ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน นิยาย บท 55

วันรุ่งขึ้น กว่าซือลั่วจะตื่นก็สายมากแล้ว

นางรู้สึกไม่ค่อยสบายจึงไม่อยากขยับตัว กว่าจะลุกขึ้นมาก็สายมากแล้ว

ซือลั่วออกจากห้องและเห็นว่าเว่ยฉงซีกำลังกินโจ๊กอยู่

“ข้าต้มโจ๊กแล้ว” เขาพูดง่ายๆ แค่สี่คำ

ซือลั่วพยักหน้า ตักมาหนึ่งชามแล้วกินอย่างเชื่องช้า

ทันใดนั้นเว่ยฉงซีก็ถอนหายใจ

"เป็นอะไรไป” ซือลั่วอยากจะเพิกเฉยอย่างยิ่ง ทว่าเขาถอนหายใจได้ชัดเจนเกินไปแล้ว

เว่ยฉงซีกล่าวว่า "แม่รองของข้าทำเค้กถั่วแดงเยี่ยมยอดมาก ทุกครั้งพี่ใหญ่กับข้าล้วนต้องแย่งกันกิน น่าเสียดายที่ไม่สามารถกินมันได้อีกแล้ว”

สิ่งที่เว่ยฉงซีพูดเป็นความจริงเช่นกัน

ซือลั่วกล่าวอย่างตกใจว่า "เค้กถั่วแดง?"

จริงๆ แล้วซือลั่วไม่ค่อยชอบเค้กถั่วแดงที่ทำจากยุคโบราณ ตอนที่เห็นมันก็ไม่ได้มีความอยากอาหารมากนัก คาดไม่ถึงว่าเว่ยฉงซีจะชอบกิน

เขาพยักหน้า "ใช่แล้ว สามปีมานี้ข้ายังไม่เคยได้กินมันอีกเลย”

“แต่ว่าข้าทำไมเป็นนะ”

ซือลั่วทำอะไรไม่ถูก นางทำไม่เป็นจริงๆ และเค้กถั่วแดงก็ไม่ใช่ของที่อร่อยอะไรอีกนางจึงไม่เคยเรียนรู้วิธีทำมาก่อน ตอนที่อบขนมเคยเรียนมากที่สุดก็แค่ไม่กี่วัน แต่นางทำถั่วแดงกวนได้ทั้งยังมีรสชาติที่ยอดเยี่ยมกว่าเค้กถั่วแดงมากโข ทว่าถั่วแดงกวนก็ไม่ได้รสชาติเช่นแม่รองของเขาอีก

เว่ยฉงซีก้มศีรษะไม่กล่าวอะไรทั้งสิ้น

หลังจากที่ทั้งสองกินโจ๊กเสร็จ ดวงตาของซือลั่วก็เป็นประกาย "ข้าไปซื้อกลับมาให้เจ้าหนึ่งห่อก็ได้แล้ว ข้าจำได้ว่าบนถนนมีร้านขนมอยู่หนึ่งแห่ง”

เว่ยฉงซีส่ายหัว "ถึงซื้อมาก็ไม่เหมือนรสมือของแม่รองข้า"

ซือลั่วเดินไปข้างกายเขาและปลอบใจด้วยเสียงแผ่วเบาว่า "ท่านได้จากไปแล้ว หากเจ้าอยากกินข้าค่อยไปเรียนรู้วิธีทำก็ได้"

เว่ยฉงซีผงกหัวอย่างเชื่อฟังและหลุบตาลง

ซือลั่วล้างจานและกลับมาเปลี่ยนชุด แล้วจึงถามว่า "เจ้าอยากกินสิ่งใดอีกไหม"

เว่ยฉงซีส่ายหัว "ไม่มีแล้ว"

เมื่อซือลั่วเห็นว่าเขาอารมณ์ไม่ค่อยดีจึงไม่ถามใดๆ อีก วันนี้นางยังต้องไปหอจวี้เซียนอีกรอบเพื่อดูว่าผู้ดูแลร้านเจียงกลับมาแล้วหรือยัง

ซือลั่วพึ่งจะออกจากบ้านก็บังเอิญพบกับหลี่ซื่อ หลี่ซื่อเหลือบมองซือลั่วด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร ซือลั่วก็ชะงักครู่หนึ่งเช่นเดียวกัน เมื่อเดินผ่านไปแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่าหลี่ซื่อเป็นใคร

มารดาของจงซิ่วหลิง

พอซือลั่วหันกลับไปหลี่ซื่อก็ยังจ้องมองนางอยู่ ทั้งสองประสานสายตากันจนเกือบจะมีประกายไฟพวยพุ่งออกมา

ซือลั่วรู้สึกว่าหญิงผู้นี้ไม่ธรรมดา

เมื่อคิดกลับกัน นางก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดจงซิ่วหลิงที่เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงแค่หญิงสาวจากชนบทจึงได้มีเล่ห์เหลี่ยมมากถึงเพียงนั้น เกรงว่าจะเป็นเพราะหลี่ซื่อผู้นี้เสี้ยมสอนมา

นางหลุบตาลง นึกถึงห่อยาเมื่อวาน ถ้าหากพวกนางไม่มายุ่งเกี่ยวกับนาง ตัวนางเองก็จะไม่ลงมือก่อน แต่หากจงซิ่วหลิงมาทำร้ายนางอีกก็อย่าโทษว่าข้าใจดำก็แล้วกัน

หลังจากมองตามจนซือลั่วออกลับไปจากตรอก หลี่ซื่อจึงละสายตากลับมา นางรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าเจ้าโง่ซือเหมือนจะแตกต่างไปจากแต่ก่อน

จนถึงหน้าประตูใหญ่หลี่ซื่อเห็นเว่ยฉงซีกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ ตอนที่นางมองเขาจู่ๆ เว่ยฉงซีก็ลืมตาขึ้นมามองนางเช่นเดียวกัน หลี่ซื่อตกใจกับสายตาของเขา สายตาคู่นั้นดุดันยิ่งนักและแฝงการตักเตือนอยู่เป็นนัยๆ อย่างเข้มข้น บนกายของเขายังมีกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้ที่เหนือกว่าอีกด้วย

เมื่อครั้งที่หลี่ซื่อยังไม่ออกเรือนนางเคยเป็นสาวรับใช้ในเรือนของผู้สูงศักดิ์อยู่หลายปีเลยได้เรียนรู้อะไรมาไม่น้อยจากหญิงสาวผู้นั้น ต่อมาคุณหนูใช้วิธีการของตนเองจนสามารถแต่งไปอยู่หลานจิง ส่วนหลี่ก็ก็กลับมาอยู่ตำบลหย่วนซาน จากสิ่งที่ได้เรียนรู้จากคุณหนูทำให้นางใช้ชีวิตอยู่ในตำบลหย่วนซานเล็กๆ นี้ได้อย่างไม่เลวเลยทีเดียว ดังนั้นนางจึงสั่งสอนวิธีการเหล่านั้นให้กับบุตรสาวของนาง เพียงแต่ดูเหมือนจงซิ่วหลิงจะไม่ได้เรียนรู้ถึงสาระสำคัญ

เมื่อเห็นซือลั่วกับเว่ยฉงซีในวันนี้ หลี่ซื่อมีสัญชาตญาณอย่างหนึ่งว่าพวกเขาไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับคนเหล่านี้

หลี่ซื่อก้มหน้าลง ไม่กล้าที่จะมองเว่ยฉงซีอีกและรีบกลับบ้านไปอย่างรีบร้อน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน