ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน นิยาย บท 52

เมื่อเห็นท่าทีกำเริบเสิบสานของนาง เว่ยฉงซีก็อยากจะหยิบนางให้ตาย หญิงผู้นี้เริ่มจะหลงระเริงอีกแล้ว

"ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก” เว่ยฉงซีหันศีรษะและจดจ่ออยู่กับการแกว่งถ้วยชาของเขา

ซือลั่วกล่าว "ท่านอ๋องน้อยเว่ย ช่วยอะไรหน่อยได้ไหม”

“ทำไมข้าจะต้องช่วยเจ้า”

“ในเมื่อเจ้ากินของของข้าดื่มของของข้า แล้วไม่ควรจะทำงานเพื่อตอบแทนข้าสักหน่อยเชียวหรือ”

เว่ยฉงซีกัดฟันกรอด ยังไม่ได้บันดาลโทสะ ก็มีชามกับตะเกียบคู่หนึ่งมาอยู่ในมือเสียแล้ว

"ตีแบบนี้ไปเรื่อยๆ รอจนด้านบนของไข่ขาวมีฟองก็ค่อยเติมเกลือเล็กน้อย น้ำส้มสายชูหนึ่งหยด น้ำตาลหนึ่งช้อน จากนั่นให้ตีต่อไปจนมันข้นหนืดเล็กน้อยค่อยเติมน้ำตาลอีกช้อนแล้วตีต่อไปเรื่อยๆ จนสามารถตั้งตะเกียบได้ก็เสร็จแล้ว เข้าใจไหม” ซือลั่วถาม

เว่ยฉงซีมองของที่อยู่ในชาม “นี่คือไข่ขาวหรือ”

"อืม"

“ตีมันแล้วจะมีประโยชน์อะไร”

“เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง” เมื่อซือลั่วพูดอย่างมีลับลมคมนัยจบก็เข้าไปในครัว

เว่ยฉงซีชำเลืองมองไปทางห้องครัว คิดในใจว่าถ้าอีกประเดี๋ยวไม่เกิดผล เขาจะหยิกหญิงที่น่าชิงชังผู้นี้ให้ตาย

ซือลั่วเข้าไปในครัวและเตรียมหัวไชเท้าหั่นเต๋าจำนวนหนึ่ง หากมีผลไม้จะดีกว่านี้ ทว่าฤดูนี้ผลไม้ยังไม่สุกงอม จึงทำได้เพียงใช้หัวไชเท้าแทน

ซือลั่วหั่นหัวไชเท้าเป็นลูกเต๋าเล็กๆ เทนมวัวลงในหม้อแล้วต้ม...

หลังจากทำหลายสิ่งหลายอย่างจนเสร็จสิ้นซือลั่วก็เหงื่อออกท่วมหัว นางมองออกไปนอกห้องครัวและเห็นว่าเว่ยฉงซีตีครีมจนได้ที่แล้ว แต่ไหนแต่ไรมาตัวซือลั่วเองไม่เคยทำสำเร็จแต่ดูเหมือนว่าจะต้องมีพละกำลังและความเร็วอีกทั้งยังต้องหล่อเหลาอีกถึงจะทำได้นะเนี่ย

ดูเหมือนว่าอีกหน่อยถ้าเว่ยฉงซีไม่เชื่อฟังล่ะก็สามารถทำโทษด้วยวิธีนี้ได้สินะ

หลังจากที่ซือลั่วคิดอย่างชั่วร้ายเสร็จ ก็เดินออกไปหยิบครีมและเข้าครัว

เว่ยฉงซีไม่ได้กล่าวสิ่งใดตั้งแต่ต้นจนจบ เพียงแค่เฝ้าดูนางทำตัวแปลกประหลาดอย่างเงียบเชียบ หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยาม ซือลั่วจึงออกมาจากห้องครัวโดยถือชามใบหนึ่งไว้ในมือ ภายในชามที่ยกมามีของชนิดหนึ่งที่เว่ยฉงซีไม่เคยพบเห็นมาก่อน

"รีบกินเร็ว เดี๋ยวมันจะละลาย" ซือลั่วดันชามให้เว่ยฉงซี แต่เว่ยฉงซีขมวดคิ้ว

ซือลั่วไม่สนใจเขา ตัวเองยุ่งวุนวายมาตลอดทั้งบ่ายก็เพื่อสิ่งนี้

ไอศกรีมทำเองที่ไม่รู้ว่าทำออกมาถูกต้องหรือไม่ ก่อนหน้านี้ซือลั่วเคยทำเองหนึ่งครั้งแต่ก็ล้มเหลว มันไม่ได้อร่อยเท่ากับของที่ซื้อจากข้างนอก แต่พอไอศกรีมรสหัวไชเท้าบ้านๆ นี้เข้าปากไปคำเดียว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่ได้กินมานานแล้วหรือเปล่า แต่ซือลั่วรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่อร่อยที่สุดในโลก ช่างเย็นชื่นใจ เป็นไอศกรีมที่มีรสหวานเล็กน้อย และอารมณ์ของซือลั่วก็ดีขึ้นอย่างไม่คาดคิด

แน่นอนว่าไม่มีสิ่งใดที่อาหารหนึ่งมื้อจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้

เว่ยฉงซีมองการแสดงออกที่โอ้อวดของซือลั่ว แล้วจึงหยิบช้อนขึ้นมากินคำหนึ่งด้วยความดูถูกเหยียดหยาม และมองไปทางซือลั่วด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง

"ถ้ายังไม่รีบกินอีกรอจนข้ากินหมดแล้ว ก็จะกินส่วนของเจ้าเหมือนกัน" ซือลั่วกล่าว

เว่ยฉงซีจ้องนางเขม็งแต่ไม่ได้กวนประสาทอีก แล้วกินชามของเขาจนเรียบร้อย

ทั้งสองถอนใจยาวๆ ด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็สบสายตากัน

เว่ยฉงซีสังเกตเห็นแววตาที่ยิ้มเหมือนไม่ยิ้มของนาง ทันใดนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย นี่นางหลอกล่อเด็กน้อยหรือไง

“อร่อยไหมท่านอ๋องน้อย” ซือลั่วถาม

เว่ยฉงซีพยักหน้า "ตกลงว่าเจ้าทำน้ำแข็งออกมาได้อย่างไร"

เว่ยฉงซีอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างยิ่ง เขามีลางสังหรณ์ว่าน้ำแข็งของซือลั่วจะทำให้เขาประหลาดใจ

“ถ้าเจ้าพูดจาน่าฟังสักสองสามคำล่ะก็ ข้าจะพิจารณาดูว่าจะบอกเจ้าดีหรือไม่” ซือลั่วหรี่ตาลง เห็นได้ชัดว่ากำลังเอาคืนท่าทีของเขาที่มีต่อนางเมื่อคืนนี้

"จะพูดก็พูดไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด!” เว่ยฉงซีโมโหแล้วเหมือนกันและเบี่ยงหน้าหนี

ซือลั่วไม่พูดอะไร ปล่อยให้เขาประชดประชันเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายใส่นางต่อไป เห็นได้ชัดว่าได้จี้หยกและกระบี่กลับคืนมาแล้ว เจ้าหมอนี่คิดจะกลับคำและไม่ให้โอกาสนางจริงๆ หรือ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน