ซือลั่วไปหอจวี้เซียนก่อนและพบว่า เจ้าของร้านเจียงยังไม่กลับมา ซือลั่วจึงทำได้เพียงฝากข้อความไว้ให้เด็กรับใช้ว่าถ้าหากเจ้าของร้านเจียงกลับมาก็อย่าลืมแจ้งให้นางทราบ
เด็กรับใช้พยักหน้าเพื่อแสดงว่ารับทราบแล้ว
เมื่อออกจากหอจวี้เซียน ซือลั่วก็เดินไปร้านขนมเหยาจี้บนถนนการค้า แต่เนื่องจากอยู่ในช่วงมีระดู นางจึงรู้สึกไม่สบายไปทุกส่วน หลังจากเดินไปได้ระยะหนึ่งก็รู้สึกเหนื่อยจนเหงื่อออกท่วมตัว จึงได้หาที่ร่มรื่นเพื่อพักผ่อน
ในเวลานี้ดูเหมือนว่าสถาบันการศึกษาจะเลิกเรียนแล้วและมีบัณฑิตหลายคนจากสถาบันการศึกษาเดินอยู่บนถนน ซือลั่วมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงได้ลอบประเมินเหล่าบัณฑิตที่ผ่านไป
ต้องบอกว่าบัณฑิตเหล่านี้แต่งตัวดูค่อนข้างน่ามองเลยทีเดียว หลังจากดูไปสักพัก ซือลั่วก็ค้นพบโอกาสทางธุรกิจ
เหล่าบัณฑิตต่างก็ถือตำราไว้ บางรายก็แบกตำราไว้บนหลังเหมือนกับหนิงฉ่ายเฉินในเรื่องโปเยโปโลเยไม่มีผิด ดูแล้วไม่สะดวกทั้งไม่สง่างามอีกด้วย ซือลั่วคิดถึงกระเป๋านักเรียนในรุ่นหลัง สะพายไหล่เดียว สะพายสองไหล่ หากนางสามารถทำออกมาได้มันจะไม่แปลกใหม่อย่างมากหรอกหรือ ดูเหมือนซือลั่วจะเห็นช่องทางรวยอื่นแล้ว แต่ความคิดนี้ต้องระงับไว้ก่อน
ซือลั่วพักผ่อนครู่หนึ่งจนรู้สึกดีขึ้นมากแล้วจึงมาถึงร้านขนมเหยาจี้อย่างรวดเร็ว
นางเคยมาที่ร้านขนมแห่งนี้เมื่อคราวก่อน มันเป็นร้านขนมพื้นๆ ทั่วไปไม่มีอะไรพิเศษ
ซือลั่วเจอเค้กถั่วแดงแล้ว มองดูแล้วรูปลักษณ์ถายนอกดูไม่เลว นางจึงซื้อมาห้าชิ้น เตรียมให้เว่ยฉงซีได้กินจนอิ่ม
ผู้ดูแลร้านเป็นบุรุษวัยกลางคนที่มีหน้าตาหล่อเหลา ซือลั่วคิดว่าตอนที่เขายังหนุ่มจะต้องเป็นหนุ่มหล่ออย่างแน่นอน
“พี่ชายยังต้องการอย่างอื่นอีกหรือไม่” เถ้าแก่ถาม
ซือลั่วส่ายหัว "ไม่ต้องการแล้ว"
นางห่อขนมเสร็จเรียบร้อย เมื่อออกมาก็พบว่าเดิมทีท้องฟ้าที่มีแสงแดดอ่อนๆ นั้นค่อยๆ มืดลงและเมฆครึ้มก็กระจายตัวอย่างหนาแน่นราวกับว่าฝนกำลังจะตก
ในตอนนี้เอง เถ้าแก่ออกมาจากในร้านและยื่นร่มคันหนึ่งใหนาง “ท่านลูกค้าฝนจวนจะตกแล้ว รับสิ่งนี้ไว้เถิด”
"ขอบคุณ" ซือลั่วกล่าวขอบคุณจากใจจริง
เถ้าแก่โบกมือแล้วกลับไป
พอเข้าประตูมาก็เห็นเจ้าสี่ยืนพิงวงกบประตูอยู่
“มาคุยข้างใน”
เจ้าสี่เดินตามเข้ามา
“นายท่านต้องการให้เจ้าไปหาสักรอบ” เถ้าแก่กล่าว
เจ้าสี่เหลือบมองเขา "ข้าขอพูดหน่อยนะเจ้าสาม การปลอมตัวของเจ้าค่อนข้างใช้ได้เลยทีเดียว”
เจ้าสามปรายตามองเขา "ข้าไม่เหมือนเจ้า มีคนมากมายที่รู้จักข้า ถ้าหากถูกจำได้ขึ้นมาล่ะก็นายท่านจะตกอยู่ในอันตราย”
เจ้าสี่พยักหน้า จากนั้นก็ไม่พอใจในทันที "เจ้าให้ร่มแก่หญิงผู้นั้นไปทำไมกัน หญิงสารเลวเช่นนั้นเปียกฝนจนตายไปสิถึงจะดี”
เจ้าสามส่ายหัว "หากนางป่วยขึ้นมานายท่านจะต้องลำบากอีก"
เจ้าสี่กล่าวอย่างโกรธเคือง "ให้ตายเถอะ เมื่อไหร่ชีวิตแบบนี้จะจบลงเสียที”
เจ้าสามเหลือบมองเขาแล้วจึงกล่าว "อดทนไว้"
“อดทน อดทน อดทน อดทนมาตั้งสามปีแล้ว เจ้ายังไม่ได้เห็นหน้าของนายท่าน”
ดวงตาของเจ้าสี่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด "ไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะถลกหนังทุกคนที่ทำร้ายเขาให้หมด"
“อย่าหุนหันพลันแล่น ตอนนี้นายท่านกำลังตกที่นั่งลำบาก เจ้าจะไปสร้างปัญหาไม่ได้ ตอนเย็นที่ไปก็ระวังตัวด้วย” เจ้าสามเกลี้ยกล่อม
“รู้แล้ว!”
เจ้าสี่หยุดไปครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า "ยังไม่มีข่าวคราวจากพี่ใหญ่หรือ"
เจ้าสามส่ายหน้า "ไม่มี..."
เขาไม่ได้กล่าวต่อแต่เจ้าสี่รู้ดีว่าอาจจะมีเรื่องร้ายมากกว่าเรื่องดี
พวกเขามีกันทั้งหมดเจ็ดคน เป็นราชองครักษ์ทั้งเจ็ดแห่งจวนอ๋องซึ่งต่างก็เป็นเด็กกำพร้าที่รับเลี้ยงโดยท่านอ๋องเว่ยเซียว ถูกเลี้ยงดูในจวนอ๋องมาตั้งแต่เด็ก หลังจากเว่ยเซียวเกิดเรื่อง เจ้าสอง เจ้าห้าและเจ้าหกจึงยอมตายเพื่อปกป้องเว่ยเซียว ส่วนพี่ใหญ่ก็ไร้ข่าวคร่าว
เจ้าสี่กับเจ้าสามมาที่นี่ด้วยความยากลำบากและซ่อนตัวอยู่ในที่มืดเพื่อปกป้องเว่ยฉงซี ส่วนเจ้าเจ็ดที่เป็นน้องเล็กสุดหลังจากที่จวนตระกูลเว่ยเกิดเรื่องก็ไปอยู่ในกองทัพซีเป่ยในฐานะสายลับ
เจ้าสามตบไหล่เขา "ท่านอ๋องได้มอบชีวิตให้กับพวกเรา เมื่อท่านอ๋องตายไปชีวิตของพวกเราก็เป็นของท่านอ๋องน้อย ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด พวกเราจะไปสร้างความวุนวายให้กับเขาไม่ได้”
ทำไมตัวเขาจะไม่อยากแก้แค้น ทว่าเจ้าสามรู้ดีว่าตอนนี้พวกเขาไร้ความสามารถ จังหวะโอกาสยังมาไม่ถึงดังนั้นจึงทำได้เพียงแต่อดทน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน
ไม่อัพแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลยT^T...
เข้ามารอต่อ....แอดจ๋าาาแซงคิวเรื่องนี้โหน่ยยยย พลีสสสส...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ สนุกมากๆ 🥹🥹...
แอดจ๋าาาต่อได้ไหมคะ พลีสสสสส TT~TT...
รอบนี้เว้นนานจังค่ะ 🥲ติดงอมแงม...
แอดจ๋าาาาาT^T...
เข้ามาส่องทุกวันT_T...
รอตอนใหม่อย่างมีความหวัง...
รออัพเดทตอน pls....
รออัพตอนใหม่ อย่างมีความหวัง 🥹...