม่ค่อยดี นิสัยก็แย่ ทว่านางมีข้อดีอยู่หนึ่งอย่างก็คือเขียนตัวอักษรได้ดีอย่างมาก นี่ต้องยกความดีความชอบให้กับอัครเสนาบดีซือเทียนอี้ เนื่องจากซือเทียนอี้เป็นทั่นฮวาในปีนั้นและด้วยลายมือที่งดงามจึงได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิ เขาค่อนข้างภูมิใจในเรื่องนี้ฉะนั้นจึงเชิญอาจารย์ผู้มีความเชี่ยวชาญมาสอนวิธีเขียนอักษรให้แก่บุตรและบุตรีของตนตั้งแต่ยังเด็ก เหล่าคุณชายกับคุณหนูแห่งจวนตระกูลซือต่างก็มีความสามารถในการเขียนตัวอักษรจีนได้ดีทีเดียว แต่คนเบื้องหน้าผู้นี้...
เว่ยฉงซีหรี่ตา พร้อมทั้งคิดในใจว่าตกลงนางโผล่มาจากที่ใดกันแน่ ถึงจะมีข้อบกพร่องไม่น้อยก็ช่างมันเถิด แต่ยังเขียนตัวอักษรได้น่าเกลียดถึงเพียงนี้อีก
เมื่อซือลั่วถูกเขาถามก็นึกอะไรขึ้นมาได้ นางจึงหดคอ พอเว่ยฉงซีเห็นท่าทางเช่นนี้ของนางก็รู้ว่านางกำลังคิดหาเหตุผลอยู่ จึงกล่าว "เป็นเพราะตกน้ำจนสมองได้รับการกระทบกระเทือนใช่หรือไม่”
ซือลั่วพยักหน้า "ใช่ ช่วงนี้ข้ามักจะปวดหัวตลอด ความจำก็ไม่ค่อยดีนัก..."
ขณะที่นางพูดก็เงยหน้าขึ้นและสังเกตเห็นว่าเว่ยฉงซีกำลังจ้องมองนางด้วยรอยยิ้มที่ราวกับไม่ยิ้ม
ซือลั่วหัวเราะแห้งๆ "คือว่า ข้ายังต้องเขียนอักษรต่ออีกนะ”
อันที่จริงซือลั่วรู้สึกเสียใจภายหลังเล็กน้อย หากรู้แต่แรกก็คงเขียนอยู่ในห้องของตนเองไปแล้ว แม้ว่าผู้ดูแลร้านเจียงจะรู้ว่านางเป็นใครแต่ก็ไม่ได้รู้จักนางดี ดังนั้นต่อให้คราวก่อนนางจะเขียนตัวอักษรน่าเกลียดมากแค่ไหน ผู้ดูแลร้านเจียงก็คงไม่พบอะไร
แต่เว่ยฉงซีใช้ชีวิตอยู่กับเจ้าของร่างเดิมเป็นเวลาสามปีแล้ว เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าลายมือของนางมีลักษณะอย่างไร
ชั่วขณะนั้นซือลั่วไม่รู้จะพูดอะไรดี จึงก้มศีรษะลงพร้อมกับจับพู่กัน ด้วยความสั่นเทาจึงทำให้น้ำหมึกหยดลงบนกระดาษเซวียนจื่อสีขาวจนเปรอะเปื้อนหมึกสีดำหนึ่งหยด ซือลั่วมองไปที่จุดสีดำนั้น ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ขัดหูขัดตาจนไม่สามารถเขียนตัวอักษรออกมาได้แม้แต่ตัวเดียว
"ข้าสอนเจ้าไหม"
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เว่ยฉงซีคว้ามือข้างหนึ่งของนางขึ้นมา มือของเขาใหญ่มาก เมื่อกุมมือนางไว้ อุณหภูมิจากฝ่ามือก็ทะลุผ่านผิวหนังและไหลซึมเข้าสู่กระแสเลือด เรี่ยวแรงของเขาเยอะมากจนทำให้นางขยับไม่ได้ แต่ทว่าทั้งสองอยู่ใกล้กันมากจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
ซือลั่วกลั้นลมหายใจ
"มือต้องจับพู่กันแบบนี้ อย่าออกแรงตอนลงพู่กันมากเกินไป ดังเช่นตอนนี้!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน
ไม่อัพแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลยT^T...
เข้ามารอต่อ....แอดจ๋าาาแซงคิวเรื่องนี้โหน่ยยยย พลีสสสส...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ สนุกมากๆ 🥹🥹...
แอดจ๋าาาต่อได้ไหมคะ พลีสสสสส TT~TT...
รอบนี้เว้นนานจังค่ะ 🥲ติดงอมแงม...
แอดจ๋าาาาาT^T...
เข้ามาส่องทุกวันT_T...
รอตอนใหม่อย่างมีความหวัง...
รออัพเดทตอน pls....
รออัพตอนใหม่ อย่างมีความหวัง 🥹...