พอถือบะหมี่ออกมาก็เห็นว่าเว่ยฉงซีไม่อยู่แล้ว
จึงนึกว่าเขากลับไปในห้อง จนเมื่อนางถือบะหมี่เข้าห้องของตนเองไปและไม่เห็นเว่ยฉงซี ความโกรธที่กดเก็บเอาไว้ของซือลั่วก็เดือดพล่านขึ้นมาทันที
นางบุกเข้าไปในห้องของเว่ยฉงซีอย่างเดือดดาล แล้วจึงเห็นเขานั่งอยู่ตรงจุดที่ไม่เปียกฝนด้วยท่าทางทีน่าสงสารอย่างยิ่ง
ซือลั่วทั้งโมโหทั้งปวดใจ
“เว่ยฉงซี เจ้าจะกินข้าวหรือไม่”
เว่ยฉงซีเงยหน้าขึ้นมองนาง “ข้ากินเค้กถั่วแดงจนอิ่มแล้ว”
“งั้นหรือ”
"ใช่"
ซือลั่ว หัวเราะเยาะและจากไป
เว่ยฉงซีถอนหายใจ เขารู้ด้วยว่าตนเองไม่ควรทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับซือลั่ว ทว่าฝนที่ตกลงมาในวันนี้ทำให้เขารู้สึกอัดอั้นตันใจ ผนวกกับห้องที่เต็มไปด้วน้ำรั่ว เรื่องราวมากมายที่ซือลั่วเคยทำให้อดีตก็หลั่งไหลออกมา เว่ยฉงซีเห็นใบหน้าของนางจึงอดไม่ที่จะระบายความโกรธออกมา
ซือลั่วกระแทกประตูเสียงดังและเข้าไปในห้อง นางถือบะหมี่เข้าไปในห้องของเว่ยฉงซีและนั่งถัดจากเขา จากนั้นก็นำขึ้นมากิน
เว่ยฉงซีพูดไม่ออก
เขาตกตะลึงกับความไร้ยางอายของซือลั่ว เมื่อมองดูชามบะหมี่ที่ดูเรียบง่ายแต่กลับน่ารับประทานอย่างมาก เว่ยฉงซีจึงอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย แต่ด้วยศักดิ์ศรีของท่านอ๋องน้อยเว่ย เขารู้ดีว่าในตอนนี้ตนเองจะยอมแพ้ไม่ได้โดยเด็ดขาด
เขาเบี่ยงหน้าหนี
ซือลั่วชอบกินบะหมี่และนางยังคิดว่าคิดว่าบะหมี่นั้นวิเศษอย่างแท้จริง มันสามารถทำออกมาได้หลากหลายรูปแบบ ดังเช่นในเส้นบะหมี่ยืดในขณะนี้ บะหมี่ปาด บะหมี่ดึง และอื่น ๆ รสชาติที่ได้ก็แตกต่างกัน บะหมี่ยืดต้องทำด้วยวิธีการเรียบง่ายดายนี้เท่านั้นถึงจะได้รสชาติ
นี่คือรสชาติในวัยเด็กของซือลั่ว มารดาของนางก็เป็นคนซีเป่ยจึงถนัดทำอาหารพื้น ๆ เหล่านี้อย่างมาก เป็นอาหารที่เรียบง่ายแต่กลับมีรสชาติเหมือนได้อยู่บ้าน
ขณะที่ซือลั่วกินไปนั้นก็คิดถึงมารดาขึ้นมาจนดวงตาเป็นสีแดง
ซือลั่วคิดว่าถ้านางสามารถเกิดใหม่ในยุคนี้ได้ มารดาก็คงจะไปเกิดใหม่ในยุคใดยุคหนึ่งเช่นเดียวกัน
เมื่อคิดถึงตรงนี้นางก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจถึงเพียงนั้นอีก
ซือลั่วกินอย่างเอร็ดอร่อย หลังจากกินบะหมี่ร้อน ๆ ลงท้องไปชามหนึ่ง ทั้งร่างก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ทว่าสีหน้าของกลับดูไม่ได้แล้ว
ซือลั่วลุกขึ้นยืนและตบฝุ่นบนเสื้อ "เว่ยฉงซี ข้า..."
ยังกล่าวไม่ทันจบก็เห็นหนูขนยาวสีเทาอยู่ที่เท้าของนาง
หลังจากที่ชะงักไปครู่เดียว ซือลั่วก็ส่งเสียงร้องดังออกมา
“เว่ย...เว่ย ฉงซี!”
นางกระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของเว่ยฉงซีโดยทันที เว่ยฉงซีไม่ได้ตกใจหนู แต่ถูกซือลั่วทำให้ตกอกตกใจ อีกทั้ง...
เขามองไปซือลั่วที่หน้าซีดด้วยความหวาดกลัวในอ้อมแขน ทันใดนั้นก็มีความคิดชั่วร้ายเล็กน้อย เขากอดนางไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นมองไปทางซือลั่วอย่างงงงัน "ซือลั่ว นับวันเจ้ายิ่งไร้ยางอายมากขึ้นเรื่อย ๆ เรื่องอิงแอบแนบชิดในอ้อมอกเช่นนี้เจ้าก็ทำได้ด้วย”
ซือลั่วถึงได้ตระหนักถึงอะไรบางอย่าง ทว่านางกลัวหนู จึงทำได้เพียงแต่ซบต่อไปไม่ขยับเขยื้อน แล้วยื่นหัวออกไปมอง จึงพบว่าหนูตัวนั้นไม่อยู่แล้ว เดาว่าน่าจะตกใจนางจนหนีไป
นางต้องการออกจากอ้อมแขนของเว่ยฉงซี ทว่าพอจะหลุดพ้นแล้ว ก็ค้นพบว่าเว่ยฉงซีกอดนางไว้แน่นมาก นางขมวดคิ้ว “เว่ยฉงซี เจ้าปล่อยข้านะ”
เว่ยฉงซีมองไปที่ชามเปล่าบนพื้น และรู้สึกโกรธเล็กน้อยจึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ข้าเป็นแบบนี้ไปแล้ว เจ้าก็ยังทำร้ายกันได้ลงคออีกหรือ”
ซือลั่วตกใจ ในไม่ช้าก็ตระหนักได้ว่าเขาพูดถึงสิ่งใด นางจึงผลักเขาออกแล้วยืนขึ้นด้วยตัวเอง
เว่ยฉงซีมองนางเมื่อเห็นนางทั้งโกรธทั้งอาย ก็รู้สึกว่าค่อนข้างสนุกเลยทีเดียว
ซือลั่วถลึงตาใส่เขา “ถ้าเจ้ามีความสามารถนักก็นั่งอยู่ที่นี่ไปทั้งคืนเสีย" กล่าวจบก็กระแทกประตูและจากไป
หลังจากกลับมาที่ห้อง และเห็นชามบะหมี่บนโต๊ะ ซือลั่วก็ทนไม่ได้จนต้องยกมันไปวางไว้ตรงหน้าเขา “อยากกินก็กิน ไม่อยากกินก็ไม่ต้องกิน”
เว่ยฉงซีมองไปที่ชามบะหมี่หน้าตาอัปลักษณ์ที่มีควันลอยกรุ่น และยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ และกินมันในที่สุด
ฝนตกตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงเย็นย่ำ เมื่อซือลั่วตื่นขึ้นมาท้องฟ้าก็มืดแล้ว
ทางด้านของเว่ยฉงซี เจ้าสี่มาท่ามกลางสายฝน เมื่อมองไปทางห้องของเว่ยฉงซีแล้วเห็นเขานั่งอยู่ที่มุมห้อง เขาก็เดือดดาลจนเข็ดฟัน
"นายท่าน"
เจ้าสี่เป็นชายร่างใหญ่บึกบึน แต่รู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะตาแดงไปหมด
“นังหญิงสารเลวผู้นั้นทำกับท่านเช่นนี้ได้อย่างไร” เจ้าสี่พูดพร้อมกับกัดฟันกรอด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน
ไม่อัพแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลยT^T...
เข้ามารอต่อ....แอดจ๋าาาแซงคิวเรื่องนี้โหน่ยยยย พลีสสสส...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ สนุกมากๆ 🥹🥹...
แอดจ๋าาาต่อได้ไหมคะ พลีสสสสส TT~TT...
รอบนี้เว้นนานจังค่ะ 🥲ติดงอมแงม...
แอดจ๋าาาาาT^T...
เข้ามาส่องทุกวันT_T...
รอตอนใหม่อย่างมีความหวัง...
รออัพเดทตอน pls....
รออัพตอนใหม่ อย่างมีความหวัง 🥹...