ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน นิยาย บท 53

ไป๋ซิวหย่วนคาดไม่ถึงว่ายังจะมีส่วนนี้อีก ตอนแรกเขารู้เพียงว่าโจวซืออี้ถอนหมั้นกับคุณหนูสามในวันแรก และวันต่อมาก็สู่ขอคุณหนูสองแทน ทุกคนล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขากับคุณหนูสองถูกตาต้องใจกันจนเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น คิดไม่ถึงว่าที่แท้เรื่องราวจะเป็นเช่นนี้

ไป๋ซิวหย่วนมองดูใบชาเขียวขจีในถ้วยชาแล้วมุมปากก็โค้งขึ้นเล็กน้อย

เขาเคยเจอซือลั่วมาก่อนและไม่ค่อยเหมือนกับที่โจวซืออี้เล่า แน่นอนว่าอาจจะเปลี่ยนแปลงไปในภายหลัง

แต่ว่าเรื่องที่ซือหว่าน คุณหนูสองตกน้ำก็บังเอิญเกินไปแล้ว คุณหนูจากตระกูลมั่งคั่งตกน้ำ คนในจวนมีมากถึงเพียงนั้นแต่กลับให้คนนอกอย่างโจวซืออี้มาช่วยเหลือหรือ ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องราวนี้ก็ทำให้ซือลั่วกลายเป็นเป็นตัวตลกในแวดวงชนชั้นสูงไปทั่วทั้งหลานจิง

ไป๋ซิวหย่วนรู้สึกว่าเรื่องนี้มีจุดน่าสงสัยมากเกินไป แต่ในฐานะที่เขาเป็นคนนอกจะพูดอะไรก็คงไม่เหมาะ ทำได้เพียงแค่ปลอบใจเบาๆ ว่า "ในเมื่อมันผ่านไปแล้ว ตอนนี้คุณหนูสามซือก็มีชีวิตที่ไม่ค่อยดี พี่โจวก็ลืมมันไปเถิด”

โจวซืออี้ถอนหายใจ "ข้าก็ไม่ได้อยากจะคิดเล็กคิดน้อยกับนาง ทว่านางน่ารังเกียจจริงๆ วันนี้นางไปที่หอจวี้เซียนอีกแล้ว แสดงออกอย่างชัดเจนว่าอยากจะเป็นศัตรูกับข้า”

ไป๋ซิวหย่วนกล่าว "พูดไปแล้ว คุณหนูสามซือมีความสามารถมากที่เดียว”

“ก็แค่ความสามารถอันน้อยนิด” โจวซืออี้ค่อนข้างดูถูกเหยียดหยาม

ไป๋ซิวหย่วนไม่อยากคุยเรื่องซือลั่วอีก ในมุมมองของเขา โจวซืออี้มีอคติต่อซือลั่ว แต่เขากลับคิดว่าคุณหนูสามซือค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว

ซือลั่วขุดน้ำแข็งก้อนหนึ่งแล้วกินทั้งแบบนั้น หลังจากกินไปสักพักก็รู้สึกเย็นสดชื่นไปหมด จากนั้นจึงออกจากห้องครัวและเห็นว่าเว่ยฉงซีกลับห้องไปแล้ว

นางจึงกลับห้องเช่นเดียวกันและกำลังจะงีบหลับยามบ่าย แต่ยังไม่ได้เข้าห้องก็รู้สึกปวดหน่วงท้องน้อย ซือลั่วรู้สึกไม่ค่อยดี เมื่อเข้าไปในห้องก็ยิ่งรู้สึกปวดท้องน้อยรุนแรงขึ้นไปอีก

ตอนนี้ซือลั่วเข้าใจแล้ว เกรงว่านางกำลังจะมีระดูแล้ว

ต้องตำหนิที่นางหลงระเริงมากเกินจนกินน้ำแข็งไปมากถึงเพียงนั้น เดิมทีนางคิดจะรินน้ำอุ่มดื่ม ทว่าไร้หนทางเนื่องจากยิ่งปวดท้องมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับมีคนจับท้องของนางไว้และจะฉีกออกจากกัน

ซือลั่วเอนตัวลงบนเตียง ใบหน้าซีดขาวไปหมด นางรู้สึกว่าตนเองปวดแทบจะตายแล้ว แต่เดิมตัวนางเองเป็นคนไม่ปวดท้องระดู จึงคาดไม่ถึงว่าเจ้าของร่างเดิมจะเป็นรุนแรงถึงเพียงนี้ แต่ซือลั่วรู้ว่าเป็นเพราะกินน้ำแข็งไปมากไป

เว่ยฉงซีกลับถึงห้อง ในใจก็คิดใคร่ครวญเกี่ยวกับเรื่องของน้ำแข็ง มีครอบครัวคนใหญ่คนโตหลายคนในหลานจิงที่สามารถเก็บน้ำแข็งจำนวนหนึ่งไว้ในอุโมงค์น้ำแข็งในช่วงเหมันตฤดูได้ แต่ก็ต้องมีเงินจำนวนมหาศาลถึงจะทำได้ สิ้นเปลืองทั้งเวลาทั้งเรี่ยวแรงและยังสิ้นเปลืองกำลังคนอีกด้วย

สิ่งนี้ยังนำไปสู่ความจริงที่ว่า เมื่อถึงคิมหันตฤดูราคาของน้ำแข็งจึงสูงอย่างมาก หากสามารถควบคุมทักษะความรู้ในการผลิตน้ำแข็งได้ ก็เทียบเท่ากับการควบคุมลู่ทางการทำเงินได้อย่างมหาศาล การสั่งสมกำลังทหารและการใช้กองทัพล้วนจำเป็นต้องใช้เงิน ซีเป่ยอากาศหนาวเหน็บ หลังจากที่ตระกูลเว่ยเสื่อมถอยลง ทรัพย์สมบัติในตระกูลก็ถูกริบไปจนหมด ของที่เหลือที่ไม่ถูกริบทรัพย์ไปก็เหลือไม่มากนัก หลายปีมานี้เว่ยฉงซีไม่สามารถออกไปข้างนอกได้อีก จำต้องอาศัยผู้ใต้บังคับบัญชาในการจัดการเรื่องราวต่างๆ ซึ่งเปลืองแรงอย่างยิ่ง ถ้าหากเขามีทักษะในการผลิตน้ำแข็งก็จะมีเงิน เมื่อมีเงินแล้วเขาก็จะสามารถทำเรื่องราวมากมายที่อยากจะทำได้

เว่ยฉงซีรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เขารู้สึกอีกครั้งว่าซือลั่วอาจจะเป็นคนที่เง็กเซียนฮ่องเต้เกิดความเวทนาเขาและเวทนาในตระกูลเว่ยจนส่งนางมาเพื่อช่วยเขาโดยแท้จริง

เมื่อเว่ยฉงซีคิดถึงเรื่องเหล่านี้ก็เตรียมจะไปสอบถามซือลั่ว ให้สตรีผู้นี้พึงพอใจสักครั้งก็ไม่เห็นจะเป็นไร

เมื่อเขาออกไปก็ไม่เห็นซือลั่วจึงคิดว่าอาจจะอยู่ในห้อง เมื่อเขาไปถึงประตูห้องนางก็ได้ยินเสียงครวญครางแผ่วเบาอยู่ข้างใน

“ซือลั่ว!”

เว่ยฉงซีเคาะประตู "ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า"

ไม่มีความเคลื่อนไหว

"หากเจ้าไม่พูด เช่นนั้นจะเข้าไปแล้วนะ" เว่ยฉงซีผลักประตูและเห็นซือลั่วนอนอยู่บนเตียง ขดตัวงอเหมือนกุ้ง สีหน้าซีดเซียวและมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นบนหน้าผาก ดูไม่สบายอย่างมาก

หัวใจของเว่ยฉงซีจมดิ่ง "ซือลั่วเจ้าเป็นอะไรไป"

ซือลั่วเจ็บจนจวนจะสลบแล้ว ท่ามกลางความเลือนรางก็ได้ยินเสียงของเว่ยฉงซี นางจึงลืมตาขึ้นมอง เสียงอ่อนระโหยโรยแรงจนใกล้จะร้องไห้ “เว่ยฉงซี ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว!”

เว่ยฉงซีก็ตื่นตระหนกเช่นกัน เขาแตะหัวของนาง มันไม่ร้อน จนเห็นนางกุมท้องอยู่ จากนั้นก็มองเห็นคราบเลือดกระปริบกระปรอยบนเตียง...

เว่ยฉงซีเข้าใจในทันที เขามองไปทางซือลั่วด้วยความกระอักกระอ่วนเล็กน้อยและคิดว่าอีกว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากันอันที่จริงก็คงไม่เป็นไร

ซือลั่วสนใจเขาเรื่องนี้ที่ไหนกัน นางแค่รู้สึกว่านางใกล้จะเจ็บจนตายแล้ว

เว่ยฉงซีกล่าว "เจ้า...เจ้ามีระดู...”

กว่าจะพูดจบก็รู้สึกว่าตนเองหน้าแดงไปหมด

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าซือลั่วได้ยินหรือไม่ แต่หลับตาลงด้วยสีหน้าเจ็บปวด

แต่ไหนแต่ไรเว่ยฉงซีไม่เคยคิดเลยว่าเมื่อสตรีมีระดูจะมีปฏิกิริยารุนแรงถึงเพียงนี้ นี่มันน่ากลัวกว่าตอนให้กำเนิดบุตรเสียอีก

“เจ้านอนลงก่อนเถอะ ข้าจะไปรินน้ำร้อนมาให้เจ้าหนึ่งแก้ว” เว่ยฉงซีก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรเช่นกัน แค่รู้สึกว่าควรดื่มน้ำร้อน

เขาย้ายไปห้องครัวและมองดูขาตัวเองอย่างลำบากใจ จากนั้นจึงต้มน้ำร้อน จำได้ลางๆ เหมือนกับว่าเมื่อก่อนพี่สาวน้องสาวกับเหล่าสาวใช้ในจวนจะดื่มน้ำขิงกับน้ำตาลทรายแดง เขาจึงหาขิงกับน้ำตาลทรายแดงมาจำนวนหนึ่งแล้วโยนมันลงในหม้อ ต้มได้ครู่หนึ่งก็เทลงใส่กา รอจนเขามาถึงห้องของซือลั่วเวลาก็ผ่านไปถึงครึ่งชั่วยามแล้ว

ซือลั่วนอนไม่กระดุกกระดิกอยู่บนเตียง

เว่ยฉงซีคิดในใจว่านางคงไม่ได้ตายไปแล้วหรอกนะ

หัวใจของเขาจมดิ่งลงและปีนขึ้นไปบนเตียงด้วยความตื่นตระหนก จากนั้นจึงเอื้อมมือไปทิ่มศีรษะของซือลั่ว

จู่ ๆ ซือลั่วก็ลืมตาขึ้น กัดฟันพร้อมกับกล่าวว่า "เจ้าคิดจะทิ่มข้าให้ตายใช่หรือไม่”

เว่ยฉงซีลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก "ถึงเจ้าตายไปก็เป็นคนของตระกูลเว่ยของข้า”

"ข้าเป็นของตัวข้าเอง เกี่ยวอะไรกับตระกูลเว่ยของพวกเจ้า"

ซือลั่วพูดด้วยความขุ่นเคืองใจ

"ถึงเจ็บแต่ก็ยังเถียงได้อีก ดูเหมือนจะยังเจ็บไม่พอสินะ” เว่ยฉงซียื่นชามมา “ดื่มเถอะ อย่าตายที่นี่โดยเด็ดขาดเดี๋ยวจะส่งผลกระทบต่อฮวงจุ้ยของเรือน”

ซือลั่วมองไปที่ชามน้ำขิงที่ปกคลุมไปด้วยไอร้อน เมื่อประคองตัวเพื่อหยัดกายขึ้นกระแสน้ำอุ่นสายหนึ่งก็พวยพุ่งออกมาจากช่วงล่าง ทันใดนั้นราวกับว่านางนึกอะไรบางอย่างออกจึงก้มศีรษะ จากนั้นซือลั่วก็รู้สึกว่าโลกใบนี้ช่างเต็มไปด้วยความมุ่งร้ายต่อนาง

“เจ้า... เจ้าออกไป...” จู่ๆ ซือลั่วก็ตะโกน

เว่ยฉงซีถูกทำให้ตื่นตกใจมือสั่นจนชามแทบจะร่วงแล้ว

“เจ้าเป็นบ้าอะไร”

ซือลั่วรับชามมาและชี้ไปที่ประตูพร้อมกับตะโกนว่า "เจ้าออกไป รีบออกไป!"

ตอนนี้เว่ยฉงซีถึงสังเกตเห็นว่านางหน้าแดง จึงก้มศีรษะลงไปมอง แล้วกลั้นยิ้มเอาไว้ “ได้ได้ได้ ข้าจะออกไปแล้ว อุตส่าห์ดูแลด้วยเจตนาดีแต่เจ้ากลับดุร้ายถึงเพียงนี้ เจตนาที่ดีกลับถูกมองเป็นเจตนาร้ายไปเสียได้”

เป็นครั้งแรกที่ซือลั่วคิดว่าเหตุใดเขาจึงพูดมากถึงเพียงนี้

รอจนเขาจากไป ซือลั่วจึงยกน้ำขิงต้มน้ำตาลทรายแดงขึ้นมาดื่ม กระแสน้ำอุ่นไหลเข้าสู่กระเพาะ นางวางชามลงและเอนตัวลงบนเตียงครู่หนึ่งจึงค่อยๆ รู้สึกว่าตนเองฟื้นคืนชีพขึ้นมา

เว่ยฉงซีนั่งอยู่บนขั้นบันไดด้านนอกพร้อมกับมุมปากที่ยกขึ้นเพราะแค่คิดว่ามันน่าขัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นด้านที่ "น่าสนใจ" เช่นนี้ของซือลั่ว

เว่ยฉงซีกำลังอาบแดดอยู่ ทันใดนั้นก็มีคนมาเคาะประตู เว่ยฉงซีคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงย้ายไปที่ประตูและเปิดประตู ศิษย์ผู้หนึ่งจากโรงหมอของหมอกงยืนอยู่ด้านนอกประตู เมื่อศิษย์ของหมอเห็นว่าเป็นเว่ยฉงซีก็ไม่แสดงท่าทีประหลาดใจและผงกหัวให้เขา จากนั้นก็ยื่นยาห่อหนึ่งให้เวยฉงซี “ท่านอาจารย์บอกว่านี่เป็นยาที่ฮูหยินเว่ยต้องการ”

หลังจากกล่าวจบก็จากไปโดยไม่หันกลับมาอีก

เว่ยฉงซีหยิบผงยา แน่นอนว่าเขารู้ว่ายาผงนี้มีไว้เพื่ออะไร เขาได้ยินสิ่งที่ซือลั่วคุยกับหมอกงในวันนั้นหมดแล้ว เพียงแค่เขาไม่เข้าใจว่าซือลั่วต้องการที่จะนำยาผงนี้มาทำอะไร แต่ไม่ใช่เพื่อยั่วยวนเขาอย่างแน่นอน

หรือว่าจะเป็นซิ่วไฉจย่าจริงๆ

แต่ไม่ใช่ว่านางเปลี่ยนเป็นคนอื่นแล้วงั้นหรือ ยังชอบซิ่วไฉจย่าอยู่อีกหรือ

เว่ยฉงซีขยี้ยาผง รู้สึกเพียงว่าเลือดลมในกายของเขาปั่นป่วนและไฟที่ไม่รู้จักก็ปะทุออกมา ซือลั่วช่างน่าชิงชังนัก หมอกงก็น่าชิงชังเช่นกัน พวกเขาจงใจนำยานี้มามอบให้เขา เพราะหมอกงคิดจะทำให้เขาอับอายที่ภรรยาของตนเองซื้อยากำหนัดมาแต่กลับจะใช้มันกับชายอื่น...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน