ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน นิยาย บท 57

พอถือบะหมี่ออกมาก็เห็นว่าเว่ยฉงซีไม่อยู่แล้ว

จึงนึกว่าเขากลับไปในห้อง จนเมื่อนางถือบะหมี่เข้าห้องของตนเองไปและไม่เห็นเว่ยฉงซี ความโกรธที่กดเก็บเอาไว้ของซือลั่วก็เดือดพล่านขึ้นมาทันที

นางบุกเข้าไปในห้องของเว่ยฉงซีอย่างเดือดดาล แล้วจึงเห็นเขานั่งอยู่ตรงจุดที่ไม่เปียกฝนด้วยท่าทางทีน่าสงสารอย่างยิ่ง

ซือลั่วทั้งโมโหทั้งปวดใจ

“เว่ยฉงซี เจ้าจะกินข้าวหรือไม่”

เว่ยฉงซีเงยหน้าขึ้นมองนาง “ข้ากินเค้กถั่วแดงจนอิ่มแล้ว”

“งั้นหรือ”

"ใช่"

ซือลั่ว หัวเราะเยาะและจากไป

เว่ยฉงซีถอนหายใจ เขารู้ด้วยว่าตนเองไม่ควรทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับซือลั่ว ทว่าฝนที่ตกลงมาในวันนี้ทำให้เขารู้สึกอัดอั้นตันใจ ผนวกกับห้องที่เต็มไปด้วน้ำรั่ว เรื่องราวมากมายที่ซือลั่วเคยทำให้อดีตก็หลั่งไหลออกมา เว่ยฉงซีเห็นใบหน้าของนางจึงอดไม่ที่จะระบายความโกรธออกมา

ซือลั่วกระแทกประตูเสียงดังและเข้าไปในห้อง นางถือบะหมี่เข้าไปในห้องของเว่ยฉงซีและนั่งถัดจากเขา จากนั้นก็นำขึ้นมากิน

เว่ยฉงซีพูดไม่ออก

เขาตกตะลึงกับความไร้ยางอายของซือลั่ว เมื่อมองดูชามบะหมี่ที่ดูเรียบง่ายแต่กลับน่ารับประทานอย่างมาก เว่ยฉงซีจึงอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย แต่ด้วยศักดิ์ศรีของท่านอ๋องน้อยเว่ย เขารู้ดีว่าในตอนนี้ตนเองจะยอมแพ้ไม่ได้โดยเด็ดขาด

เขาเบี่ยงหน้าหนี

ซือลั่วชอบกินบะหมี่และนางยังคิดว่าคิดว่าบะหมี่นั้นวิเศษอย่างแท้จริง มันสามารถทำออกมาได้หลากหลายรูปแบบ ดังเช่นในเส้นบะหมี่ยืดในขณะนี้ บะหมี่ปาด บะหมี่ดึง และอื่น ๆ รสชาติที่ได้ก็แตกต่างกัน บะหมี่ยืดต้องทำด้วยวิธีการเรียบง่ายดายนี้เท่านั้นถึงจะได้รสชาติ

นี่คือรสชาติในวัยเด็กของซือลั่ว มารดาของนางก็เป็นคนซีเป่ยจึงถนัดทำอาหารพื้น ๆ เหล่านี้อย่างมาก เป็นอาหารที่เรียบง่ายแต่กลับมีรสชาติเหมือนได้อยู่บ้าน

ขณะที่ซือลั่วกินไปนั้นก็คิดถึงมารดาขึ้นมาจนดวงตาเป็นสีแดง

ซือลั่วคิดว่าถ้านางสามารถเกิดใหม่ในยุคนี้ได้ มารดาก็คงจะไปเกิดใหม่ในยุคใดยุคหนึ่งเช่นเดียวกัน

เมื่อคิดถึงตรงนี้นางก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจถึงเพียงนั้นอีก

ซือลั่วกินอย่างเอร็ดอร่อย หลังจากกินบะหมี่ร้อน ๆ ลงท้องไปชามหนึ่ง ทั้งร่างก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ทว่าสีหน้าของกลับดูไม่ได้แล้ว

ซือลั่วลุกขึ้นยืนและตบฝุ่นบนเสื้อ "เว่ยฉงซี ข้า..."

ยังกล่าวไม่ทันจบก็เห็นหนูขนยาวสีเทาอยู่ที่เท้าของนาง

หลังจากที่ชะงักไปครู่เดียว ซือลั่วก็ส่งเสียงร้องดังออกมา

“เว่ย...เว่ย ฉงซี!”

นางกระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของเว่ยฉงซีโดยทันที เว่ยฉงซีไม่ได้ตกใจหนู แต่ถูกซือลั่วทำให้ตกอกตกใจ อีกทั้ง...

เขามองไปซือลั่วที่หน้าซีดด้วยความหวาดกลัวในอ้อมแขน ทันใดนั้นก็มีความคิดชั่วร้ายเล็กน้อย เขากอดนางไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นมองไปทางซือลั่วอย่างงงงัน "ซือลั่ว นับวันเจ้ายิ่งไร้ยางอายมากขึ้นเรื่อย ๆ เรื่องอิงแอบแนบชิดในอ้อมอกเช่นนี้เจ้าก็ทำได้ด้วย”

ซือลั่วถึงได้ตระหนักถึงอะไรบางอย่าง ทว่านางกลัวหนู จึงทำได้เพียงแต่ซบต่อไปไม่ขยับเขยื้อน แล้วยื่นหัวออกไปมอง จึงพบว่าหนูตัวนั้นไม่อยู่แล้ว เดาว่าน่าจะตกใจนางจนหนีไป

นางต้องการออกจากอ้อมแขนของเว่ยฉงซี ทว่าพอจะหลุดพ้นแล้ว ก็ค้นพบว่าเว่ยฉงซีกอดนางไว้แน่นมาก นางขมวดคิ้ว “เว่ยฉงซี เจ้าปล่อยข้านะ”

เว่ยฉงซีมองไปที่ชามเปล่าบนพื้น และรู้สึกโกรธเล็กน้อยจึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ข้าเป็นแบบนี้ไปแล้ว เจ้าก็ยังทำร้ายกันได้ลงคออีกหรือ”

ซือลั่วตกใจ ในไม่ช้าก็ตระหนักได้ว่าเขาพูดถึงสิ่งใด นางจึงผลักเขาออกแล้วยืนขึ้นด้วยตัวเอง

เว่ยฉงซีมองนางเมื่อเห็นนางทั้งโกรธทั้งอาย ก็รู้สึกว่าค่อนข้างสนุกเลยทีเดียว

ซือลั่วถลึงตาใส่เขา “ถ้าเจ้ามีความสามารถนักก็นั่งอยู่ที่นี่ไปทั้งคืนเสีย" กล่าวจบก็กระแทกประตูและจากไป

หลังจากกลับมาที่ห้อง และเห็นชามบะหมี่บนโต๊ะ ซือลั่วก็ทนไม่ได้จนต้องยกมันไปวางไว้ตรงหน้าเขา “อยากกินก็กิน ไม่อยากกินก็ไม่ต้องกิน”

เว่ยฉงซีมองไปที่ชามบะหมี่หน้าตาอัปลักษณ์ที่มีควันลอยกรุ่น และยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ และกินมันในที่สุด

ฝนตกตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงเย็นย่ำ เมื่อซือลั่วตื่นขึ้นมาท้องฟ้าก็มืดแล้ว

ทางด้านของเว่ยฉงซี เจ้าสี่มาท่ามกลางสายฝน เมื่อมองไปทางห้องของเว่ยฉงซีแล้วเห็นเขานั่งอยู่ที่มุมห้อง เขาก็เดือดดาลจนเข็ดฟัน

"นายท่าน"

เจ้าสี่เป็นชายร่างใหญ่บึกบึน แต่รู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะตาแดงไปหมด

“นังหญิงสารเลวผู้นั้นทำกับท่านเช่นนี้ได้อย่างไร” เจ้าสี่พูดพร้อมกับกัดฟันกรอด

เว่ยฉงซีส่ายหัว "ไม่เป็นไร! ไม่ใช่นาง"

ในความเป็นจริง ถ้าไม่ใช่เขาเรียกเจ้าสี่มาเพราะมีธุระ เขาก็คงไปหลบภัยชั่วคราวอยู่ที่ห้องของซือลั่วแล้ว

"ข้าเรียกเจ้ามาเพราะมีเรื่องอื่น” เว่ยฉงซีหยิบดินประสิวออกมา แล้ววางลงในอ่างรองน้ำฝน

เจ้าสี่ไม่เข้าใจ แต่ในไม่ช้าดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

"ท่านอ๋องน้อย นี่..." เขาแปลกใจมากจนแม้แต่คำว่านายท่านก็ลืมเรียกแล้ว

"ของสิ่งนี้สามารถใช้ซ้ำได้ทั้งยังไม่มีพิษ"

“คุณชาย ท่านค้นพบของสิ่งนี้ได้อย่างไร” เจ้าสี่ประหลาดใจที่สิ่งนี้สามารถทำน้ำแข็งได้ เช่นนี้ไม่ใช่ว่าจะรวยกันแล้วหรือ ตอนนี้นายท่านขาดแคลนเงินมาก หากมีเงินแล้ว พวกเขาก็จะจัดการเรื่องรางต่าง ๆ ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

"ซือลั่วเป็นผู้ค้นพบมัน"

"นาง?"

เจ้าสี่ไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับซือลั่ว หสกไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะไปทำลายแผนการของนายท่าน เขาก็คงฆ่านางไปนานแล้ว

“มีอยู่บนภูเขาหมาป่าทางตอนเหนือ เจ้าพาคนไปดเสียหน่อย หากเป็นเรื่องจริง เจ้าสามรู้ว่าต้องทำอย่างไร”

เว่ยฉงซีออกคำสั่ง

“ผู้น้อยรับทราบ” เจ้าสี่ถือดินประสิว ไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นของเขาได้

“คราวหน้าหากซือลั่วไปเหยาจี้ เจ้าก็ให้เจ้าสามคิดหาวิธีร่วมมือกับนาง”

“ร่วมมืออย่างไรหรือ” เจ้าสี่ดูแคลนซือลั่วในทุก ๆ ด้าน แม้แต่ดินประสิวที่ทำน้ำแข็งในวันนี้ เขาก็ยังคิดว่าซือลั่วเป็นแมวตาบอดเจอหนูตาย* (คำอธิบาย แมวตาบอดเจอหนูตาย อุปมาถึง คนโชคร้ายที่ดันได้รับโชคหรือประสบความสำเร็จโดยบังเอิญ)

"ให้เจ้าสามจัดการไปตามสมควร”

เว่ยฉงซีนึกถึงเครื่องดื่มน้ำแข็งที่เขากินไปเมื่อไม่นานมานี้ ผนวกกับความตื่นเต้นของซือลั่วที่พูดถึงการเปิดร้านเมื่อครั้งก่อน เขาจึงคิดว่าในเมื่อสามารถทำให้หอจวี้เซียนเป็นที่นิยมได้ หากจะทำสิ่งอื่นก็คงไม่มีปัญหา

เจ้าสี่ดูหมิ่นซือลั่วมาก แต่นี่คือสิ่งที่นายท่านสั่งการ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปฏิบัติตาม

“เว่ยฉงซี!”

ทั้งสองคนเพิ่งพูดจบ เสียงของซือลั่วก็ดังมาจากนอกประตู

“นายท่าน ข้าขอตัวก่อน ตัวท่านเองก็ต้องระมัดระวังด้วย” เจ้าสี่กล่าวเสียงเบา

เขากลัวว่าอยู่นานเกินไปแล้วจะทนไม่ไหวจนลงมือฆ่าซือลั่ว

"ได้” เว่ยฉงซีพยักหน้า

หลังจากที่เจ้าสี่กระโดดไปจากหน้าต่างด้านหลังแล้ว ซือลั่วก็เปิดประตูเข้ามา เมื่อเห็นว่าเว่ยฉงซียังคงนั่งตัวแห้งอยู่ นางจึงขมวดคิ้ว "เจ้าจะนั่งอยู่แบบนี้ไปทั้งคืนเลยหรือ"

เว่ยฉงซี ไม่กล่าวสิ่งใด

ซือลั่วลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าว "ก่อนหน้านี้ข้าผิดเอง เจ้าไม่ได้บอกว่าจะให้โอกาสข้าสักครั้งเหรอ"

ใครใช้ให้นางติดหนี้เขา ขอโทษก็ขอโทษสิ

เว่ยฉงซีเงยหน้าขึ้นมองนาง เขามองออกถึงความคับข้องใจของซือลั่ว

"ข้าเพียงแค่คิดว่าบุรุษกับสตรีที่ไร้คู่ครองมาอยู่ร่วมห้องกันจะดูไม่งาม”

หลังจากกล่าวจบตัวเองก็ยังรู้สึกว่าเหตุผลนี้ช่างไร้สาระ พวกเขาใช้เวลาร่วมกันน้อยหรืออย่างไร

"ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง" ซือลั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก "ข้าไม่ใช่สาววัยแรกแย้มแล้ว จะกลัวอันใด”

หลังจากที่นางพูดจบถึงรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง จึงรีบพูดว่า "ข้าหมายความว่า พวกเราเป็นสามีภรรยากัน อยู่ห้องเดียวกันได้"

เว่ยฉงซีมองนางพร้อมกับเลิกคิ้ว

ซือลั่วหัวเราะแห้งๆ "ข้า...ข้าหมายถึง..."

“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ” เว่ยฉงซีกล่าว “ไปกันเถอะ”

ซือลั่วรู้ว่าเขายินยอมแล้ว นางจึงรีบร้อนวิ่งมาเหมือนสุนัขรับใช้ ด้วยกลัวว่าเว่ยฉงซีจะกลับคำ

เว่ยฉงซีรู้สึกตลกเล็กน้อย แต่เขาก็ยังพูดว่า "เจ้าไม่ค่อยสบาย ข้าจะไปเอง"

"……ได้เลย"

ซือลั่วไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามเขา

ในไม่ช้าเว่ยฉงซีก็มาถึงห้องของซือลั่ว ซือลั่วย้ายเก้าอี้มาให้เขา เขานั่งลงไป แล้วมองดูห้องของซือลั่และพบว่ามันแตกต่างไปจากแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน