ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน นิยาย บท 54

ซือลั่วหลับไปครึ่งค่อนวันถึงจะตื่นขึ้น พอจัดแจงตัวเองลวกๆ และเปลี่ยนเสื้อผ้าจึงค่อยออกจากห้อง

เมื่อออกประตูมาดวงอาทิตย์ก็คล้อยไปทางทิศประจิมแล้วและแสงสีทองอร่ามก็ส่องไปทั่วลานบ้าน

เว่ยฉงซีนั่งอยู่ที่ปากประตู เมื่อได้ยินเสียงนางเปิดประตู เว่ยฉงซีก็หันศีรษะ "ดีขึ้นแล้วหรือ"

ซือลั่วหน้าแดงและถลึงตามองเว่ยฉงซีอย่างดุดัน จากนั้นจึงวิ่งเข้าไปในครัวและพบว่ามีน้ำร้อนอยู่ในหม้อซึ่งเว่ยฉงซีน่าจะเป็นคนต้ม

นางตักน้ำมาซักเสื้อผ้า หลังจากออกมาท้องฟ้าก็มืดสนิทไปหมดแล้ว แต่วันนี้เป็นวันแรมสิบสี่ค่ำ  ลานบ้านจึงมีแสงจันทร์กระจ่างสาดส่อง

"เว่ยฉงซี เหตุใดเจ้าถึงยังอยู่ในสนามอยู่อีก" ซือลั่วเห็นว่าเขาอยู่ในท่าทางนี้ตั้งแต่บ่ายแล้ว ไม่รู้ว่าเขาเหนื่อยหรือเปล่า

เว่ยฉงซีหันกลับไปมองนาง ภายใต้แสงจันทร์ ใบหน้าของเว่ยฉงซีดูหล่อเหลาและเด็ดเดี่ยวยิ่งกว่าเดิม

เมื่อซือลั่วได้เห็นก็ถึงกับหายใจติดขัด

"ข้ากำลังรอเจ้าอยู่" เว่ยฉงซีกล่าว

เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงบ่ายซือลั่วจึงรู้สึกอายอย่างยิ่ง นางไม่กล้ามองเข้าไปในดวงตาของเว่ยฉงซี ได้แต่เดินไปที่ข้างกายของเขา "รอข้าหรือ"

เว่ยฉงซียื่นผงยาให้นาง "หมอกงขอให้ข้ามอบให้เจ้า นี่คือยาชนิดใด"

ซือลั่วไม่คาดคิดว่าหมอกงจะนำยามาให้นางจริงๆ เดิมทีนางต้องการจะใช้ยานี้มาจัดการจงซิ่วหลิงกับหลิวจง ทว่าเมื่อพิจารณาว่าจงซิ่วหลิงได้รับบทเรียนไปแล้ว นางจึงคิดว่าตราบใดที่นางไม่คิดที่จะสร้างปัญหาอีก ซือลั่วก็จะไม่ใช้เจ้าสิ่งนี้

แต่ตอนนี้เว่ยฉงซีหยิบมันออกมาแล้ว นางจะกล่าวอย่างไรดี

"สิ่งนี้…"

ซือลั่วรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงในสมัยโบราณ แม้แต่ในยุคปัจจุบันนางก็ไม่สามารถพูดคุยเรื่องนี้กับบุรุษได้

"มันเป็นยาสำหรับรักษาโรคลมเย็นทั่วไป" ซือลั่วพูดไปส่งๆ

ดวงตาของเว่ยฉงซีมืดมนลง ในแววตามีความเย็นเยียบพาดผ่าน ทว่าเขาไม่ได้กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น เพียงแค่ส่งยาให้นาง "เช่นนั้นเจ้าก็เก็บมันไว้ดีๆ"

ซือลั่วรับมันมา

ถามอย่างร้อนตัวว่า "หิวหรือยัง เย็นนี้อยากกินอะไร"

"อะไรก็ได้" เว่ยฉงซีกล่าว

ซือลั่วไม่ได้สังเกตเห็นความแปลกประหลาดของเขาและเข้าไปในครัว

แม้ว่านางจะไม่ปวดท้องถึงเพียงนั้นแล้ว แต่นางก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายอยู่ดี ดังนั้นจึงใส่ข้าวจำนวนหนึ่งลงในหม้อและต้มโจ๊กหนึ่งหม้อ

ทั้งสองกินอาหารมื้อหนึ่งที่ลานบ้านแบบแก้ขัดไปก่อนแล้วค่อยแยกย้ายกลับห้องของตนเองไป

เพียงแต่ราตรีนี้ช่างยาวนาน ซือลั่วนอนไปตลอดทั้งบ่ายจึงนอนไม่หลับ ในขณะที่เว่ยฉงซีก็มัวแต่คิดถึงเรื่องของซือลั่วกับซิ่วไฉจย่า ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหมากขึ้นเรื่อยๆ

ผ่านไปครึ่งค่อนคืน ซือลั่วกระหายน้ำจึงคิดจะไปรินน้ำดื่มที่ห้องครัว พอเปิดประตูก็เห็นเงาคนมืดสลัวคนหนึ่งอยู่ในลานบ้าน

"ว้าย…"

ซือลั่วตกใจ เมื่อคนผู้นั้นหันกลับมา นางจึงเห็นชัดเจนว่าเป็นเว่ยฉงซี

"ดึกดื่นค่ำมืดถึงเพียงนี้เจ้ามานั่งทำอะไรที่นี่กัน" ซือลั่วพูดด้วยความตื่นตกใจ

เว่ยฉงซีมองนาง "แล้วดึกดื่นค่ำมืดถึงเพียงนี้เจ้าออกมาทำอะไรเล่า"

"ข้าหิวน้ำ"

เว่ยฉงซีจึงกล่าว "ข้าก็เช่นกัน"

ซือลั่วหมดคำพูดและไปที่ห้องครัวเพื่อรินน้ำสองแก้ว ทั้งสองคนจึงนั่งดื่มน้ำอยู่ที่ลานบ้าน ดวงจันทร์บนท้องฟ้าจวนจะเต็มดวงแล้ว ดวงใหญ่และส่องแสงไปเกือบทั่วทั้งลานเล็กๆ จนสว่างไสว

ซือลั่วไม่ได้ชมจันทร์อย่างเงียบสงบเช่นนี้มานานแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเป็นเช่นนี้ก็ค่อนข้างดีเลยทีเดียว

นางอดไม่ได้ที่จะมองไปทางเว่ยฉงซีและเว่ยฉงซีก็บังเอิญมองมาที่นางพอดีเช่นกัน

ดวงตาที่ประสานกันทำให้หัวใจของทั้งสองสั่นไหวจนรีบเบนสายตาออกไปอย่างรวดเร็ว

“เจ้ายังไม่ได้บอกว่าน้ำแข็งทำได้อย่างไร” เว่ยฉงซีถาม

ซือลั่วรู้สึกหนาวไปทั้งตัวเมื่อได้ยินคำว่าน้ำแข็ง แต่นางยังคงยิ้มและพูดว่า "รอก่อนนะ"

ซือลั่ววิ่งเข้าไปในครัวเพื่อเทน้ำครึ่งอ่างและถือออกมา ทั้งยังหยิบดินประสิวออกมาอีกด้วย จากนั้นจึงวางมันลงในอ่าง...

เว่ยฉงซีเฝ้าดูโดยไม่ขยับเขยื้อน หลังจากนั้นไม่นานน้ำในอ่างก็ค่อยๆ แข็งตัวจนเป็นน้ำแข็ง แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เล็กน้อย แต่สิ่งนี้ก็ทำให้เว่ยฉงซีประหลาดใจถึงที่สุด

ซือลั่วกล่าว "นี่คือดินประสิว เมื่อมันมาอยู่กับน้ำก็จะสามารถลดอุณหภูมิของน้ำและทำให้เป็นน้ำแข็งได้"

ยามที่พ่อครัวใหญ่คนหนึ่งในร้านอาหารของซือลั่วว่างๆ ก็จะชอบทำการทดลองซี้ซั้ว จึงเคยทำน้ำแข็งจากดินประสิว ดังนั้นซือลั่วจึงรู้ แต่นางยังไม่เคยลองทำด้วยตัวเอง วันนี้นับว่าเป็นครั้งแรกแต่ก็คาดไม่ถึงว่าจะประสบความสำเร็จ

"ผ่านไปอีกไม่กี่วันรอจนมีแตงโมและผลไม้ พวกเราสามารถใส่ผลไม้ไว้ด้านบนแล้วกินน้ำแข็งไสได้” ซือลั่วกล่าว

เว่ยฉงซียังคงจ้องน้ำในอ่างอยู่ จนกระทั่งเห็นน้ำที่ควบแน่นจนกลายเป็นน้ำแข็งมากขึ้น จึงเก็บสายตากลับมาและมองซือลั่วด้วยสายตาที่ค่อนข้างซับซ้อน

ซือลั่วรู้ตัวว่าตนเองเปิดเผยออกไปอีกแล้ว ดังนั้นจึงกล่าวอธิบายว่า "ข้าไปเจอสิ่งนี้จากในตำราโบราณ ข้า..."

"ข้ารู้ ในจวนของซือเทียนอี้มีตำรามากมาย..." เว่ยฉงซีขัดจังหวะนางและช่วยหาข้อแก้ตัวที่สมบูรณ์แบบแทนนาง

ซือลั่วพยักหน้า แต่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง

"สิ่งนี้มีพิษหรือไม่"

"ไม่มีและสามารถใช้ซ้ำได้ด้วย"

ซือลั่วกล่าวเสริม "หากสามารถขุดได้ในปริมาณมาก ไม่เพียงแต่จะทำเป็นน้ำแข็งขายได้เท่านั้น แต่ยังสามารถทำเป็นน้ำแข็งไสใส่ผลไม้และไอศกรีมได้อีกด้วย"

หลังจากที่ซือลั่วพูดจบก็กล่าวเสริมว่า "ก็คือของที่เรากินไปในตอนบ่าย สิ่งนั้น...นั่นข้าก็อ่านเจอในตำราโบราณเช่นเดียวกัน"

ซือลั่วแอบมองเว่ยฉงซีและเห็นว่าเขาไม่ได้สงสัยอะไรทั้งยังฟังอย่างใจจดใจจ่ออีกด้วย นางจึงลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดว่า "อันที่จริงอาหารที่ขายมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว ถ้าหากสามารถเปิดร้านขายเครื่องดื่มเย็นและยึดครองตลาดได้ล่ะก็จะต้องสามารถทำเงินได้มากมายอย่างแน่นอน"

“ยังมีอีกไหม” เว่ยฉงซีถาม

เมื่อซือลั่วเห็นว่าเขาสนใจที่จะฟังจึงกล่าวอีกว่า "ยังมีร้านหม้อไฟด้วย รสชาติที่ล้ำเลิศเช่นนั้น ช่างอร่อยจริงๆ..."

ซือลั่วยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น ในยุคสมัยนี้ไม่มีหม้อไฟ ถ้าสามารถเปิดร้านหม้อไฟได้ เช่นนั้นก็จะมีเงินจำนวนมากหลั่งไหลมา

น่าเสียดายที่ตัวตนของนางและเว่ยฉงซีนั้นมีความละเอียดอ่อน สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้นมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

ซือลั่วรู้สึกเสียดายเล็กน้อย เมื่อเอียงศีรษะก็พบว่าเว่ยฉงซีกำลังจ้องมองนางอยู่

นางถูใบหน้า "มีอะไรติดบนหน้าข้าหรือ"

แน่นอนว่าบนใบหน้าของซือลั่วไม่มีอะไรติดอยู่แล้ว แต่ตอนที่นางพึ่งจะพูดก็ได้แสดงความมั่นใจจากภายในสู่ภายนอกซึ่งทำให้นางดูเหมือนเปล่งประกายไปทั้งตัว

นอกจากนี้ความกระตือรือร้นในตอนที่ซือลั่วพูดคุยได้เผื่อแผ่มาถึงเว่ยฉงซีอีกด้วย แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจทุกอย่าง แต่ก็เข้าใจไปไม่น้อยแล้ว ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดแต่เขารู้สึกว่าสิ่งที่ซือลั่วพูดนั้นเป็นความจริง ในเมื่อนางสามารถทำน้ำแข็งได้ เช่นนั้นจะยังมีสิ่งใดที่ทำไม่ได้อีกเล่า

เมื่อเห็นว่าเว่ยฉงซีไม่พูดไม่จา ซือลั่วจึงมองเขาด้วยความสงสัย

ทันใดนั้นเว่ยฉงซีก็ยิ้ม "ซือลั่วจู่ๆ ข้าก็ไม่อยากให้เจ้ากลายเป็นทัศนียภาพ"

"หมายความว่าอย่างไร" ซือลั่วรู้สึกประหลาดใจ

เว่ยฉงซีกล่าว "ไม่มีอะไร"

ซือลั่วรู้สึกว่าเขาทำตัวลึกลับชอบกล

ทั้งสองนั่งกันอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อซือลั่วกำลังจะกลับไปนอนจู่ๆ เว่ยฉงซีก็คว้านางไว้ ฝ่ามือของเขาร้อนผ่าว ซือลั่วรู้สึกว่ามือทั้งสองร้อนลวกและความรู้สึกแปลกประหลาดชนิดหนึ่งก็พุ่งพล่านเข้าสู่หัวใจ

"เจ้า... เจ้าจะทำอะไร" ซือลั่วถาม

“เจ้ายังชอบซิ่วไฉจย่าอยู่หรือเปล่า” เว่ยฉงซีถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ซือลั่วขมวดคิ้ว หากเว่ยฉงซีไม่ได้ถาม นางก็เกือบลืมไปแล้วว่าซิ่วไฉจย่าเป็นใคร

แม้ว่าจะไม่ทราบว่าเหตุใดเว่ยฉงซีจึงถามเช่นนี้ แต่ซือลั่วก็ยังส่ายหัวอย่างหนักแน่น "ไม่ชอบ"

เว่ยฉงซีจึงปล่อยนางไป

ซือลั่วมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าวันนี้เว่ยฉงซีทำตัวแปลกพิลึก แต่เมื่อคิดดูอีกทีเว่ยฉงซีก็แปลกประหลาดทุกวันเป็นเรื่องปกติ

“ข้าจะไปนอนแล้ว” ซือลั่วหัวเราะแห้งๆ

“ยังปวดท้องอยู่หรือเปล่า” เขาถาม

ซือลั่วชะงักกึกแล้วหน้าแดง โชคดีที่มีความมืดในยามราตรีไม่เช่นนั้นนางคงอายจนตายอย่างแท้จริง

"ไม่แล้ว!" ซือลั่วกล่าว

"อืม"

“เช่นนั้นข้าจะกลับไปแล้ว”

"อืม"

ซือลั่วขนลุกไปทั้งตัว รู้สึกว่าเว่ยฉงซีอ่อนโยนขึ้นมาอย่างกะทันหันเกินไปแล้ว ทว่านางก็ไม่ได้คิดอะไรมากและหลับไปอย่างรวดเร็ว

เว่ยฉงซีกลับถึงห้องและนั่งลงครู่หนึ่งพร้อมกับมีรอยยิ้มประดับที่มุมปากแล้วจึงเข้านอนไปเช่นเดียวกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน