ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน นิยาย บท 48

เดิมทีจงซิ่วหลิงรู้สึกว่าตนเองถูกตบหน้าจนไม่น่ามอง จึงรู้สึกอายหากจะไปเยี่ยมเว่ยฉงซี แต่เมื่อไปถึงหน้าประตูจู่ๆ นางก็มีความคิดหนึ่งในใจ 

หลังจากกลั่นกรองอารมณ์ครู่หนึ่ง จงซิ่วหลิงก็กุมใบหน้าพร้อมกับเข้าไปในลานบ้านด้วยน้ำตาที่ไหลอาบเต็มใบหน้า

เว่ยฉงซีกำลังนั่งแหย่ซือฮวาอยู่บนเก้าอี้ เมื่อเห็นใบหน้าของจงซิ่วหลิงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและน่าสงสารก็ปรากฎความแคลงใจในดวงตา แต่ในไม่ช้าเขาก็นึกออกว่าวันนี้ซือลั่วออกไปข้างนอก หรือว่าจะเป็นฝีมือของนาง

เป็นไปไม่ได้ ซือลั่วจะไปตบตีคนโดยตรงอย่างใจกล้าบ้าบิ้นเช่นนี้หรือ แม้ว่าพฤติกรรมของนางจะมุทะลุเล็กน้อย แต่เรื่องตบตีคนถือว่าไม่เลวเลย ใบหน้าของจงซิ่วหลิงบวมไปหมดและเสื้อผ้าขาดวิ่น พอสตรีผู้นี้ทะเลาะวิวาทขึ้นมาก็ยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างแท้จริง

เมื่อเห็นเว่ยฉงซีมองดูนาง จงซิ่วหลิงก็ยิ่งร้องไห้ให้น่าสงสารขึ้นไปอีก “พี่เว่ย ข้า..."

"หืม?"

เว่ยฉงซีมองนางอย่างสงสัย "ใบหน้าเจ้าเป็นอะไรไป"

น้ำตาของจงซิ่วหลิงไหลพรากไม่หยุดหย่อน "ล้วนเป็นเพราะน้องสาวซือลั่ว..."

ซือลั่วผล็อยหลับไปในห้อง ตอนที่ตื่นขึ้นมาก็ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของจงซิ่วหลิงพอดี นางจึงเดินไปที่ประตูและมองลอดออกไปทางรอยแยกของประตู เห็นเพียงใบหน้าของจงซิ่วหลิงบวมฉึ่ง ทั้งร่างเปรอะเปื้อนฝุ่น เสื้อผ้ายับยู่ยี่และผมเผ้ายุ่งเหยิงอย่างยิ่ง นางยิ้มออกมาทันที เจ้าขอทานน้อยทำงานได้มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมมาก

วันนั้นที่หอจวี้เซียน ซือลั่วสอบถามเสี่ยวเอ้อร์อย่างชัดเจนแล้วว่าหลิวจงอยู่ที่ใด ในเมื่อหลิวจงก็อยู่ที่นั่นเช่นเดียวกัน จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะสอบถามข้อมูลของเขา

ในตอนเที่ยง ซือลั่วไปเดินเล่นแถวนั้นรอบหนึ่ง ถนนการค้าคึกคัก ซือลั่วไปร้านน้ำชากับเหลาสุราไม่กี่แห่ง รวมทั้งร้านค้าเล็กๆ โดยรอบแล้วสอบถามเล็กๆ น้อยๆ ก็ทราบเรื่องราวความสัมพันธ์ในครอบครัวของหลิวจงอย่างแจ่มแจ้ง หลังจากนั้นนางยังเห็นหวังหยวนไว่กำลังออกมาซื้อของพอดีอีกด้วย

ชั่วขณะนั้นซือลั่วก็มีแผนการ ตอนเดินไปถึงทางแยกและเห็นเจ้าขอทานน้อย จึงรู้ว่ามีขอทานมากมายในตำบลหย่วนซาน และเจ้าเด็กน้อยผู้นี้จะต้องเป็นหัวหน้าอย่างแน่นอน ในเมื่อสามารถครอบครองตำแหน่งของการขอทานที่ดีที่สุดได้อย่างเกียจคร้านเอื่อยเฉื่อยโดยที่ไม่มีใครกล้าแตะต้องเขา หากหัวหน้าไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นผู้ใดได้อีก

ดังนั้นซือลั่วจึงลองให้เงินเจ้าสุนัขเพื่อให้เขาไปกระจายบทละครงิ้วเล่นๆ ดูโดยเน้นบริเวณบ้านของหวังหยวนไว่เป็นหลัก

เจ้าขอทานตัวน้อยทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก สามารถกระจายจากสิบเป็นร้อยได้ พริบตาเดียวถนนเส้นทั้งนั้นก็มีผู้คนมากมายที่กำลังวิพากวิจารณ์บทละครเรื่องนี้จนไปเข้าหูหวังซิ่งฮวาเช่นเดียวกัน

ซือลั่วรู้ดีว่าหากจงซิ่วหลิงไม่เห็นนางแล้วจะต้องไปหาหลิวจงเพื่อขอความช่วงเหลืออย่างแน่นอน จึงเรื่องธรรมดามากที่จะไปประสบพบเจอหวังซิ่วฮวาที่กำลังโกรธจัด

เพียงแต่ซือลั่วไม่คาดคิดว่าหลิวจงจะไม่ได้กลับบ้านมาทั้งคืนจนกลายเป็นการราดน้ำมันใส่กองเพลิงให้หวังซิ่งฮวา

แน่นอนว่าผู้ที่เป็นคนริเริ่มทำให้หลิวจงไม่ได้กลับบ้านทั้งคืนกำลังนั่งมองดูจงซิ่วหลิงอยู่ในลานบ้านอย่างเงียบเชียบ

เว่ยฉงซีขมวดคิ้ว "เกิดอะไรขึ้นกับซือลั่วอีกแล้วหรือ”

จงซิ่วหลิงกล่าวอย่างคับข้องใจ "น้องสาวซือลั่วไม่กลับบ้านมาทั้งคืน ข้าเป็นห่วงนางจึงไปสอบถามที่ร้านค้าของลูกพี่ลูกน้องชายข้า ไม่คาดว่าลูกพี่ลูกน้องชายจะไม่อยู่ที่นั่น พี่สะใภ้บอกว่าลูกพี่ลูกน้องชายก็ไม่กลับมาทั้งคืนเช่นเดียวกัน นางนึกว่าสตรีผู้นั้นที่อยู่กับลูกพี่ลูกน้องชายและหวังหยวนไว่คือข้า ดังนั้นจึงตบตีข้า...”

จงซิ่วหลิงยิ่งเล่าก็ยิ่งคับข้องใจ แต่นางก็ยิ่งคับแค้นใจจริงๆ ที่นางต้องถูกตบแทนซือลั่ว

“ผู้ใดบอกว่าซือลั่วไม่ได้กลับมาทั้งคืน” ทันใดนั้นเว่ยฉงซีก็เอ่ยปาก

จงซิ่วหลิงยังไม่ทันได้ทำความเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร นางก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร

“พี่เว่ย แม้ว่าน้องสาวซือลั่วทำเรื่องที่ที่ผิดต่อท่าน แต่นางทำไปก็เพื่อกระบี่กับจี้หยกของท่าน พี่เว่ย ได้โปรดยกโทษให้นางด้วย ตอนนี้ข้าจะไปถามลูกพี่ลูกน้องชายของข้า อย่างมากก็แค่ไปบ้านของหวังหยวนไว่ด้วยตัวเองเพื่อตามหาซือลั่ว..."

"น้องสาว?"

จงซิ่วหลิงกำลังกล่าวอย่างขะมักเขม้น พอเงยหน้าขึ้นกลับเห็นซือลั่วกำลังอยู่เบื้องหน้านางพร้อมกับมองดูนางด้วยความประหลาดใจอยู่

จงซิ่วหลิงตกใจราวกับเห็นผี นางโพล่งออกมาว่า "ซือลั่ว เจ้า...กลับมาแล้วหรือ"

ซือลั่วไม่พูดไม่จา เพียงแค่มองไปที่นาง หลังจากเฝ้าดูอยู่พักหนึ่ง นางก็ยื่นมือออกมา "โถโถ พี่สาวจง เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหรือ เหตุใดจึงร้องไห้จนเป็นเช่นนี้"

จากนั้นนางก็หันกายไปทางเว่ยฉงซีและพูดอย่างโกรธเคืองว่า "เป็นเจ้าที่รังแกพี่สาวจงใช่หรือไม่”

เว่ยฉงซีโบกมือและกล่าวสองคำว่า "ไม่ใช่!"

ซือลั่วมองไปทางจงซิ่วหลิงอีกครั้ง "พี่สาวจง เป็นเว่ยฉงซีที่รังแกเจ้าใช่หรือไม่"

จงซิ่วหลิงส่ายหัว "ไม่...ไม่ใช่..."

นางเหลือบมองซือลั่วหลายทีและเห็นว่านางแต่งชุดเต็มยศ จึงอดสงสัยไม่ได้ "น้องสาว เจ้ากลับมาเมื่อไหร่หรือ"

ซือลั่วตกใจราวกับไม่เข้าใจในสิ่งที่นางพูด

“พอได้รับกระบี่กับจี้หยกคืนมาข้าก็กลับมาตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้ว”

จงซิ่วหลิงขมวดคิ้ว ลืมแม้กระทั่งการปกปิดความตกใจ "เป็นไปไม่ได้ ตอนที่ข้ามาเมื่อเช้านี้เจ้ายังไม่อยู่อยู่เลย!"

"ข้านำปิ่นทองของมารดาไปจำนำกับออกไปซื้อของกินเล็กน้อย..."

คำพูดที่ซือลั่วกล่าวออกมา จงซิ่วหลิงฟังไม่เข้าหูแม้แต่น้อย นางกำลังคิดในหัวว่า ที่แท้ซือลั่วก็กลับมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว นางบังคับให้ตนเองสงบเยือกเย็นแล้วย้อนคิดถึงเรื่องราววันนี้อีกรอบ ที่แท้เว่ยฉงซีก็แค่พูดตามน้ำนางไปว่าซือลั่วไม่อยู่ ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเขาสองสามีภรรยาจะกำลังปั่นหัวนางอยู่เพื่อทำให้นางขายหน้า พอนึกถึงคำพูดเหล่านั้นที่ตนเองเล่าต่อหน้าเว่ยฉงซี ตอนนี้ดูไปแล้วช่างน่าขันยิ่งนัก

จงซิ่วหลิงรู้สึกทั้งอับอายทั้งโมโห สายตาที่มองซือลั่วเต็มไปด้วยความอาฆาตอย่างไม่ปิดบัง

ซือลั่วก้าวถอยหลังด้วยความตกใจ "พี่สาวจง ตกลงว่าเจ้าเป็นอะไรไปกันแน่ เหตุใดถึงมองข้าเช่นนี้เล่า"

"ไม่เป็นไร!" จงซิ่วหลิงหันกายจากไป นางรู้สึกว่าตนเองถูกหลอกแล้ว

“พี่สาวจง เจ้าดูไม่ค่อยดี ต้องการให้ข้าไปส่งหรือไม่เล่า...” ซือลั่วกล่าวเสียงดัง

จงซิ่วหลิงหันกลับมามองนาง นางกำลังคิดว่าเจ้าโง่ผู้นี้ไม่รู้จริงๆ หรือว่าจงใจกันแน่

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่นางดูไม่ได้โง่ถึงเพียงนั้นอีกต่อไป

ซือลั่วแสดงท่าทีกังวลอย่างมาก "พี่สาวจง เหตุใดเจ้าถึงมองข้าด้วยสายตาเช่นนี้เล่า ข้ากลัวนะ..."

จงซิ่วหลิงไม่กล่าวอะไรและหันกายออกไปจากประตู

หลังจากที่นางจากไป ซือลั่วก็ปรบมือ พร้อมกับมองด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นเดินไปที่ประตูและลงกลอน

เมื่อหันกลับมาก็พบว่าเว่ยฉงซีกำลังหรี่ตามองนางพร้อมกับสีหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม

ซือลั่วเต็มไปด้วยรอยยิ้ม "เจ้ามองข้าเช่นนี้ทำไมกัน"

นางไม่เคยลืมว่าแต่ก่อนเว่ยฉงซีแทะโลมนางอย่างไร

ถูกต้อง มันคือการแทะโลม สติปัญญาของนางบอกนางว่า เว่ยฉงซีผู้นี้ไม่ได้ดู...ธรรมดาเหมือนกับภายนอกถึงเพียงนั้น!

"ไม่มีอะไร!"

หลังจากเว่ยฉงซีกล่าวจบก็เสริมอีกหนึ่งประโยคว่า "ข้ากำลังคิดอยู่ว่าวันนี้จงซิ่วหลิงมาไม้ไหน เหตุใดนางจึงถูกตบตีเช่นนี้ เจ้ารู้ไหม”

ซือลั่วหัวเราะแห้งๆ "ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ไม่ใช่ตีนางเสียหน่อย เจ้าไม่ได้ฟังที่นางพูดหรือว่าเป็นเพราะนางไปล่อลวงหลิวจงจนถูกภรรยาของหลิวจงพบเห็นเข้าแล้วเลยโดนตบตี"

“นางกล่าวเช่นนี้หรือ”

"ใช่สิ!" ซือลั่วมองเขาด้วยความเคลือบแคลงใจ "เจ้าไม่ได้ยินหรือ"

เว่ยฉงซีมองไปทางซือลั่วและรู้สึกว่าตอนนี้นางเหมือนสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์

เขายิ้ม "ซือลั่ว"

"หือ" ซือลั่วรู้สึกจนมุม

"ข้าอยากไปปลุดทุกข์ ดื่มน้ำมากไปแล้ว"

ซือลั่วตกใจ แล้วหน้าแดงเล็กน้อย "เจ้า... เจ้าไปเองไม่ได้หรือ"

“ไปไม่ได้!” เว่ยฉงซีกล่าว

เขาไปไม่ได้อย่างแท้จริง เพื่อนางในครานี้เขาถึงกับกินยาชนิดนั้นอีกครั้งจนสองขาขยับไม่ได้แล้วจริงๆ

ซือลั่วมองไปทางเขาราวกับสงสัยว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงหรือกำลังหยอกล้อนางอยู่กันแน่

“ถ้าเจ้าลังเลอยู่อีกข้าก็จะอั้นไม่อยู่แล้ว” เว่ยฉงซีกล่าว

ซือลั่วจ้องมองเขา นางไม่สามารถทนดูเขาฉี่ราดกางเกงได้ ทำได้เพียงเดินไปแล้วย่อตัวลง "ข้าจะแบกเจ้าไป!"

ซือลั่วลอบกัดฟัน ถ้าอีกครู่ปัสสาวะไม่ออกล่ะก็ แม่จะหักขาเจ้าให้เหลือข้างเดียวแน่

นางคิดอย่างแค้นเคือง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน