ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน นิยาย บท 51

สำหรับเว่ยฉงซี ซือลั่วละเลยเขาไปอย่างแท้จริง เนื่องจากเมื่อวานนางคิดสูตรอาหารจนนอนดึก ตอนเช้าก็กินไปแค่ไม่กี่คำ ประมาณคร่าวๆ ว่าหอจวี้เซียนเปิดแล้วจึงรีบมา ยังคิดในใจว่ามื้อกลางวันจะห่ออาหารกลับไปให้เว่ยฉงซีกิน

ไม่คาดคิดว่าเมื่อถึงหอจวี้เซียนแล้วกลับมาเสียเที่ยว เจ้าของร้านเจียงไม่อยู่โดยกล่าวว่ามีเรื่องด่วนจนต้องออกไป

จากนั้นซือลั่วก็ให้เด็กรับใช้ผัดอาหารมาสองสามจานให้นางนำกลับ ส่วนตัวนางนั่งรออยู่ที่ชั้นล่าง

เด็กรับใช้ผัดกับข้าวอย่างรวดเร็ว พอซือลั่วจ่ายเงินแล้วกำลังจะไป พึ่งจะออกประตูก็พบกับโจวซืออี้ซึ่งออกมาจากหอเทียนเซียงจากฝั่งตรงข้าม

โจวซืออี้ตกใจเมื่อเห็นซือลั่ว แล้วจึงจ้องมองนางอย่างดุร้าย

ซือลั่วงงงวย คิดในใจว่าโจวซือโนคจิตใช่หรือไม่ เขาเป็นคนที่ถอนหมั้นในตอนนั้น นางเป็นเหยื่อตกลงไหม ยิ่งกว่านั้นหากไม่มีการเปรียบเทียบก็จะไม่เจ็บปวด แต่ก่อนไม่คิดว่าเว่ยฉงซีจะดีตรงไหน แต่เมื่อมาเทียบกับโจวซืออี้แล้ว เขากลับดีไปหมด

ซือลั่วหิ้วกล่องอาหารและกำลังจะไป ทันใดนั้นโจวซืออี้ก็หันกลับมามองนางดวงแววตาที่มืดครึ้ม “เจ้าไปทำอันใดที่หอจวี้เซียน”

ซือลั่วหันกลับมามองเขา "นอกจากกินข้าวจะยังทำสิ่งใดได้อีก หอเทียนเซียงแม้แต่อาหารจานเดียวยังทำได้ไม่ดีแล้วข้าจะไปกินฝั่งตรงข้ามไม่ได้เชียวหรือ”

"เจ้า…"

โจวซืออี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเช่นกันแต่มักจะถูกซือลั่วทำให้โมโหจนเดือดดาลได้เสมอ

“เจ้าไปขายสูตรอาหารอีกแล้วใช่หรือไม่” เขาถาม

ซือลั่วยิ้ม ภายใต้แสงแดดใบหน้าของนางถูกย้อมไปด้วยสีทอง ทั้งขี้เล่นทั้งมีชีวิตชีวา กระทั่งมีความน่าชิงชังอยู่นิดหน่อย อีกทั้งไม่ไม่พบกันหลายปี ซือลั่วเติบโตขึ้นแล้วบวกกับในตอนนี้ที่นางแต่งชุดบุรุษอีก ทั้งกายก็ดูมีความสง่างามเพิ่มขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ 

โจวซืออี้ถูกรอยยิ้มของนางทำให้ดวงตาพร่าจนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ให้ตายเถอะ เหตุใดเขาจึงคิดว่าหญิงสารเลวผู้นี้ยิ้มได้น่ามองยิ่งนัก

“คุณชายโจว เจ้ายุ่งมากเกินไปแล้วหรือเปล่า”

ซือลั่วถามแฝงนัยประชดประชัน เดิมทีนางไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับโจวซืออี้ แต่จนใจที่คนผู้นี้ช่างน่ารำคาญเหลือเกิน

ซือลั่วไม่สนใจว่าตอนนั้นที่ถูกถอนหมั้นใครถูกใครผิด เมื่อถอนหมั้นนางไปแล้ว ตามการจัดการของบุรุษห่วยๆ เมื่อพบกันหนึ่งครั้งก็ต้องแขวะหนึ่งครั้ง

“ดูเหมือนเจ้าจะลืมไปแล้วว่าข้าเป็นสามีของพี่รองเจ้า” จู่ๆ โจวซืออี้ก็พูด 

ซือลั่วปิดปากหัวเราะอย่างโอ้อวดและเย้ยหยัน นางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วถามเบาๆ ว่า "คุณชายโจว พูดไปแล้ว ทุกวันนี้ที่ข้าได้สามีที่พึงใจตามอุดมคติยังคงต้องขอบคุณในความเมตตาของท่านในปีนั้นที่ไม่แต่งข้า ประโยคนี้ ถ้าหากคุณชายโจวกลับหลานจิงวันไหนก็บอกคนตาบอดสองคนนั้นแทนข้าด้วยว่าขอบคุณพวกเขา”

"เจ้า…"

โจวซืออี้ยังต้องการจะพูดสิ่งใดอีก แต่ซือลั่วได้หันหลังเดินจากไปไกลแล้ว

โจวซืออี้โมโหฟึดฟัดจนชกลงไปบนกำแพงด้านข้าง

“หญิงสารเลว นังหญิงสารเลว!” โจวซืออี้สบถด่าสองครั้ง

เมื่อเห็นหลังของซือลั่วหายไปเด็กรับใช้ที่อยู่รอบกายก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก "คุณชายโปรดอย่าโมโห คุณชายไป๋ยังรออยู่นะขอรับ”

ด้วยเหตุนี้โจวซืออี้จึงเก็บงำสีหน้าและหันหายจากไปพร้อมกับเด็กรับใช้

ซือลั่วถูกเขาก่อกวนจนเสียเวลา เนื่องด้วยอากาศร้อนซือลั่วจึงเลือกอีกเส้นทางซึ่งเป็นตลาดที่ซือลั่วซื้อผักในตอนนั้น

ที่ตลาดซือลั่วไม่เห็นป้าไช่ อีกไม่กี่วันรถเข็นของเว่ยฉงซีคงจะทำเสร็จแล้ว และก็ไม่รู้ว่าที่ช่างไม้หลี่ทำจะทำให้ตนเองจะพอใจได้หรือไม่

ในขณะที่ซือลั่วคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ จู่ๆ ดวงตาก็เป็นประกายดูเหมือนจะมองเห็นของอะไรบางอย่าง นางหันกลับมา แววตาหยุดลงตรงหน้าแฝงขายของเล็กๆ แห่งหนึ่ง

พ่อค้าเร่เป็นชายหนุ่มผิวคล้ำมากแต่แข็งแรงกำยำ เป็นบุรุษชาวนาทั่วไป

“ซื้ออะไร” เมื่อเห็นซือลั่ว ชายผู้นั้นก็ถาม

ซือลั่วชี้ไปที่สิ่งของบนแฝงของเขา "ของสิ่งนี้ขายอย่างไร”

บุรุษผู้นั้นชำเลืองมองอย่างช่วยไม่ได้ "สามเหวินกับหนึ่งหยวน"

ซือลั่วมองดูและพบว่าตอนนี้นางมีอยู่สี่ห้าหยวน ดังนั้นจึงควักเงินออกมาสิบห้าเหวินแล้วยื่นให้บุรุษผู้นั้น "ของสิ่งนี้คืออะไรหรือ คงไม่ใช่หยกหรอกนะ ดูค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว"

ชายคนนั้นมองไปทางซือลั่วอย่างหมดคำพูด คิดในใจว่านี่จะต้องเป็นคุณชาย จากตระกูลไหนสักแห่งที่มีเงินเยอะจนไม่มีที่จะใช้จนต้องมาซื้อของเส็งเคร็งเช่นนี้เป็นแน่ วันนี้เขายังนึกว่าจะขายไม่ออกแล้ว

“ไม่ใช่หยก เป็นแค่หิน” ชายคนนั้นพูดโพล่งออกมา ที่เขานำมันมาก็เป็นเพราะว่าหินก้อนนี้ดูไม่ธรรมดา

"อ้อ"

ซือลั่วบรรจุสิ่งของและถามอีกว่า "ของสิ่งนี้มาจากที่ใดหรือ มันดูค่อนข้างน่าสนใจ ไม่ทราบว่าจะเป็นของที่แกะสลักได้หรือไม่”

ชายผู้นั้นเหลือบมองนางราวกับมองคนงี่เง่าและกล่าว "บนภูเขาหมาป่าจากทางตอนเหนือ ข้าก็ไปพบมันโดยบังเอิญแล้วรู้สึกว่ามันล้ำค่าจึงนำมันลงมา ยังคิดว่าคงขายไม่ออกคาดไม่ถึงว่า...”

ชายคนนั้นไม่ได้กล่าวต่อ แต่ซือลั่วกลับเข้าใจความหมายของเขา คาดไม่ถึงว่าจะมีคนโง่ที่ยอมซื้อมัน

ซือลั่วกลั้นยิ้มไว้ เพราะกลัวชายคนนั้นจะมองออก เมื่อนำของมาแล้วจึงจากไป

เนื่องจากอารมณ์ดี นางจึงก้าวเดินเร็วขึ้นไม่น้อย เมื่อกลับถึงบ้านก็เหนื่อยจนหอบแฮ่ก

ทันทีที่เข้าบ้านและไม่เห็นเว่ยฉงซี นางก็ไม่สนใจและรีบวิ่งเข้าไปในครัว

เมื่อเว่ยฉงซีได้ยินว่านางกลับมา ก็ออกไปและไม่พบใคร เมื่อเห็นกล่องอาหารบนโต๊ะ เขาก็เค้นเสียงอย่างเย็นชา ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้หญิงผู้นี้ล้วนชอบที่จะหาความสำราญเช่นเดียวกัน

เขาพึ่งจะย้ายไปนั่งลงบนเก้าอี้ก็เห็นซือลั่วอยู่ในครัว และเห็นนางนั่งยองๆ และมองดูอะไรบางอย่างอย่างตั้งอกตั้งใจ เว่ยฉงซีกระแอมหนึ่งที แต่ซือลั่วไม่สนใจเขา

เขายิ่งโมโหมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่รู้ว่าตนเองโมโหอะไร ทั้งที่ตนเองอยากจะรักษาระยะห่างจากนางอย่างชัดเจนไม่ใช่หรือ

เว่ยฉงซีโมโหอยู่พักหนึ่งจนกล่องบนโต๊ะโชยกลิ่นหอมของอาหารออกมา เขาดมและไม่สนใจซือลั่วอีกแล้วเริ่มหยิบอาหารออกมากิน

หลังจากนั้นไม่นาน ซือลั่วก็วิ่งออกมาจากห้องไปที่ปากประตู ปิดประตูพร้อมกับลงกลอน จากนั้นวิ่งไปที่ห้องครัว ถืออ่างออกมาวางไว้ตรงหน้าเว่ยฉงซี

เว่ยฉงซีกำลังกินข้าว เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าแดงระเรื่อของซือลั่วที่กำลังมองเขาด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย ด้วยท่าทางที่แสนจะภาคภูมิใจมากเท่าที่สามารถทำได้

“เจ้าทำอะไร” เว่ยฉงซีถาม

ซือลั่ววางอ่างไว้ข้างหน้าเขา แทบจะเขียนคำว่า “สรรเสริญข้า” ลงบนใบหน้า

เว่ยฉงซีก้มศีรษะลง ถึงกับตะลึงงันเมื่อเห็นของในอ่าง ดวงตาของเขาเบิกกว้าง เห็นได้ชัดว่าตกตะลึงจนอึ้งไปแล้ว

“เจ้าไปเอามาจากไหน” เว่ยฉงซีถาม

เขาพิสูจน์ด้วยการกระทำแล้วว่าประโยคที่บอกว่า "จะรักษาระยะห่างกับซือลั่ว” นั้นได้กลายเป็นฝุ่นผงไปแล้ว

“ข้าทำเอง เป็นอย่างไรบ้าง” ซือลั่วเชิดหน้าขึ้นด้วยความมั่นอกมั่นใจ

เว่ยฉงซีมองดูท่าทางภาคภูมิใจอย่างมหาศาลของนางและกล่าว “ซื้อมาจากที่ใด”

“ก็บอกว่าข้าทำเองไงเล่า”

"จะเป็นไปได้อย่างไร เจ้าจะทำน้ำแข็งออกมาในช่วงฤดูร้อนได้อย่างไร”

เจ้าเป็นปีศาจสินะ

ใบหน้าของเว่ยฉงซีเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ แต่เมื่อมองไปยังน้ำแข็งทั้งก้อนในอ่าง อันที่จริงในใจก็แน่ใจไปแล้ว เกรงว่าซือลั่วอาจเป็นคนทำจริงๆ

ทว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร จะทำน้ำแข็งออกมาได้อย่างไร

ซือลั่วพึงพอใจอย่างสุดซึ้ง แต่กลับจงใจยั่วน้ำลายของเขา ด้วยการหยิบจานชามมากินอาหารด้วยตัวเอง

ไม่ต้องพูดถึง อาหารบ้านๆ ธรรมดาเหล่านี้อร่อยเป็นพิเศษเพราะเนื้อและผักในสมัยโบราณดีมาก เมื่อทำออกมาจึงมีความโอชะ เมื่อบวกกับหิวด้วยแล้วซือลั่วก็กินด้วยความพึงพอใจอย่างยิ่ง

เป็นอย่างที่คาดไว้ว่าอาหารที่สามารถยืนหยัดในบททดสอบของผู้คนมาได้ถึงจะสามารถอยู่ได้นาน

เว่ยฉงซีไม่รอให้นางตอบ ยิ่งเห็นนางคีบเนื้อด้วยความกระตือรือร้น เว่ยฉงซีก็ทั้งหิวทั้งอยากรู้อยากเห็น พอเค้นเสียงอย่างเย็นชาทีหนึ่งก็หยิบตะเกียบขึ้นมาและกินด้วยความรวดเร็วเช่นเดียวกัน

หลังจากที่ทั้งสองคนกินเรียบร้อยแล้วก็รู้สึกเหมือนกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

เว่ยฉงซีคาดไม่ถึงว่าอาหารเหล่านี้จะอร่อยขนาดนี้ จนเขาเรออย่างไม่รักษาภาพลักษณ์

"นี่คือสิ่งใด เหตุใดจึงอร่อยเช่นนี้”

“เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า” ซือลั่วเลิกคิ้วขึ้น

เว่ยฉงซีก็ช่างฉลาดเหลือเกิน ในไม่ช้าก็คิดออก อาหารเหล่านี้น่าจะเป็นสูตรอาหารสองสามอย่างที่นางเขียนให้ผู้ดูแลร้านเจียงก่อนหน้านี้

เว่ยฉงซีหรี่ตามองซือลั่ว สตรีผู้นี้นับวันยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ เลยทีเดียว

“น้ำแข็งนี่มันยังไงกันแน่” เว่ยฉงซีถาม 

ซือลั่วยิ้ม "ท่านอ๋องน้อยเว่ย แล้วทำไมข้าจะต้องบอกเจ้าด้วย"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน