ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน นิยาย บท 49

เว่ยฉงซีปีนขึ้นไปบนหลังนาง ได้กลิ่นหอมบนกายนาง เมื่อมองดูร่างผอมบางของนางที่โงนเงน จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจภายหลังเล็กน้อย แต่คำพูดที่พูดออกไปแล้วถ้าหากเขาไม่ไปซือลั่วจะต้องสงสัยอย่างแน่นอน

ไม่นานก็มาถึงห้องปลดทุกข์ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเรือน ซือลั่ววางเว่ยฉงซีลงอย่างระมัดระวัง ช่วยเขาย้ายเก้าอี้มาแล้วถามว่า "นั่งได้ใช่ไหม"

มันยากสำหรับซือลั่วอย่างมากในการที่จะจินตนาการว่าเขาเข้าห้องน้ำอย่างไร แต่นางรู้ว่าอะไรควรถามอะไรไม่ควรถาม แม้ว่าเว่ยฉงซีจะไม่ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนนักแต่จะต้องกำลังกังวลกับขาทั้งสองของตนเองอย่างแน่นอน

นางถอนหายใจ ตอนนี้ไม่มีความคิดแค้นเคืองเว่ยฉงซีเช่นเมื่อครู่อีกแล้ว

"อืม เจ้าออกไปเถอะ" เว่ยฉงซีกล่าว

ซือลั่วพยักหน้าและยืนอยู่นอกห้องปลดทุกข์ แต่คิดในใจคิดว่าหมอกงเป็นคนของจักรพรรดิ จะต้องไม่รักษาขาให้เว่ยฉงซีอย่างดีแน่นอน นางต้องหาหมอที่ดีท่านหนึ่งเพื่อดูดีๆ อีกทีว่าขาของเว่ยฉงซีสามารถรักษาให้หายดีได้หรือไม่

ขณะที่ซือลั่วคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ก็ได้ยินเสียงน้ำดังมาจากข้างใน

นางสะดุ้งตกใจและหน้าแดงทันที

ไม่นานหลังจากเว่ยฉงซีทำธุระเสร็จสิ้น นางก็แบกเขากลับมาและไปตักน้ำมาให้เขาล้างมือ

“เว่ยฉงซี!” ซือลั่วเรียกเขา พยายามทำให้น้ำเสียงของตนเองฟังดูราบเรียบ

“สักวันข้าจะหาหมออีกท่านมาดูขาของเจ้าดีหรือไม่”

เว่ยฉงซีเงยหน้าขึ้นและพบว่านางกำลังมองเขาอย่างระมัดระวัง ดวงตาใสเป็นประกาย บนใบหน้ามีความห่วงใยเอาใจใส่เล็กน้อย

ในขณะนี้ดวงอาทิตย์ใกล้จะลาลับจากขอบฟ้าอย่างชัดเจน แต่เว่ยฉงซีกลับมองเห็นแสงสว่างอันเรืองรองในดวงตาของนาง

"ไร้ประโยชน์!" เว่ยฉงซีกล่าว

ซือลั่วยังไม่ยอมแพ้ "ถ้าหากมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งส่วนหนึ่งหมื่นเล่า"

เว่ยฉงซีกล่าว "ที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะข้าขยับไม่ได้!"

ซือลั่วเข้าใจในทันที สีหน้านางดูเศร้าสลดและไม่พูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว

เมื่อเห็นแววตาที่หดหู่ของนาง ชั่วขณะหนึ่งเว่ยฉงซีอยากที่จะบอกความจริงต่อนาง แต่เขาทำไม่ได้ ตัวเขาแบกรับภาระมากมายเกินไป เส้นทางของเขาถูกกำหนดไว้ให้มีแต่ความยากลำบากยากเข็ญชั่วชีวิต เขาไม่ต้องการผู้หญิงและยิ่งไม่ต้องการมีจุดอ่อน

สำหรับซือลั่ว...

เนื่องจากทุกสิ่งทุกอย่างที่นางปฎิบัติต่อเขาในช่วงสามปีที่ผ่านมา ต่อให้ตายเป็นหมื่นครั้งคงไม่พอ แต่ทว่าในชั่วขณะนี้...

เว่ยฉงซีคร้านที่จะคิดต่อไปอีก

จู่ ๆ ซือลั่วเงยหน้าขึ้น ดวงตาของนางกลับมามีประกายอีกครั้ง นางนั่งลงข้างกายเว่ยฉงซีจากนั้นจึงกล่าวเสียงเบาว่า "เว่ยฉงซี รอเมื่อข้ามีเงินเพียงพอ ข้าจะพาเจ้าออกไปจากที่นี่!"

เว่ยฉงซีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง

"เจ้าพูดอะไร"

ซือลั่วกระซิบ "ข้าได้สอบถามมาแล้ว ถ้าไปตามทางเหนือจากตำบลหย่วนซานไม่กี่วันจะเป็นชายแดน หากไปทางตะวันก็จะเป็นซีอวี้ หากไปทางใต้ต้องเดินทางหลายเดือนจึงจะพบหนานเยว่ จักรพรรดิจะต้องคิดว่าพวกเราต้องการไปชายแดนไม่ก็ซีอวี้อย่างแน่นอน แต่เราจะไม่ทำเช่นนั้น พวกเราลงใต้ไปที่หนานเยว่ รอจนมีเงินพวกเราค่อยเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนแซ่ แล้วจักรพรรดิจะหาเราไม่พบอีกต่อไป”

แผนการนี้คิดได้ขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน แม้ว่านางจะมีเงินไม่เพียงพอ แต่ขาของเว่ยฉงซีไม่ดีจึงดึงดูดสายตาผู้คนเกินไป รอบกายยังมีหูตาของจักรพรรรดิคอยสอดส่องอยู่ตลอด จะต้องแก้ไขปัญหาข้อยากเหล่านี้ก่อน

เดิมทีซือลั่วไม่ได้วางแผนที่จะบอกเขาเร็วถึงเพียงนี้ แต่นางทนไม่ได้ที่เห็นเว่ยฉงซีเป็นแบบนี้จนอดไม่ได้ที่จะบอกแผนการออกไป การที่มีชีวิตต่อไปโดยไร้ซึ่งอนาคตที่พอจะมองเห็นอยู่รำไรจะทำให้พังทลายได้ง่ายดายอย่างยิ่ง

เมื่อได้ยินแผนการอันยอดแย่ของนาง เว่ยฉงซีเกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ่นในใจ เขาเงยหน้าขึ้นเหลือบมองนาง ใบหน้าของนางอยู่ใกล้เขามาก ใกล้จนเขาเกือบจะมองเห็นขนอ่อนรำไรบนใบหน้าของนาง ดวงตาที่งดงามของนาง แพขนตายาว จมูกกระจุ๋มกระจิ๋ม ปากเล็กที่แดงระเรื่อ...

ทันใดนั้นเว่ยฉงซีก็กอดนางไว้ในอ้อมแขน ซือลั่วอุทานแต่ไม่ได้ผลักเขาออกไป ปล่อยให้เขากอดนางไว้และสูดกลิ่นกายของเขาที่ทำให้ซือลั่วรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก

นางเป็นสหายร่วมทุกข์ร่วมสุขในโลงศพที่มีชีวิตแห่งนี้เพียงคนเดียวของเว่ยฉงซี แต่สำหรับนางแล้วเว่ยฉงซีไม่ใช่ที่พึ่งพาและความอบอุ่นเพียงหนึ่งเดียวในโลกที่โดดเดี่ยวและแปลกประหลาดใบนี้

ซือลั่วยกแขนขึ้นกอดเขาจนแน่นเช่นเดียวกัน

สายลมในค่ำคืนแห่งคิมหันต์โชยอ่อน เหล่าแมลงส่งเสียงร้องระงม จิตวิญญาณที่โดดเดี่ยวอ้างว้างทั้งสองกำลังพักพิงกันและกัน

หลังจากนั้นไม่นานเว่ยฉงซีก็ปล่อยนาง ความเย็นชาและห่างเหินก่อนหน้านี้ก็กลับมาปรากฏบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง

“อย่าพูดถึงมันอีก ข้าไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!”

"แต่…"

ซือลั่วยังต้องการที่จะพูดอะไรอีก แต่เว่ยฉงซีขัดจังหวะนางอย่างเย็นชา "ซือลั่วจำไว้ว่าหากต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุข เจ้าต้องสงบเสงี่ยมเสียหน่อย มีชีวิตรอดต่อไปได้อีกวันก็คืออีกวันหนึ่ง”

หลังจากเว่ยฉงซีพูดจบก็เข้าไปในห้องด้วยตัวเอง

ซือลั่วตัวแข็งทื่อตะลึงงัน เดิมทีนางคิดว่าเว่ยฉงซีคงอยากออกไปจากที่แห่งนี้เหมือนกันกับนาง นางนึกว่าหากนางบอกแผนการของตนเองไปแล้วเว่ยฉงซีจะรู้สึกมีความหวัง

แต่ตอนนี้เว่ยฉงซีราวกับหุ่นเชิดที่ถูกดึงดวงวิญญาณออกไปจนไร้ซึ่งความหวังใดๆ ทั้งสิ้น

เขาหมดหวังในตนเองไปจนสิ้นแล้วงั้นหรือ

ซือลั่วเฝ้าดูเขาค่อยๆ ย้ายเข้าไปในห้องของตนเองทีละน้อย แล้วนางจึงเช็ดน้ำตาที่ไม่รู้ว่าไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ พร้อมกับพุ่งตัวไปที่ห้องของเขาด้วยรอยยิ้ม “เว่ยฉงซี ข้าพูดจริงทำจริง เจ้ารอถูกตบหน้าได้เลย!"

เว่ยฉงซีที่อยู่ในห้องได้ยินคำพูดของนางอย่างแน่นอน เขาคลานไปที่เตียง บนพื้นผิวช่างหนาวเย็นแต่ในใจของเขาหนาวเหน็บยิ่งกว่า

ในชั่วขณะนั้นเขากลับรู้สึกหวั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในไม่ช้าในหัวสมองของเขาก็เต็มไปด้วยความทรงจำเกี่ยวกับการตายอย่างอนาจของบิดามารดาและคนในครอบครัวตลอดจนความอัปยศอดสูที่เขาได้รับในช่วงสามปีที่ผ่านมา

เว่ยฉงซีขมวดคิ้วเม้มริมฝีปากแน่น สายตามีความเย็นชาแข็งกร้าวมากยิ่งขึ้น

ทันใดนั้นก็มีมือสองข้างประคองเขาขึ้นมาบนเตียง เว่ยฉงซีรู้ทันทีว่าเป็นเจ้าสี่

เมื่อเจ้าสี่เห็นท่าทางเช่นนี้ของเขา ในใจก็ไม่สบอารมณ์ และเขายังได้ยินคำพูดของซือลั่วเช่นกัน

"นายน้อย สตรีผู้นี้ผิดปกติ นางจงใจวางกับดักใส่ท่าน ท่านอย่าได้หลงกลนาง!" เจ้าสี่มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างแข็งกร้าว อยากจะฆ่าซือลั่วเสียตอนนี้

เขารู้เรื่องราวที่ซือลั่วทำต่อเว่ยฉงซีในอดีตอย่างชัดเจนแล้ว แม้แต่รอยไหม้ที่แขนของเว่ยฉงซีก็ยังเป็นนางที่เป็นคนทำ ชั่วขณะนั้นเขาสาบานว่าเมื่อสบโอกาสเมื่อไหร่เขาจะจับซือลั่วเข้าไปต้มในหม้ออย่างแน่นอน

บัดนี้ หญิงชั่วผู้นี้กลับมาหลอกลวงนายน้อยเช่นนี้ จะต้องคิดที่จะวางกับดักใส่เขาเพื่อนำ “หลักฐานทางอาญา” ของเขาไปรับความดีความชอบอย่างแน่นอน

ภาพจินตนาการปรากฎขึ้นในหัวของเจ้าสี่าเป็นชุด

หากเป็นแต่ก่อนเว่ยฉงซีต้องคิดเช่นเดียวกับเจ้าสี่อย่างแน่นอน แต่ในตอนนี้ เว่ยฉงซีรู้ว่าสิ่งที่ซือลั่วเพิ่งพูดไปนั้นมาจากใจจริง นางต้องการออกไปจากที่นี่จริงๆ

"ข้ารู้ว่าควรทำอะไร!" เว่ยฉงซีกล่าว

เจ้าสี่ไม่กล้าพูดอะไรมากอีก

“เกิดอะไรขึ้นกับหลิวจง”

เจ้าสี่เล่าถึงสิ่งที่เขาทำในวันก่อน เดิมทีเจ้าสี่วางยากำหนัดให้หลิวจงกับหวังหยวนไว่ แต่ในกายของหวังหยวนไว่ยังมีวสันตโอสถอยู่ไม่น้อย หลังจากที่เขากับหลิวจงออกมาจากหอจวี้เซียนจึงไปหอโคมแดงบริเวณนั้นแห่งหนึ่งที่ชื่อเรือนโกวหลาน สถานที่แห่งนี้เป็นกิจการลับๆ ของหวังหยวนไว่ผู้ซึ่งเชี่ยวชาญในเรื่องสกปรก

เมื่อหลิวจงกับหวังหยวนไว่มาถึงห้องประจำของพวกเขา ก็รอให้คนคุ้มกันทั้งสองพาตัวซือลั่วมา ทุกครั้งหวังหยวนไว่ล้วนใส่วสันตโอสถให้ตนเองเพื่อเพิ่มความเร้าใจและครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น

เจ้าสี่ใช้ประโยชน์จากจุดนี้ ฉวยโอกาสตอนที่หลิวจงออกมาเข้าห้องปลดทุกข์เพื่อตีเขาจนสลบ จากนั้นจึงนำวสันตโอสถใส่ลงไปในสุราของหวังหยวนไว่ทั้งห่อ หลังจากหวังหยวนไว่กินยาแล้ว เจ้าสี่ก็นำตัวหลิวจงที่ถอดชุดจนเปลือยเปล่ามาไว้บนเตียงของหวังหยวนไว่...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน